ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประกาศขอเงินบริจาค 50,000 บาทคืน หลังพบข้อมูลเบื้องหลังเกี่ยวกับมูลนิธิ กัน จอมพลัง ช่วยสู้ ด้าน กัน จอมพลัง เผยถ้าไม่สบายใจจะโอนเงินส่วนตัวคืนให้ พร้อมยันเงินส่วนนั้นทำถนนไปหมดแล้ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ณวัฒน์ อิสรไกรศีล - Mr.Nawat Itsaragrisil
กลายเป็นดราม่าร้อนแรงบนโลกออนไลน์อีกครั้ง สำหรับกรณีของ ณวัฒน์
อิสรไกรศีล เจ้าของเวทีนางงามชื่อดัง ที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเดือด
หลังบริจาคเงิน 50,000 บาทให้กับมูลนิธิ กัน จอมพลัง ช่วยสู้ แล้วภายหลังกลับพบว่า มูลนิธิดังกล่าวไม่ได้มี กัน จอมพลัง เป็นผู้จัดตั้งหรือประธานอย่างที่หลายคนเข้าใจ
เรื่องเริ่มเมื่อ กัน จอมพลัง ออกมาชี้แจงผ่านรายการ ลุยชนข่าว ว่า เขาเพียงให้ยืมชื่อในการจดทะเบียนมูลนิธิและทำหน้าที่ที่ปรึกษาเท่านั้น ส่วนประธานตัวจริงคือรุ่นน้องคนหนึ่งที่มีความสามารถ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปิดเผยเอกสารโดยนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม นักสิทธิมนุษยชน ก็พบว่ามูลนิธิดังกล่าวมีข้อบังคับข้อที่ 39 ระบุว่า หากเลิกกิจการ ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของ "มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า" จุดนี้เองที่ทำให้หลายคนรวมถึง ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ถึงกับเดือด
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กันจอมพลัง ช่วยสู้
นอกจากโพสต์ล่าสุดแล้ว
ก่อนหน้านี้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ก็เคยระบายความไม่พอใจรัว ๆ ผ่านเฟซบุ๊ก
เช่น อย่าอ้างว่าตัวเองเป็นคนดีในขณะที่หลอกโลก,
ผมโอนช่วยกันเพราะคิดว่าเป็นของกัน สรุปมูลนิธิเป็นของคนอื่น และ
ทำไมไทยไม่จริงจังเรื่องสแกมเมอร์ ?
ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่าเจ้าตัวเอาจริงไม่ใช่โพสต์เล่น
เรื่องนี้ยังไม่รู้จะจบลงแบบไหน แต่สิ่งที่ชัดเจนทำให้เกิดการตั้งคำถามถึง กัน จอมพลัง ถึงความโปร่งใสของมูลนิธิ กัน จอมพลัง ช่วยสู้เพราะมีคอมเมนต์ในโซเชียลหลายท่านระบุ ถ้ารู้ว่า หากเลิกกิจการ ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของ "มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า" ก็คงตัดสินใจไม่บริจาคให้กับมูลนิธิดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันนี้ (24 ตุลาคม 2568) ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ออกมาทวงเงินบริจาคคืน ซึ่ง กัน จอมพลัง ชี้แจงว่า ตนเข้าใจว่าพี่ณวัฒน์ได้บริจาคเงินนั้นไปนานแล้ว และคาดว่าน่าจะถูกนำไปใช้ทำถนนเรียบร้อย แต่หากพี่ณวัฒน์รู้สึกไม่สบายใจ ตนพร้อมจะรับผิดชอบด้วยการคืนเงินจากส่วนตัวทันที พร้อมย้ำว่าปัจจุบันไม่ได้อยู่ในมูลนิธิแล้ว และไม่ได้รับเงินเดือนใด ๆ ทั้งสิ้น
กัน จอมพลัง ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงแรกที่ก่อตั้งมูลนิธิ ยังไม่มีทรัพย์สินหรือเงินทองมากนัก จึงเช่าห้องเล็ก ๆ ไว้เก็บเอกสารและใช้เป็นที่ทำงาน แต่ปัจจุบันได้ขยับขยายเป็นโกดังซึ่งใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลัก พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า หากมูลนิธิได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากคุณธรรมนัสจริง เหตุใดยังดำเนินงานอยู่ในออฟฟิศขนาดเล็กเช่นเดิม
กัน จอมพลัง ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงแรกที่ก่อตั้งมูลนิธิ ยังไม่มีทรัพย์สินหรือเงินทองมากนัก จึงเช่าห้องเล็ก ๆ ไว้เก็บเอกสารและใช้เป็นที่ทำงาน แต่ปัจจุบันได้ขยับขยายเป็นโกดังซึ่งใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลัก พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า หากมูลนิธิได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากคุณธรรมนัสจริง เหตุใดยังดำเนินงานอยู่ในออฟฟิศขนาดเล็กเช่นเดิม
ทั้งนี้ กัน จอมพลัง กล่าวว่า ในเวลา 14.00 น. วันนี้ ตนจะเดินทางไปยื่นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ตรวจสอบมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ ว่ามีการทุจริตหรือได้รับเงินจากมูลนิธิธรรมนัสหรือไม่ เพื่อความโปร่งใสในทุกด้าน











