กรณีดราม่าร้อนในสังคมออนไลน์ แม่รับไม่ได้ อินฟลูฯ นักเพาะกาย โปรโมตตัวเองว่าเป็นโค้ช ตบลูกชายอายุ 9 ขวบ และหลานชายอายุ 10 ขวบ อ้างไม่พอใจที่เด็กเดินเตะตีนกบเสียหาย
.jpg)
โหนกระแส วันที่ 9 ธ.ค. ดำเนินรายการโดย "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมาย เลข 33 สัมภาษณ์ โรส แม่ของเด็ก 9 ขวบ , กั้ง คนที่ขอเงินคืนจากโค้ชโป้ วันนี้เผชิญหน้า โค้ชโป้ และ ทนายพัฒน์ อนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ทนายคนกลาง
คุณโรสมีลูกกี่คน ?
โรส : 2 คนค่ะ โต 9 ขวบ น้องสาวอายุ 7 ขวบค่ะ
เด็กอีกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ?
โรส : 10 ขวบ เป็นลูกของน้องชายค่ะ
เหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
โรส : วันนั้นเด็ก ๆ ไปถึงสระก่อน เพื่อรอเรียนว่ายน้ำ พอไปถึงยังไม่ถึงเวลาเรียน เขาก็เดินเล่นรอกันริมขอบสระ เขาเดินมาถึงตรงนั้นเป็นขอบสระอยู่แล้ว เราจะเห็นในคลิปว่าลูกมีเตะโฟม โฟมอันนั้นเป็นโฟมของเด็ก ๆ ที่เขาใช้ว่ายน้ำกันอยู่แล้วเป็นประจำ
ไม่ใช่โฟมของโค้ช ?
โรส : ของเด็กที่เขาใช้เรียนว่ายน้ำ เป็นทรัพย์สินของโรงเรียนอยู่แล้วค่ะ มันวางอยู่ขอบสระ
ลูกคุณโรสคือเสื้อส้ม เสื้อดำเป็นหลาน เขาเดินมาก็เตะของเขาไป ?
โรส : ใช่ค่ะ จะเห็นว่าตรงหัวมุมมีก้มลงไป ตรงนั้นเป็นเส้นโฟมที่เด็ก ๆ ใช้ เวลาว่ายน้ำเอาไว้พยุงตัว อันนั้นก็เป็นทรัพย์สินทางโรงเรียนเช่นกัน ลูกหยิบขึ้นมาเหวี่ยงเล่นอยู่ตรงนั้น เขาก็เดินเข้ามาแล้วใช้วาจาหยาบคาย
ฟินที่เขาพูดถึงกันและเป็นประเด็นอยู่ตรงไหน ?
โรส : จะวางอยู่ตรงหัวมุมค่ะ ตัวโค้ชเขาเคลมว่าเขากำลังเก็บของอยู่ตรงนั้น ลูกไปยืนอยู่บนฟินเขา ทำให้ฟินเขาเสียหาย
ฟินคือตีนกบ ที่ใส่แล้วว่ายดำน้ำ เขาบอกวางไว้คู่นึง เด็กเดินไปเหยียบบนฟิน ?
โรส : ถ้าที่ลูกพูดบอกว่าเดินไปแค่สะกิดนิดเดียว เฉี่ยวนิดเดียว ไม่ได้ขึ้นไปเหยียบเลย เราก็ถามลูกกลับไปแล้วว่าลูกแอ็กชั่นยังไง สะกิดยังไง หรือเหยียบสเปซขนาดไหน เราต้องใช้คำให้ถูกต้อง ให้โชว์ให้ดูได้มั้ยว่าไปโดนเขาขนาดไหน ลูกก็บอกว่าโดนแค่นิดเดียวจริง ๆ ไม่ได้เดินไปเหยียบ ทั้งสองคนยืนยัน พอสะกิดนิดเดียว ทางโน้นก็ชาร์ตเข้ามาเลย และใช้วาจาหยาบคายกับเด็กก่อนเลย
เขาใช้วาจายังไง ?
โรส : จะพูดว่า (เขียนให้อ่าน)
เขาบอกว่าเด็กเฮีย มาเหยียบตีนกูทำไม มาทำให้เสียหาย ?
