ร้อยเวร เล่าปัญหา อายัดบัญชี มาตรการบ้งที่สุด เล่าขั้นตอนสุดมึน เหตุทำโยนกันไป-มา

 
             ร้อยเวร เล่าปัญหา มาตรการอายัดบัญชี ยกคือมาตรการสุดบ้ง โยนกันไปมา ธนาคาร–ตำรวจ เบื้องหลังทำประชาชนเดือดร้อนหนัก

 ร้อยเวร เล่าปัญหา อายัดบัญชี มาตรการบ้งที่สุด

             จากกรณีประชาชนจำนวนมากถูกอายัดบัญชีธนาคาร โดยไม่ทันตั้งตัว บางรายถึงขั้นยอดเงินติดลบ ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมผิดกฎหมาย จนเกิดเสียงสะท้อนเรื่องความเดือดร้อนหนัก ใช้เงินไม่ได้ ต้องหันไปถอนเก็บเป็นเงินสดติดตัวแทน ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันอยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงขั้นตอนอายัด–ปลดอายัด ให้ประชาชนสุจริตขอยกเลิกการถอนอายัด ได้ที่ ศูนย์ AOC 1441 กด 2

             วันที่ 14 กันยายน 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ton Thanapon ออกมาเปิดเผยเสียงสะท้อนบางส่วนของ ร้อยเวร ที่พบเจอมาด้วยตัวเองและจากในโลกออนไลน์ ซึ่งหลายคนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับขั้นตอนการแจ้งอายัด และปลดอายัดบัญชีแบบที่เกิดปัญหาขึ้นในปัจจุบัน โดยเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ประชาชนเกิดความไม่สะดวก จนเข้าใจว่าเป็นการโยนกันไปมาระหว่างธนาคารกับตำรวจ โดยชี้ว่า มาตรการนี้เป็น "มาตรการที่บ้งที่สุด" ตั้งแต่ทำงานมา

             โพสต์ดังกล่าว ระบุว่า จากท็อปคอมเมนต์โพสต์หนึ่ง เอามาแบ่งปันครับ ประเด็น ร้อยเวรอายัดบัญชี อยากให้เข้าใจ ผมเป็นร้อยเวรเหมือนกัน บอกเลยว่าเป็นมาตรการที่บ้งที่สุดตั้งแต่ทำงานมา 5 ปี ผมขอมาอธิบาย แล้วให้ทุก ๆ ท่านลองอ่านดูแล้วคิดว่ามันสมเหตุสมผลไหม ?

             กระบวนการทำงานของระบบนี้คือเมื่อมีสายโทร. เข้า 1441 แจ้งว่า บัญชีนี้โกง เพียงแค่ตรวจสอบว่ามีรายการโอนจริง ธนาคารก็อายัดเลย 3 วัน โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.อาชญากรรมเทคโนโลยี ปี 2566

             ต่อมา 1441 จะลงข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์ของตำรวจ ซึ่งขอเรียกว่า TPO ในส่วนของคดี ระบบจะเร่งรัดให้มีการแจกคดีให้ร้อยเวรตามโรงพัก ว่าใครจะได้รับผิดชอบ และจะปรากฏชื่อพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบใน TPO จากนั้นจะมี SMS แจ้งผู้เสียหายให้มาแจ้งความกับร้อยเวรที่ สน. โดยเอกสารต่าง ๆ ก็ต้องมายื่นที่ สน. ทั้งหมด

             แต่ต่อมา กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จะนำข้อมูลจาก TPO ที่ได้จากแค่การโทร. ไม่มีแชต ไม่มีหลักฐานอื่น ๆ เพราะหลักฐานคดี ผู้เสียหายต้องนำมาให้ร้อยเวรที่โรงพัก ไปทำ หมายอายัดบัญชี หรือที่ตำรวจเรียกว่า หมาย H ส่งออนไลน์ไปยังธนาคารของผู้เสียหาย โดยยืนยันว่ามีคดีอาชญากรรมเทคโนฯ เกิดขึ้นจริง 100% (ทั้ง ๆ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยตามที่บอก และไม่เคยติดต่อขอข้อมูลจากโรงพักก่อนออกหมาย H) เพื่อให้ธนาคารไล่เส้นทางการเงิน พร้อมอายัดบัญชีไปด้วย ซึ่ง บช.สอท. จะทำกับทุกคดีที่เข้ามาในระบบออนไลน์ เรียกง่าย ๆ ว่า เด้งปุ๊บทำปั๊บ มี 100 คดีก็ทำ 100 คดี

             ปัญหาจึงเริ่มที่หมาย H ถ้าคุณเป็นบัญชีรับเงินแถวแรก และคดีนั้นมีหมาย H คุณมีโอกาสจะถูกเสนอชื่อเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน (HR03) หรือ ม้าดำ ซึ่งจะถูกอายัดทุกบัญชีที่เปิดด้วยบัตรประชาชนของคุณ หรือถ้าเป็น ม้าเทาเข้ม (เหมือนม้าดำ) ก็โดนอายัดหมด เพียงแต่ขั้นตอนการปลดอายัดไม่ต้องเสนอไปถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แค่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็สามารถแจ้งธนาคารให้ปลดได้

             ยังมีม้าเทาอ่อน ซึ่งหมายถึงบัญชีแถวสอง แถวสาม ที่อาจจะเป็นบัญชีม้าหรือไม่ก็ได้ เพียงแค่ธนาคารไล่เส้นทางเงินตามหมาย H แล้วไปแตะ ก็อาจจะโดนอายัดได้เช่นกัน และโดนทุกบัญชีที่คุณมีเหมือนกัน

