ย้อนคดีสะเทือนขวัญ นศ. ขึ้นรถผิดคัน ถูกฆาตกรเหี้ยมขัง-จ้วงไม่ยั้ง 120 ครั้ง สลดสภาพศพ เลือดไหลแทบหมดตัว เสื้อไม่เหลือสีเดิม

วันที่ 13 กันยายน 2568 เว็บไซต์มิร์เรอร์ เผยรายงานย้อนคดีสังหารโหดนักศึกษาสาวชาวอเมริกัน วัย 21 ปี ที่คนร้ายใช้อาวุธกระหน่ำแทงกว่า 120 ครั้ง จนเลือดไหลเกือบหมดตัว ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเพราะเหยื่อสาวขึ้นรถผิดคัน กลายมาเป็นข่าวสะเทือนสังคมที่ผู้คนพากันออกมาเรียกร้องความยุติธรรมแก่เธอ
ค่ำคืนแห่งความโหดร้าย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 ซาแมนธา โจเซฟสัน นักศึกษากฎหมายอนาคตไกล ซึ่งกำลังจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในไม่กี่สัปดาห์ ได้ออกไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนยามราตรี กระทั่งเลยเที่ยงคืนมาแล้วเธอจึงเรียกรถ Uber ให้มารับกลับไปยังอพาร์ตเมนต์
หญิงสาวเดินออกจากบาร์พร้อมกับเพื่อน ๆ และยืนรอรถมารับอยู่ด้านนอก กระทั่งเวลา 02.10 น. วันที่ 29 มีนาคม เธอได้ก้าวขึ้นรถ Chevrolet Impala โดยไม่รู้เลยว่านั่นไม่ใช่รถคันที่เธอเรียกไว้ แต่กลับเป็นรถของปีศาจร้ายที่ล่อลวงให้เธอขึ้นรถ ก่อนจะล็อกประตูรถทันทีเพื่อขับพาเธอไปสู่ความตาย
ภาพสุดท้ายของหญิงสาว คือภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพขณะที่เธอก้าวขึ้นรถคันดังกล่าว ขณะที่รูมเมตในมหาวิทยาลัยเซาธ์แคโรไลนา เป็นผู้แจ้งตำรวจเนื่องจากเป็นห่วงเพื่อนสาวที่ไม่กลับมาเสียที นำมาสู่การพบร่างของซาแมนธาในอีก 14 ชั่วโมงหลังการหายตัว

ภาพจาก Columbia Police Department

ร่องรอยแห่งความทรมาน
ร่างของซาแมนธาถูกพบโดยนักล่าไก่งวง กลางท้องทุ่งที่อยู่ห่างจากจุดที่เธอขึ้นรถไปราว 104 กิโลเมตร สภาพศพของเธอมีแผลถูกแทงมากถึง 120 ครั้งทั่วร่างกาย ด้วยอาวุธมีด 2 คม หนึ่งในนั้นคือแผลบนศีรษะที่รุนแรงมากจนทะลุกะโหลก
รายงานจากนักพยาธิวิทยา ชี้ว่าร่างของเหยื่อเหลือเลือดอยู่เพียง 1 ช้อนโต๊ะเท่านั้น จากประมาณ 4 ลิตรที่ร่างกายมนุษย์ควรจะมี ด้วยความรุนแรงจากการถูกทำร้ายและการเสียเลือดอย่างรวดเร็ว เหยื่อน่าจะเสียชีวิตภายในเวลา 10-20 นาที
ตำรวจเริ่มตามหารถคันที่มารับเธอ กระทั่งวันที่ 30 มีนาคม เวลา 03.00 น. จึงสามารถจับกุม นาธาเนียล โรว์แลนด์ ผู้ต้องหาได้จากบริเวณใกล้ ๆ จุดที่เขาลักพาตัวซาแมนธา แม้ผู้ต้องหาพยายามจะหลบหนีก็ตาม
เมื่อตำรวจค้นรถของเขา ก็พบคราบเลือดอยู่บนเบาะที่นั่งและท้ายรถ รวมถึงมีน้ำยาฟอกขาวกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่น ๆ และที่บ้านของแฟนสาว ตำรวจพบอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ รวมถึงผ้าพันคอกับถุงเท้าที่เปื้อนเลือดของเหยื่อสาว อีกทั้งยังพบดีเอ็นเอของเธออยู่ใต้เล็บมือของคนร้าย ซึ่งบ่งชี้ถึงการต่อสู้ขัดขืนอย่างรุนแรง