โรส : ค่ะ แล้วก็ลงมือเลย จะเห็นว่ามือก็ปั๊วะมาที่หูลูกชายก่อน ลูกชายก็เขยิบถอยหลัง เขาก็เข้าไปปั๊วะอีกรอบที่หลานชาย เด็ก ๆ ก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ยกมือไหว้ขอโทษแล้ว เขาก็ตะโกนบอกว่าไป ออกไป ไล่เด็ก ๆ เด็ก ๆ ก็รับเดินออกจากจุดเกิดเหตุตรงนั้น
เท่าที่ดูในที่เขาโพสต์ เขาบอกเด็กคนที่สองหลบได้ โค้ชยืนยันว่าตบไม่โดน เฉียด ๆ อย่างที่อธิบายไว้ ?
โค้ชโป้ : ครับผม
จากนั้น เด็กเดินออกไป โค้ชเดินตามออกไปแล้วไปพากลับมา แต่จุดประสงค์ที่พากลับมา ตอบไม่ได้จริง ๆ ว่าต้องการอะไร เขาพากลับมาทำไม ?
โรส : เขารวบแขนเด็กทั้งสองคนพร้อมกัน ใช้กำลังลากเข้ามาถามหาผู้ปกครองอยู่ไหน ใช้อารมณ์เกรี้ยวกราด เด็กก็มีความหวาดกลัว กลัวมาก ลูกกับหลานเริ่มร้องไห้ สติเอาไม่อยู่แล้ว พอเสียงดัง ครูเสือ โค้ชของเด็ก ๆ ก็เดินมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็แจ้งว่าเด็กเหยียบฟินของเขาเสียหาย โค้ชเสือก็ถามว่าทำแบบนั้นจริงหรือเปล่า ให้เขาปล่อยมือเด็กก่อน พูดประมาณ 3 ครั้งเขาถึงปล่อย จิตใจเด็กหวาดกลัว พอเห็นว่าเด็กเข้ามาช่วย ก็บอกว่าเขาตีผม โค้ชก็สอบถามว่ามีเหตุอะไรเกิดขึ้นบ้าง เด็กก็เล่าว่าทางคุณโป้เขาตามหาผู้ปกครอง บอกว่าผู้ปกครองมันอยู่ไหน เดี๋ยวจะตบต่อหน้าพ่อแม่เลย
.jpg)
มีคนได้ยิน ?
โรส : ใช่ค่ะ ทีนี้โค้ชก็ถามเด็ก ๆ ว่าทำจริงหรือเปล่า เด็กบอกว่าโดนนิดเดียวและขอโทษแล้ว หลังจากนั้นสักพักนึงน้องชายที่เป็นพ่อของเด็ก 10 ขวบ จอดรถเรียบร้อยพอดี เขาเดินเข้ามาในเหตุการณ์ ครูเสือก็เล่าให้ฟัง ว่าลูกถูกตี ใจเย็น ๆ นะ เดี๋ยวดูกล้องกัน พอดูกล้องเสร็จแล้ว คุณโป้ก็เดินออกมาพอดี น้องชายก็เข้าไปสอบถามเขา เราไม่ได้มีอารมณ์อะไรนะ เพราะเราไม่รู้ว่าลูกเราผิดจริงหรือเปล่า ก็ถามว่าขอโทษนะ ไม่ทราบเด็กทำอะไรเสียหาย เขาบอกว่าเด็กทำฟินเสียหาย น้องชายบอกว่าถ้าเด็กทำเสียหายจริง 3-4 หมื่นผมจ่ายได้ ผมยินดี แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาตีลูกผม ตัวคุณโป้ก็บอกว่าใช่ ผมตีเด็ก แล้วจะทำไม แล้วยังไง จะให้ขอโทษเหรอ ผมต้องขอโทษเด็กเหรอ ครูเสือก็บอกว่าตอนนี้น่าจะขอโทษไม่ได้แล้ว เพราะน่าจะเป็นคดีแล้ว คุณโป้เลยพูดกลับมาว่า จะไปแจ้งความเหรอ แจ้งเลย เสียเวลาผมเปล่า ๆ ผมไปทำงานดีกว่า แล้วเขาก็ปลีกตัวไป จากนั้นเราพาเด็ก ๆ ไปแจ้งความที่สน.ทองหล่อค่ะ
ต่อสายหา "ครูเสือ" เพื่อข้อเท็จจริง เผื่อชาวบ้านบอกว่าแม่พูดเองหรือเปล่า เอาครูเสือเป็นพยาน เหตุการณ์อันดับแรก โฟมว่ายน้ำ ปกติเด็ก ๆ หยิบมาเล่นเตะเล่นกันปกติมั้ย ?
