ดราม่าภาพร่วมเฟรมระหว่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ เบน สมิธ จุดกระแสวิจารณ์หนักในโลกออนไลน์ ล่าสุดทั้งคู่ออกมาชี้แจงแล้วว่าเป็นภาพเก่า ย้ำไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดกับนักธุรกิจรายนี้
![อนุทิน เอกนิติ แจงชัดดราม่าภาพร่วมเฟรมกับ เบน สมิธ ยันเป็นภาพเก่า อนุทิน เอกนิติ แจงชัดดราม่าภาพร่วมเฟรมกับ เบน สมิธ ยันเป็นภาพเก่า]()
ภาพจาก เพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 โดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกร ระบุว่า ได้สอบถาม อนุทิน ชาญวีรกูล เกี่ยวกับภาพดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวตอบว่าเป็นภาพเก่าหลังรัฐประหารปี 2557 ช่วงที่เดินทางไปสิงคโปร์ และพบคณะของ พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 1 ก่อนจะได้เจอกับ เบน สมิธ โดยยืนยันว่าแม้จำคนในภาพได้ แต่ไม่เคยมีการคบหาหรือมีความสัมพันธ์ใด
![อนุทิน เอกนิติ แจงชัดดราม่าภาพร่วมเฟรมกับ เบน สมิธ ยันเป็นภาพเก่า อนุทิน เอกนิติ แจงชัดดราม่าภาพร่วมเฟรมกับ เบน สมิธ ยันเป็นภาพเก่า]()
ภาพจาก เพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
อนุทิน ชาญวีรกูล ยังกล่าวถึงช่วงเวลาที่ถ่ายภาพร่วมกับ เบน สมิธ ว่าเกิดขึ้นในปี 2557 ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีประเด็นสแกมเมอร์ใด ๆ เขาเล่าว่าเป็นการพบปะกันระหว่างการรับประทานอาหาร ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงส่วนตัว พร้อมย้ำว่าในรัฐบาลปัจจุบันมีการสั่งยึดทรัพย์ เบน สมิธ และนายยิม เลียก รวมถึงดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย
![อนุทิน เอกนิติ แจงชัดดราม่าภาพร่วมเฟรมกับ เบน สมิธ ยันเป็นภาพเก่า อนุทิน เอกนิติ แจงชัดดราม่าภาพร่วมเฟรมกับ เบน สมิธ ยันเป็นภาพเก่า]()
ภาพจาก เพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ยังย้ำว่า วันเกิดเหตุจำรายละเอียดแทบไม่ได้ กระทั่งเห็นภาพที่ถูกเผยแพร่จึงพอจำหน้าได้ว่าเคยพบกัน แต่ไม่มีความสัมพันธ์หรือความสนิทสนมกับ เบน สมิธ แต่อย่างใด พร้อมยอมรับว่าต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเมื่อมีผู้มาขอถ่ายรูปในงานต่าง ๆ หลังเกิดกระแสดังกล่าว
ในส่วนของ ยิม เลียก ซึ่งถูกดำเนินการเช่นเดียวกับ เบน สมิธ นั้น เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ระบุชัดว่าไม่รู้จักและจดจำใบหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ก่อนทิ้งท้ายว่า รู้สึกงงกับการนำภาพเก่ามาเผยแพร่ เพราะผ่านงานต่าง ๆ มากมายจนไม่อาจจำได้ว่าถ่ายภาพร่วมกับใครบ้าง

ภาพจาก เพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
กระแสวิจารณ์ปะทุในโลกออนไลน์หลังมีการเผยแพร่ภาพ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อยู่ร่วมเฟรมกับ เบน สมิธ นักธุรกิจที่ถูกสหรัฐฯ จัดให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์ระดับโลก โดยภาพดังกล่าวเผยให้เห็นทั้งภาพหมู่กับบุคคลมีชื่อเสียงของไทย และภาพร่วมโต๊ะอาหาร ซึ่งยังมีภาพของนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อยู่ร่วมเฟรมกับ เบน สมิธ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 โดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกร ระบุว่า ได้สอบถาม อนุทิน ชาญวีรกูล เกี่ยวกับภาพดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวตอบว่าเป็นภาพเก่าหลังรัฐประหารปี 2557 ช่วงที่เดินทางไปสิงคโปร์ และพบคณะของ พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 1 ก่อนจะได้เจอกับ เบน สมิธ โดยยืนยันว่าแม้จำคนในภาพได้ แต่ไม่เคยมีการคบหาหรือมีความสัมพันธ์ใด

ภาพจาก เพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
พร้อมกันนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า เรื่องของ เบน สมิธ ตนติดตามมาตั้งแต่มีการอภิปรายถึงบุคคลนี้ และได้ยืนยันชัดว่าเคยมีความพยายามขอสัญชาติไทย แต่ตนในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทยในขณะนั้น ไม่ได้อนุญาตให้สัญชาติ พร้อมชี้ว่านี่คือหลักฐานสำคัญที่สะท้อนว่าไม่มีการคบหาใดกับ เบน สมิธ แม้กระทั่งสงสัยว่าการไม่อนุมัติเรื่องนี้อาจเป็นเหตุให้ถูกผลักออกจากกระทรวงมหาดไทยในปีนั้นหรือไม่
อนุทิน ชาญวีรกูล ยังกล่าวถึงช่วงเวลาที่ถ่ายภาพร่วมกับ เบน สมิธ ว่าเกิดขึ้นในปี 2557 ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีประเด็นสแกมเมอร์ใด ๆ เขาเล่าว่าเป็นการพบปะกันระหว่างการรับประทานอาหาร ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงส่วนตัว พร้อมย้ำว่าในรัฐบาลปัจจุบันมีการสั่งยึดทรัพย์ เบน สมิธ และนายยิม เลียก รวมถึงดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย

ภาพจาก เพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ขณะที่ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ โฟนอินชี้แจงในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ระบุว่า ภาพที่ถูกเผยแพร่นั้นมาจากงานเลี้ยงในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและอาจารย์ในหลักสูตรนี้เมื่อราว 5-6 ปีก่อน พร้อมชี้ว่าจากภาพจะเห็นว่าทุกคนยังสวมหน้ากากอนามัย จึงไม่อาจยืนยันได้ว่า เบน สมิธ เป็นผู้เข้าร่วมหลักสูตรหรือเป็นบุคคลที่มีผู้เชิญมาร่วมงาน
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ยังย้ำว่า วันเกิดเหตุจำรายละเอียดแทบไม่ได้ กระทั่งเห็นภาพที่ถูกเผยแพร่จึงพอจำหน้าได้ว่าเคยพบกัน แต่ไม่มีความสัมพันธ์หรือความสนิทสนมกับ เบน สมิธ แต่อย่างใด พร้อมยอมรับว่าต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเมื่อมีผู้มาขอถ่ายรูปในงานต่าง ๆ หลังเกิดกระแสดังกล่าว
ในส่วนของ ยิม เลียก ซึ่งถูกดำเนินการเช่นเดียวกับ เบน สมิธ นั้น เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ระบุชัดว่าไม่รู้จักและจดจำใบหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ก่อนทิ้งท้ายว่า รู้สึกงงกับการนำภาพเก่ามาเผยแพร่ เพราะผ่านงานต่าง ๆ มากมายจนไม่อาจจำได้ว่าถ่ายภาพร่วมกับใครบ้าง