ภาพจาก Columbia Police Department
นำความเป็นธรรมสู่ครอบครัวเหยื่อ
ระหว่างการพิจารณาคดีเมื่อปี 2564 สำหรับข้อหาลักพาตัวและฆาตกรรม ที่คนร้ายให้การปฏิเสธ คณะลูกขุนได้รับหลักฐานมากมาย แม้ว่าทนายฝ่ายจำเลยจะเถียงว่าดีเอ็นเอที่พบบนตัวนาธาเนียล อาจจะไม่มีความเชื่อมโยงกับซาแมนธา แต่จากคำให้การของพยาน 31 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นแฟนเก่าของจำเลย เธอชี้ว่าเคยเห็นนาธาเนียลล้างคราบเลือดออกจากรถด้วยน้ำยาฟอกขาว และเห็นเขาทำความสะอาดมีดด้วย
ศาลยังได้เห็นหลักฐานเป็นเสื้อยืดที่ซาแมนธาสวมในคืนดังกล่าว ซึ่งเปื้อนเลือดจนมองไม่เห็นสีเดิม นอกจากนี้ กล้องวงจรปิดยังจับภาพของคนร้ายได้ ขณะขับรถวนรอบบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนจะรับเหยื่อขึ้นรถ
หลังจากการพิจารณาคดีเพียง 1 ชั่วโมง คณะลูกขุนก็ตัดสินว่า นาธาเนียล วัย 27 ปี มีความผิดในข้อหาลักพาตัว ฆาตกรรม และครอบครองอาวุธ โดยผู้พิพากษาสั่งจำคุกจำเลยตลอดชีวิตโดยไม่รอลงอาญา พร้อมกล่าวว่านี่คือคดีฆาตกรรมที่ร้ายแรงที่สุด เท่าที่เขาเคยพบในห้องพิจารณาคดี
บีบหัวใจแม่ สูญเสียลูกสาวอนาคตไกล
ด้านแม่ของซาแมนธา เผยถึงผลกระทบต่อครอบครัว จากการเสียชีวิตอันโหดร้ายของลูกสาว โดยช่วงหนึ่งระบุว่า "ฉันหลับตาลงและรู้สึกถึงสิ่งที่เธอต้องทนทุกข์จากน้ำมือของมัน 120 ครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่เธอต้องต่อสู้เอาชีวิต และถูกขังไว้ในรถของมัน ฉันภาวนาว่าเมื่อซาแมนธาหลับตาลง เธอจะนึกถึงแต่สิ่งที่สวยงาม และใบหน้าอันชั่วร้ายของมันจะไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่เธอได้เห็นก่อนจะสิ้นใจ"
ทั้งนี้ ต่อมาพ่อแม่ของซาแมนธายังได้ก่อตั้งมูลนิธิ What’s My Name Foundation เพื่อให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับบริการเรียกรถ ขณะที่การเสียชีวิตของซาแมนธายังนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในข้อกฎหมายหลายอย่างของเซาธ์แคโรไลนา รวมถึงการที่รถซึ่งให้บริการทุกคนต้องแสดงป้ายที่ปรากฏชื่อบริษัทของตน
อนึ่ง ซาแมนธาได้รับปริญญาด้านรัฐศาสตร์หลังการเสียชีวิต ในเดือนพฤษภาคม 2562 ซึ่งในพิธีรับปริญญานั้น ช่างน่าเศร้าที่หญิงสาวไม่อาจมารับทุนการศึกษา ที่เธอควรจะได้รับเพื่อศึกษาต่อด้านกฎหมายระหว่างประเทศต่อไป