ครูเสือ : โดยปกติสอนเสมอว่าโฟมห้ามไปเหยียบนะ เพราะโฟมมันลื่น เหยียบแล้วจะเป็นอันตราย ผมคิดว่าเด็ก ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากกับการไปเตะเป็นการสนุกสนานส่วนตัวของเขา ปกติผมสอนว่าของพวกนี้ไม่ใช่ลูกบอล
มุมครูเสือที่เห็นเหตุการณ์เห็นตอนไหน ?
ครูเสือ : ผมนั่งอีกมุมนึง เป็นมุมตัวแอล กำลังรอสอน ขณะนั่งก็ได้ยินเสียงผู้ใหญ่คนนึงตะโกนเกรี้ยวกราดว่าผู้ใหญ่อยู่ไหน พ่อแม่ผู้ปกครอง มุมนั้นเป็นมุมเคาท์เตอร์ ผมผิดสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เดินมาดู ปรากฏว่าเด็กสองคนถูกจับมือเอาไว้ เด็กสองคนมีอาการตกใจ ร้องไห้แต่ยังไม่ได้ร้องโฮ ผมก็เดินเข้าไป พอเห็นเป็นเด็กของผม ด้วยความเป็นห่วงก็เข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กสองคนพอเห็นผมก็ร้องไห้โฮเลย บอกว่าเขาตีผม ผมก็ปลอบเด็กว่าให้เงียบก่อน ให้เล่าให้ครูฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กที่เป็นคนไทยบอกว่าผมเผลอไปเหยียบของ ๆ เขา เขาก็ตีผม ผมก็บอกว่าคุณปล่อยมือเด็กซะ คุณผิดนะ คุณทำร้ายเด็ก คนนั้นก็ไม่ได้ลดอาการเกรี้ยวกราดโมโห เขามีอาการโกรธมาก ขณะเดียวกันผมก็พูดหลายครั้งให้เขาปล่อยมือ ผมถามเด็กว่าขอโทษเขาหรือยัง เด็กบอกว่าขอโทษแล้ว แต่ย้ำว่าเขาตีผม ผมไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตรงนี้ พยายามบอกให้เขาปล่อยมือเด็ก พอเขาปล่อยมือเด็กก็ให้เด็กไปนั่งตรงโซฟา สงบสติอารมณ์ ผู้ชายคนนั้นก็เดินหนีไปเข้าห้องน้ำ ห่างจากนั้นไม่เกิน 5 นาที พ่อเด็กก็เดินเข้ามา ผมบอกพ่อใจเย็น ๆ นะ ผมไม่ทราบเหตุการณ์ตลอด ผมพยายามไม่ให้มีเรื่องวิวาท ลูกคุณพ่อถูกตีนะ ให้ใจเย็น ๆ ถัดม
ครูเสือรู้จักโค้ชคนนี้มาก่อนเหรอ ?
ครูเสือ : เห็นหน้าเฉย ๆ ไม่รู้จักครับ เข้าไปคุยเพื่อไม่ให้เกิดอาการปะทะคารมกัน ผมก็บอกว่าปกติไม่ได้ใจร้อน ทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ แต่ผมไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับเขานะ ที่พูดคำนี้ออกไปเพราะไม่ต้องการให้เกิดการทะเลาะวิวาทในสถานที่ เพื่อบรรเทาอารมณ์เขา
ไม่กลัวเขายิ่งโกรธครูเสือเหรอ ?