 ร้อยเวร เล่าปัญหา อายัดบัญชี มาตรการบ้งที่สุด


ขั้นตอนการปลดอายัด


             สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกระเบียบว่า การทำ หมาย H อายัดบัญชี ให้ บช.สอท. เป็นผู้ดำเนินการ แต่การขอปลดอายัด ให้ร้อยเวรโรงพักที่ 1441 แจกคดีให้เป็นผู้ทำเรื่อง เสนอให้ บช.สอท. พิจารณาอีกที ว่าจะปลดหรือไม่ปลด ผลก็คือ คนออกหมายอายัดทำไปก่อน แต่ถ้าทำผิด ทำมั่ว ก็บอกว่า ต้องให้โรงพักทำเรื่องเสนอปลด 

             ได้ยินเองกับหูจากเจ้าของบัญชีที่โทร. ไป 1441 แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่า "ทางเรามีหน้าที่รับแจ้งและส่งต่อให้ บช.สอท. ทำอายัดครับ ส่วนการปลดอายัดบัญชี เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน (ร้อยเวรโรงพัก) ต้องมาตามแก้ปัญหาตรงนี้เอง" หลักฐานมี เพราะกล้องหลังโต๊ะทำงานบันทึกไว้หมด เขาพูดแบบนี้จริง ๆ

             กรรมทั้งหมดจึงมาตกอยู่ที่ตำรวจโรงพัก ผู้เสียหายก็มาตามคดี เจ้าของบัญชีก็มาตามเรื่องปลดอายัด ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนทำให้ถูกอายัด หน้าที่หลักของร้อยเวรคือทำคดี ส่งสำนวนให้อัยการฟ้อง ไม่ว่าจะเป็นคดีออนไลน์หรือคดีทั่วไป เช่น รถชน ไฟไหม้ เช็คเด้ง ข้างบ้านตีกัน ด่าทอกัน โพสต์หมิ่นประมาท ฯลฯ ต่างจาก บช.สอท. ที่แค่ทำหมาย H ไม่ต้องทำงานจับฉ่าย และทุกอย่างเป็นไฟล์ระบบ กดไม่กี่ปุ่มก็อายัดได้แล้ว

             แต่ขั้นตอนปลดอายัด กลับไม่เกี่ยวกับคดี ต้องสอบปากคำทั้งเจ้าของบัญชีและผู้เสียหาย ลงลายมือชื่อ ทำหนังสือราชการ เสนอผู้บังคับบัญชา เซ็น แล้วสแกนเป็น PDF ส่งเข้าระบบอีกครั้ง ไม่ง่ายเหมือนการกดอายัด นี่จึงกลายเป็นงานเอกสารที่เพิ่มให้ร้อยเวร และแน่นอนว่ามีคนทำอยู่คนเดียว เวลาทำคดีอื่นก็ถูกเบียดไปด้วย ทำให้ทุกโรงพักเจอ คอขวด งานปลดอายัดจึงล่าช้า

             ไม่มีทางออกอื่นนอกจากต้องรอร้อยเวรเจ้าของคดีทำเรื่องเสนอไปยัง บช.สอท. แต่ผมอยากให้สังคมตั้งคำถามว่า วิธีการแบบนี้เหมาะสมหรือไม่ การร้องเรียนหรือออกสื่อก็แก้ได้แค่เฉพาะหน้า แต่ระบบที่ทำให้คนสุจริตนั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ยังเสี่ยงถูกอายัดบัญชีแบบงง ๆ จะยังคงอยู่ต่อไป ทุกคน (รวมถึงผม) มีโอกาสโดนเท่าเทียมกัน แค่ไม่รู้ว่าจะถึงคิววันไหน ถ้าใครมีอำนาจและอยากทำเพื่อประชาชนจริง ๆ เรื่องนี้ควรนำเข้าสู่ศาลปกครอง หรือเข้าสภาไปเลย 

             เพิ่มเติมหลายคนที่โดนอายัดบัญชีจะบอกเหมือนกันว่า ธนาคารโยนไปโยนมา สาเหตุคือการไล่เส้นทางเงินจากหมาย H ธนาคารเป็นคนเลือกว่าจะอายัดบัญชีใด ไม่ใช่ตำรวจ แต่เมื่อเจ้าของบัญชีถูกอายัด โทร.ถามธนาคาร ธนาคารก็บอกว่า ตำรวจสั่ง พร้อมแนะนำให้โทร 1441

             เมื่อโทร 1441 เจ้าหน้าที่จะไม่ไปถาม บช.สอท. แต่จะค้นชื่อร้อยเวรใน TPO แล้วให้เบอร์ร้อยเวรไปติดต่ออีกที พอร้อยเวรรับสายก็งง เพราะจริง ๆ คือ บช.สอท. ออกหมาย H ธนาคารเลือกบัญชีที่จะอายัด แต่ให้มาถามร้อยเวรว่าทำไมโดนอายัด ทั้งหมดนี้เลยกลายเป็น วงจรโยนความรับผิดชอบ ที่สังคมเห็นอยู่ทุกวันนี้


ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Ton Thanapon
 
             


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ร้อยเวร เล่าปัญหา อายัดบัญชี มาตรการบ้งที่สุด เล่าขั้นตอนสุดมึน เหตุทำโยนกันไป-มา อัปเดตล่าสุด 14 กันยายน 2568 เวลา 13:39:24 6,242 อ่าน
TOP
x close