สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงถอดยศ เจ้าชายแอนดรูว์ และให้ย้ายออกที่ประทับเดิม หลังเผชิญข่าวอื้อฉาวกระทบรางวงศ์

ภาพจาก Jordan Pettitt / POOL / AFP
วันที่ 31 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์แห่งอังกฤษ เริ่มกระบวนการถอดยศ เจ้าชาย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และคำนำหน้าอื่น ๆ ของเจ้าชายแอนดรูว์ จากปมอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับนายเจฟฟรีย์ เอปสตีน อดีตนักการเงินผู้ต้องโทษคดีล่วงละเมิดทางเพศ
สำนักพระราชวังบักกิงแฮม เปิดเผยเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการในการริบพระอิสริยยศของเจ้าชายแอนดรูว์ พระอนุชา และได้แจ้งให้พระองค์ย้ายออกจากคฤหาสน์ รอยัล ลอดจ์ (Royal Lodge) ซึ่งเป็นที่ประทับของพระองค์แล้ว
เจ้าชายแอนดรูว์ พระชนมายุ 65 ชันษา ต้องเผชิญข้อครหาอีกครั้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพระองค์กับเอปสตีน หลังจากมีการเผยแพร่บันทึกความทรงจำหลังการเสียชีวิตของเวอร์จิเนีย จุฟเฟรย์ ผู้กล่าวหาพระองค์ว่าล่วงละเมิดทางเพศ โดยเธอได้จบชีวิตตัวเองเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ขณะมีอายุ 41 ปี ขณะที่เจ้าชายแอนดรูว์ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา
ทรงมีพระราชประสงค์จะให้สาธารณชนทราบโดยทั่วกันว่า
ทรงมีพระราชดำริและความห่วงใยอย่างสุดพระราชหฤทัยต่อผู้เสียหายและผู้รอดพ้นจากการล่วงละเมิดทุกรูปแบบ
ทั้งในอดีต ปัจจุบันและต่อไปในอนาคต
เส้นทางสู่วิกฤติของเจ้าชายแอนดรูว์
ชื่อเสียงของเจ้าชายแอนดรูว์เริ่มตกต่ำลงตั้งแต่ปี 2553 เมื่อมีภาพถ่ายของพระองค์ปรากฏขณะอยู่กับเจฟฟรีย์ เอปสตีน นักการเงินผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานค้ามนุษย์และล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับเอปสตีนถูกวิพากษ์อย่างหนักในสังคมอังกฤษ เนื่องจากพระองค์ยังคงพบปะกับเอปสตีนแม้เขาจะถูกถูกตัดสินความผิดแล้วก็ตาม จนเกิดคำถามถึงการตัดสินใจและจริยธรรมของสมาชิกชั้นสูงในราชวงศ์
ต่อมาในปี 2562 การให้สัมภาษณ์กับรายการ BBC Newsnight ที่เจ้าชายแอนดรูว์พยายามชี้แจงความบริสุทธิ์ของตน กลับกลายเป็น หายนะทางภาพลักษณ์ เพราะถ้อยคำในเชิงที่ไม่ได้แสดงความเห็นใจต่อผู้เสียหาย ทำให้พระองค์ถูกถอดจากภารกิจราชการทั้งหมดในเวลาต่อมา
ในปี 2565 เจ้าชายแอนดรูว์ ตกลงยุติคดีแพ่งกับเวอร์จิเนีย จุฟเฟรย์ หญิงสาวที่กล่าวหาว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศเมื่อยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยมีรายงานว่าข้อตกลงดังกล่าวมีมูลค่าหลายล้านปอนด์ ซึ่งแม้จะไม่ใช่การยอมรับความผิด แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ราชวงศ์อังกฤษต้องเร่งจัดการกับผลกระทบทางสังคมและศีลธรรมของกรณีนี้ ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จึงทรงเริ่มกระบวนการถอดยศและพระอิสริยยศของพระอนุชา เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของสถาบันกษัตริย์และสยบเสียงวิจารณ์ที่สะสมมายาวนาน
ผลกระทบจากการถูกถอดยศ
หลังจากที่ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการ เพื่อถอดถอนคำนำหน้า (Style), พระอิสริยยศ (Titles) และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (Honours) ของเจ้าชายแอนดรูว์ พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า เจ้าชายแอนดรูว์จะถูกเรียกขานในนาม แอนดรูว์ เมาต์แบตเทน วินด์เซอร์ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป โดยสัญญาเช่าที่ประทับรอยัล ลอดจ์ ซึ่งเคยมอบสิทธิ์ให้พระองค์อาศัยอยู่ภายใต้การคุ้มครองทางกฎหมาย ได้ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการแล้ว และจะทรงย้ายไปประทับในที่พักส่วนพระองค์แห่งใหม่ที่เขตแซนดริงแฮม ซึ่งเป็นพระราชฐานส่วนพระองค์ของกษัตริย์
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า มาตรการดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเป็น แม้ว่าเจ้าชายแอนดรูว์จะยังทรงปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดที่มีต่อพระองค์ โดย
สถานะปัจจุบันของ เจ้าชายแอนดรูว์
เจ้าชายแอนดรูว์ ยังคงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 8 แห่งราชวงศ์อังกฤษ แม้สถานะดังกล่าวอาจถูกถอดได้ผ่านการออกกฎหมายจากรัฐสภาและประเทศในเครือจักรภพ แต่ก็เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน
ขณะที่ เจ้าหญิงเบียทริซ และเจ้าหญิงยูจีนี พระธิดาของเจ้าชายแอนดรูว์ ยังคงได้รับการคงพระอิสริยยศไว้ เนื่องจากทรงเป็นพระธิดาของโอรสของพระมหากษัตริย์ ซึ่งสอดคล้องกับกฎที่กำหนดไว้โดยสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ตั้งแต่ปี 2460 ขณะที่ซาราห์ เฟอร์กูสัน อดีตพระชายาของเจ้าชายแอนดรูว์ ซึ่งพำนักอยู่กับพระองค์ที่รอยัล ลอดจ์มากว่า 20 ปี ก็จะย้ายออกและจัดหาที่อยู่ใหม่ด้วยตนเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก CNN, BBC, The Independent