ครูเสือ : จริง ๆ แล้วผมเป็นคนใจเย็น ตัวผมเองเป็นคนรักสันติ ถามว่ากลัวมั้ย ณ เวลานั้นคงไม่กลัวแล้ว เพราะเด็กพวกนี้ผมรักเหมือนลูกเหมือนหลาน ทั้งหมดพอผมพูดกับเขาแล้ว เขาก็ตอบกลับมาว่าจะอยู่ทำไม เสียเวลาผม เขาก็เดินออกมาจากหน้าประตูเคาท์เตอร์ ก็มาเจอคุณพ่อเด็กกำลังคุยกับเขาอยู่ มีคำนึงเขาพูดใส่คุณพ่อว่าผมต้องขอโทษเด็กมั้ย ผมก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ กลัวเกิดเหตุ ก็ประคองเหตุไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาท คุณพ่อเด็กใจเย็นมากเลย แกก็แค่สอบถามว่าคุณทำร้ายลูกผมทำไม โค้ชก็บอกว่าต้องขอโทษเด็กมั้ย พ่อเด็กบอกว่าไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมแจ้งความ
ในเหตุการณ์ครั้งนั้น มีคำพูดนี้หลุดมามั้ย ที่บอกว่าจะตบโชว์ผู้ปกครอง ?
ครูเสือ : สิ่งที่ผมเห็นคือเขาใช้กำลังบังคับขู่เข็น ผมเจอเหตุการณ์เท่าที่ผมเล่า แต่น้องที่อยู่ก่อนเขาได้ยินทั้งหมด ตัวผมเองผมเดินออกมาหลังจากได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวที่เด็กกำลังร้องไห้ กับคนนึงที่กำลังตะคอกขู่เข็นเด็ก พอเจอเป็นเด็กของผม ก็ต้องเข้าไปสอบถามเหตุการณ์ เด็กอยู่ในความดูแลของผมด้วย ผมไม่อยากให้เกิดเหตุอะไรขึ้นมา ถ้ามีความเข้าใจผิดก็น่าประนีประนอมได้ แต่ที่ผมตำหนิเขา เพราะผมเห็นว่ามันไม่ถูกอย่างยิ่งที่มาใช้กำลังกับเด็ก ผมก็ตำหนิเขาว่าคุณผิดแล้วที่ทำร้ายเด็ก ส่วนคำพูดที่พูดว่าจะตบโชว์ ผมมาทีหลัง ไม่ยืนยันคำนี้ แต่น้องที่อยู่ที่เคาท์เตอร์เขาอาจได้ยิน
มีคนอื่นมาพูดคำนี้มั้ย ?
ครูเสือ : มีครับ
แม่ได้ยินจากใคร ?
โรส : ทางคุณครูอีกคนนึงที่ยืนอยู่ตรงเคาท์เตอร์ในวิดีโอค่ะ และทางหลานชาย เขาก็มาพูดยืนยันว่าเขาพูดแบบนี้
คำนี้สำคัญ ถ้าเขาพูดคำนี้ออกมา ผมมองว่านั่นคือตรงที่คุณยืนอยู่ที่สระ คุณตบจริง ถึงได้พูดว่าจะตบโชว์ครั้งที่สอง เป็นมุมสำคัญในการต่อสู้คดี ?
ทนายพัฒน์ : เหตุการณ์ที่ครูเสือเห็น ค่อนข้างรุนแรงมั้ยครับ
ครูเสือ : สำหรับผม คิดว่าไม่ควรทำ เพราะเด็กตัวเล็กนิดเดียว เขาใช้กำลังกุมมือเด็ก เด็กร้องไห้ แล้วเรื่องควรจบตั้งแต่ในสระแล้ว ไม่ใช่ตามไปเอาเรื่องข้างนอกอีก ผมว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง
ครูเสือสอนที่สระแห่งนี้ ?
ครูเสือ : ก็ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ครับ ยินดีเป็นพยานครับ ผมไม่ได้กลัวโค้ชนะ อีกอย่างที่อยากบอก เขาไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะถ้าเขาเป็นผู้ชาย มีลูกมีเต้า ใครทำลูกเขาแบบนี้เขาไม่ถูกใจแน่ ๆ แล้วเด็กเขายังเล็ก วุฒิภาวะนิดเดียว ข้าวของพวกนี้ ใช้ไปก็ต้องชำรุด ฟินคุณไปดำน้ำที่ไหนก็ต้องเตะโน่นเตะโน่น ข้าวของเสียหายก็ซื้อคืนได้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำแบบนี้ สำหรับผมข้าวของเครื่องใช้ถ้าเสียหายมันชดใช้กันได้ ประเมินราคามา แต่กรณีแบบนี้เท่ากับทำร้ายเด็ก คุณแจ้งเลยว่าข้าวของเสียหาย ให้พ่อแม่ใช้คืน ผมว่ามันง่ายกว่าทำแบบนี้ ทำแบบนี้เรื่องมันร้ายแรงมาก ผมเป็นครูรุ่นเก่า ก่อนทำโทษเด็กต้องผ่านขั้นตอนเยอะมาก ถามแล้วถามอีก คาดโทษแล้วคาดโทษอีก ทำโทษได้แค่ไหน อะไรคือความเหมาะสม ผมเองไม่ใช่อายุน้อย ๆ ผมอเป็นครูมานาน อย่างน้อย 40-50 ปี ผมเป็นครูรุ่นเก่า
โค้ชโป้ได้มีโอกาสคุยกับครอบครัวฝั่งนี้หรือยัง ?
