เปิดเคสอึ้ง เด็ก 4 ขวบเป็นไข้ 2 เดือนไม่หาย หาสาเหตุไม่พบ ก่อนเจอก้อนเชื้อที่หัวใจ พีคต้นตอเกิดจากฟันผุ เริ่มที่ฟัน จบที่หัวใจ ย้ำความสำคัญดูแลช่องปาก

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tensia ซึ่งเป็นแอดมินเพจด้านวิชาการ การแพทย์และสุขภาพ
ได้ออกมาเล่าเคสอุทาหรณ์จากประเทศญี่ปุ่น
ที่ย้ำเตือนความสำคัญของการดูแลสุขภาพในช่องปาก เมื่อ "ฟันผุ"
ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และทำให้รู้ว่า เริ่มที่ฟัน จบที่หัวใจได้
โดยเคสนี้ เป็นกรณีของเด็กอายุ 4 ขวบ ที่เป็นไข้มา 2 เดือน หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอสาเหตุ กระทั่งตรวจพบก้อนเชื้อเกาะที่ลิ้นหัวใจ ซึ่งที่พีคคือเชื้อมาจากฟันผุ
ที่ผ่านมาช่วงที่เป็นเด็กไข้ มีการหาสาเหตุมาตลอดแต่ก็ไม่เจอ ให้ยาฆ่าเชื้อไป บางทีก็เหมือนไข้ลดลง แต่เมื่อให้จนครบแล้วไข้ก็เด้งกลับมา เลยต้องหาจุดติดเชื้อในร่างกายกันยกใหญ่ แพทย์ใช้เครื่องเอคโค่ (Echocardiogram) ตรวจหัวใจ จึงตรวจพบก้อนโคโลนีเชื้อ (Vegetation) ที่ลิ้นหัวใจ tricuspid
เพาะเชื้อขึ้นเป็นเชื้อ Streptococcus mutans ซึ่งเป็นเชื้อที่พบได้ในช่องปาก พอไปตรวจปาก ก็เจอฟันผุพอดี ซึ่งเป็นค่อนข้างเยอะด้วย
ดังนั้นฟันผุไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะแบคทีเรียบางชนิด เช่น S. mutans ที่ประสบความสำเร็จในการทะลวงฟัน จะเข้าสู่กระแสเลือดได้ และหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้หลายกลไก
แถมมันยังสร้างโปรตีนที่เอาไว้เกาะกับเส้นใยคอลลาเจน (Cnm, Cbm) ด้วย ทำให้ตำแหน่งของหัวใจที่มีผนังบาดเจ็บนิด ๆ แล้วมีเส้นใยคอลลาเจนโผล่มา มันสามารถไปเกาะได้ค่ะ
และเมื่อมันเกาะได้แล้ว มันจะเริ่มเพิ่มจำนวน กลายเป็นแหล่งที่อยู่ใหม่ของมัน กลายเป็นก้อน ๆ เกาะตามตำแหน่งของหัวใจ เช่น ตามลิ้นหัวใจ, ตามผนัง กลายเป็นก้อนที่เรียกว่า Vegetation เรียกภาวะนี้ว่า ผนังหัวใจชั้นในติดเชื้อ (Infective endocarditis)
ซึ่งภูมิคุ้มกันก็พยายามมาจับกิน แต่มันไม่ไหว เพราะมันมีเยอะเกิน ทุกครั้งที่เม็ดเลือดขาวจับกิน ก็จะสร้างสารก่ออักเสบ (IL-1, IL-6, TNF-a) เข้าสู่เลือดตลอด นี่จึงเป็นเหตุให้ มีไข้ยาวนานถึง 2 เดือน
หากเด็กคนนี้ยังไม่ได้รับการรักษา ก้อน vegetation นี้สามารถหลุดออกไปติดเชื้อตามอวัยวะอื่นได้ (Septic emboli) บางครั้งเชื้อเจริญมาก ๆ สามารถทำลายโครงสร้างในหัวใจ เกิดลิ้นหัวใจรั่วได้
ดังนั้นดูแลสุขภาพช่องปากเสมอ อย่าปล่อยทิ้งไว้ โดยมีคำแนะนำในการดูแลสุขภาพช่องปาก ดังนี้
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เน้นเอาเศษอาหารออกให้เกลี้ยง
- ถ้าเป็นไปได้ แปรงฟันแห้ง ได้ผลสุด คือแปรงแล้วไม่กลั้วน้ำซ้ำ เพราะมันจะทำให้ฟลูออไรด์ เคลือบผิวฟันนานที่สุด ช่วยรักษาปราการสำคัญไม่ให้แบคทีเรียทะลวง
- ใช้ไหมขัดฟัน คอยเอาเศษเล็ก ๆ ที่ติดตามซอก ก็ยิ่งจะป้องกันได้มากขึ้น
- ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ
- มีเหงือกอักเสบ ไม่ว่าจะจากอะไรก็ตาม ไปตรวจหาสาเหตุ
- การกินของหวาน + ดูแลสุขภาพช่องปากไม่ดี ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ ซีนที่เจอบ่อยคือ กินของหวานแล้วนอนเลย ไม่แปรงฟัน