โค้ชโป้ : ยังครับ
ปกติเป็นเทรนเนอร์ ?
โค้ชโป้ : เราเหมือนเทรนเนอร์ทั่ว ๆ ไปที่เราเห็น เหมือนไปฟิตเนสแล้วเจอเทรนเนอร์ แต่ผมเปิดเองทำเอง
วันนั้นโค้ชไปทำอะไร ?
โค้ชโป้ : ซ้อมดำน้ำครับ วันนั้นไปคนเดียวครับ
เหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
โค้ชโป้ : ทั้งหมดทั้งมวลไม่ต่างจากแม่เล่า แต่บางอย่างอาจไม่ตรงทั้งหมด ยอมรับว่าผมตีเด็กจริงครับ
ไม่ได้เฉียด ?
โค้ชโป้ : เฉียดครับ คนที่หลบคนที่สองไม่โดน แต่คนแรกโดนครับ
ฟินวางอยู่ หรือเขาไปเตะหรือไปเหยียบ ?
โค้ชโป้ : เข้าไปเหยียบครับ ไม่ได้ไปเตะ เข้าไปเหยียบโดยเท้าน้องเสื้อส้มเหยียบอยู่ เวลาเหยียบด้วยอุปกรณ์ดังแกร๊ก ทำให้แตกร้าว ถามว่าตีเด็กจริงมั้ย ถูกต้อง ทำไมถึงตี ยอมรับว่าขาดสติครับ โกรธ ขาดสติด้วยตัวผมเอง การที่ตีเด็กลึก ๆ ไม่ได้มีเจตนา ขออนุญาตเล่านะครับ แค่บอกว่าเห็นมั้ยเหยียบของอยู่ ผมไม่รู้ว่าเด็กเข้าใจภาษาที่ผมพูดมั้ย เขายืนงง ก็บอกว่าเหยียบของเสียหาย แล้วผมก็ลงมือ ตอนตีลงไป ผมก็บอกว่าทำผิดก็ต้องรู้จักขอโทษสิ เด็กสองคนยกมือไหว้ ในใจตอนตีไปแล้ว ช่างแม่x ของแตกก็แตกไป การไปจูงเด็กมา ไม่ได้เจตนาจะหาเรื่องหรืออะไรต่อ แต่อยากคุยกับพ่อแม่ แจ้งให้ทราบ ไม่ได้อยากได้เงินหรือค่าเสียหายว่าของแตก มองว่ามันแตกก็ยังใช้งานต่อได้ ถามว่าทำไมต้องลงไม้ลงมือ ยอมรับเลยครับว่าผิด ผมขาดสติครับ ผมทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถึงแม้บอกว่าเบา แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
วันนั้นโค้ชพูดมั้ยจะตบโชว์ผู้ปกครอง ?
โค้ชโป้ : ผมพูดจากใจเลยว่าผมไม่คิดพูดคำนั้นเลยครับ การพาไปเคาท์เตอร์ ผมถามหาผู้ปกครองเด็กสองคนนี้ พูดด้วยอารมณ์ที่โมโห การที่ผมไปจูงมือเด็กมา ผมอาจไม่รู้ตัวว่ามือผมใหญ่ แรงบีบมือเยอะ ผมคิดว่าจับมาปกติ
ไหนลองจับแขน ?
โค้ชโป้ : (จับแขน)
โอ้โห แบบนี้โค้ชกระทืบผมดีกว่า หนักนะเนี่ย ?
โค้ชโป้ : พี่หนุ่มอาจเป็นผู้ใหญ่ ร่างกายแข็งแรง แต่สำหรับเด็กคือมันอาจจะแรง ผมลืมคำนึงไปว่า การที่ผมบอกว่าใช้เพียงปลายนิ้วสะกิดที่หัว ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับผู้ใหญ่
ลองทำกับหน้าผมดู ?
โค้ชโป้ : พี่หนุ่มเข้าใจคำว่าเบิ๊ดกะโหลกมั้ยครับ
ทนายพัฒน์ : ถ้าเบิ๊ดกะโหลกน่าจะตบถากเสย
โค้ชโป้ : ผมพยายามนึกคำที่ง่าย มันค่อนข้างเฉียด ไม่ได้เหมือนในทีวีที่ตบหน้ากัน เพราะผมรู้อยู่แล้วว่ากกหูหรือหน้ามันอันตราย ก็เป็นขมับหรือท้ายทอย (ลองทำกับหัวหนุ่ม)
ตบโป๊ะ ไม่เจ็บ ไม่ได้เน้นปั๊ก ?
โค้ชโป้ : ใช่ครับ ส่วนอีกคนเขาหลบ แต่ผมก็ต้องบอกอย่างนี้ครับ ถึงแม้เราจะบอกว่ามันเบาก็จริง จะเบาหรือเจตนาไม่เจตนา ก็ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว การใช้ความรุนแรงต่อเด็กหรือคนอื่นก็ตาม เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มันเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของสังคม อันนี้ผมรู้ดีตั้งแต่วันไปรายงานตัวที่สน. ว่าเราทำด้วยอารมณ์โกรธ ไม่มีสติยั้งคิด อารมณ์ชั่ววูบ
ทำไมไปรายงานตัวที่สน. ?
โค้ชโป้ : รู้ตัวว่าผิดครับ ผิดตั้งแต่ตีเด็ก เขายังไม่ได้ออกหมาย ตร.โทรมาก่อน ใจเราคิดว่าเราทำผิดนะ จะคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองยังไง เมื่อไปสน. ก็อยากให้มารายงานตัวว่าเราไม่ได้หนี เรารู้ตัวว่าผิด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็อยากติดต่อ จะทำยังไงดี ผมถึงไม่ออกมาปฏิเสธ ผมถึงออกมายอมรับว่าผมตีเด็กจริง
คุณแม่ฟังแล้วแตกต่างจากลูกชายเราบอกมั้ย ?
โรส : ก็แตกต่างค่ะ ในมุมที่ลูกบอกเรา และผู้อยู่ในเหตุการณ์ และครูอีกท่านที่บอกว่ามีคำพูดอะไร
ถามจริง ๆ โค้ชพูดกับเด็กมั้ยว่าเด็กเหี้x มาเหยียบทำไม ?
โค้ชโป้ : จากใจเลย ผมไม่ได้พูดครับ ไม่มีทางพูด ตอนนั้นขาดสติ โมโหจริง
โค้ชพูดว่าอะไร ?
โค้ชโป้ : เฮ้ย เห็นมั้ยเหยียบของอยู่
ไม่มีหยาบคาย กูมึงไม่มี ?
โค้ชโป้ : ต่อให้ผมยืนยันยังไงก็ตาม มันไม่มีหลักฐานตรงนี้ ผมแค่พูดในมุมผม ยืนยันว่าไม่ได้พูดจริง ๆ แม้ผมทำไปด้วยความขาดสติ ผมยอมรับ แต่ผมไม่ได้พูดจริง ๆ ครับ
ตบมือข้างไหน ?
โค้ชโป้ : ข้างซ้ายครับ
ตอนกระชากไม่แรง ?
โค้ชโป้ : ความเป็นเด็ก และด้วยน้ำหนักมือผม มันอาจดูแรง ผมอาจคิดว่าไม่แรง แต่ในเมื่อมีบาดแผลเกิดขึ้น นั่นก็คือแรงแหละครับ ผมอาจไม่คุ้นชินกับแรงตัวเองในการจับคนอื่น แต่การดึงมา ไม่ได้ฉุดกระชาก พามา แต่อาจพละกำลังเยอะ ไม่รู้ว่านั่นคือความแรง
คำพูดว่าจะตบเด็กโชว์ผู้ปกครอง ไม่ได้พูด ?
โค้ชโป้ : ผมไม่รู้จะพูดอย่างนั้นทำไม การมานั่งตบเด็กต่อหน้าคนดู ผมว่าผมต้องเลวกว่านี้มาก ๆ ครับ เพราะผมยังรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ ถ้าผมทำได้ขนาดนั้นจริง ๆ ผมต้องแย่กว่านี้มาก ๆ หนีหายไม่มารายงานตัว แล้วไม่แสดงความรู้สึกผิดต่อสังคมอะไรเลย
ปกติแม่สปอยน้องมั้ย ?
โรส : ไม่เลยค่ะ เราไม่ได้เลี้ยงลูกมาเป็นลูกเทพ ลูกเทวดาใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าลูกทำผิดก็ต้องถูกดุ ถูกทำโทษเหมือนเด็กปกติทุกคนค่ะ
เข้าใจที่คนส่งมาว่าลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน แต่ก็ไม่สามารถไปตีลูกเขาได้ ไม่มีใครไปทำร้ายใครได้ โดยเฉพาะเด็ก ๆ สิ่งที่โค้ชพูดมา สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือเรื่องอะไร ?
โรส : ที่ว่าเด็กทำฟินแตกเสียหาย และไม่ได้ถูกหู อันนี้ที่โค้ชแจ้งมา และคำพูดที่บอกว่าไม่ได้จะตบโชว์พ่อแม่ มีสามอย่างที่ไม่เหมือนกัน เด็กยืนยันว่าโดนเต็ม ๆ และคำพูดที่เล่าให้ฟัง ปกติเด็ก ๆ ไม่กล้าพูดคำหยาบ ขนาดมีการสอบสวน เขาก็ไม่กล้าจะกล่าวคำนั้นออกมา เด็กก็ยืนยันว่าไอ้ .. มึงมาทำของกูเสียหายนะ เด็กก็ยืนยัน เพราะถามหลายครั้งว่าแน่ใจนะ ว่าพูดจริงหรือเปล่า เด็กยืนยันว่าพูดจริง
คำพูดที่บอกว่าจะตบโชว์ผู้ปกครอง ?
โรส : อันนี้ก็มาจากเด็กด้วย หลานชายก็พูด บอกว่าเขาพูด เรายังถามว่าเขาพูดว่าอะไร เด็กบอกว่าจะตบโชว์ผู้ปกครอง ตบโชว์พ่อแม่เลย
นอกจากเด็ก มีคนอื่นได้ยินคำนี้อีกมั้ย ?
โรส : เหตุการณ์เกิดตรงเคาท์เตอร์ จะมีครูอีกท่านนึงที่ไปให้การเหมือนกัน ชื่อครูเอิร์ธ ครูบอกว่าได้ยินคำนี้ เด็ก ๆ ก็พูดว่าตัวคุณโป้เองก็พูดคำนี้
มุมทนายมองยังไง ?
ทนายพัฒน์ : เท่าที่ดู สองฝ่ายยังโต้กันอยู่ เพียงแต่เราดูตามในคลิป ทางโค้ชน่าจะมีอารมณ์ร่วมแน่นอน ดูจากพฤติกรรมแน่นอน คำว่าเบิ๊ดกะโหลก ดูว่าหยอกจริงหรือไม่หยอกจริง หรือเจตนา ลักษณะบาดแผลจะเป็นการบ่งบอก ตอนที่พาน้องมา เท่าที่ดูเหมือนกระชากเล็ก ๆ แล้วมายืนอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ ทำท่าทางเหมือนรุนแรงอยู่นะครับ ด้วยอารมณ์ด้วยอะไรด้วย
มีฝั่งผู้ปกครองเด็กอายุ 10 ขวบ ที่ไปเจอกับทางคุณ เขาอยู่ในเหตุการณ์ มีการทะเลาะกันมั้ย ?
โค้ชโป้ : ตอนนั้นผมก็ถามว่าพี่เป็นผู้ปกครองเด็กใช่มั้ย ลูกพี่ทำฟินผมแตก เขาถามว่าแล้วคุณตีเด็กทำไม ผมก็ยอมรับว่าผมตี เขาบอกว่างั้นผมแจ้งความ ก็เลยบอกว่าครับ ผมถามว่าอันนี้ผมต้องขอโทษเหรอครับ เขาบอกไม่ต้องขอโทษ เขาจะแจ้งความ ผมก็เดินออกมาเลย เพราะผมรู้ว่าผมกำลังหัวร้อน เขาก็ต้องหัวร้อน สู้อยู่ตรงนี้ไป น่าจะรุนแรงกว่านี้ เลยเลือกเดินออกไปเลย ค่อยติดต่อกันภายหลัง แต่ในใจยังไงเราก็ผิด เราตี เราทำ เรารู้ตัวตั้งแต่ตอนตีเลย ตอนนั้นถ้าสองคนอารมณ์ร้อนยังไงก็ต้องเละ เลยเดินออกมาก่อน ตอนตร.เรียกผมเลยไม่ปฏิเสธ
อยู่ในสายกับ "พอล" พ่อเด็ก 10 ขวบ ?
พอล : พอดีมีคนเรียกว่าโค้ชเดินออกมแล้ว ผมก็เดินไปถามเขาเหมือนในกล้องวงจรปิดว่าคุณตีลูกผมเหรอ เขาบอกว่าก็ยอมรับว่าตี ผมก็บอกแล้วมีสิทธิ์อะไรมาตีลูกคนอื่น เขาบอกทำฟินเสียหาย ผมบอกถ้า 3-4 หมื่นผมจ่ายคุณได้นะ คุณมาตีเขาทำไม เขาก็นิ่ง ๆ ไปหน่อย บอกว่าทำไม ต้องขอโทษเด็กเหรอด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด คือผมพยายามใจเย็นนะครับ ผมบอกขอโทษอย่างเดียวไม่ได้แล้ว จังหวะที่ครูเสือเข้ามา ครูเสือบอกว่ามันเป็นความนะครับ คุณได้ทำร้ายเด็ก เขาบอกจะเอาไงต่อจะทำไร ผมก็บอกว่างั้นผมขอแจ้งความแล้วกัน เขาก็บอกว่าก็แค่นี้ เสียเวลาทำงาน ไปทำงานดีกว่า แล้วก็ผละไปเลย จากนั้นผมก็ไปโรงพักครับ
ลูกชายอายุ 10 ขวบ โค้ชบอกว่าตบไม่โดน คุณพอลถามเด็ก เด็กตอบว่ายังไง ?
พอล : วินาทีแรกที่ผมเดินเข้ามา เด็กทั้งคู่จับหูอยู่ครับ สืบไปสืบมาได้ทราบว่าเขาตบหน้าลูก เด็กยืนยันอย่างนี้ครับ
มีร่องรอยมั้ย ?
พอล : มีครับ มีรอยแรงอยู่เหนือกกหูขึ้นมาหน่อย บริเวณขมับครับ
หลบแต่โดน ?
พอล : ผมว่ามันโดนนะครับ
แต่น้อง 9 ขวบเป็นรอยเลย ?
โรส : โดนตรงหูค่ะ มีร่องรอยแดง
เด็ก 10 ขวบโดนตรงขมับ ?
โค้ชโป้ : ผมทำผิดต่อเด็ก ผมขอโทษครับแม่ ผมทำผิดจริง ผมไม่โต้เถียงอะไรเลย ถึงแม้จะเบา หรือเฉียด หรือเจตนา ไม่ได้ฉุดกระชาก ผมเป็นผู้ชายไม่ควรทำอะไรแบบนี้ ควรอารมณ์เย็นกว่านี้ ผมรู้ตัวว่าทำผิดตั้งแต่วันแรกเลย ผมถึงเลือกที่จะไม่หนี ยอมรับว่าตอนนั้นขาดสติจริง ๆ ครับ ในความหัวร้อน ถึงเลือกเดินออกมาและไปรายงานตัวกับตร. ไม่ปฏิเสธ ผมเข้าใจหัวอกแม่ดีครับ คนเป็นแม่ ต้องรักและปกป้องลูก วันนึงผมมีลูกผมก็ต้องทำแบบแม่ ดังนั้นผมไม่ปฏิเสธและยอมรับว่าผมทำผิดครับ
คุณแม่มองยังไง ?
โรส : เราแจ้งความไปแล้ว และเรามีจุดยืนชัดเจนอยากดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อยากให้คุณโป้ใช้สติในการใช้ชีวิต
โค้ชโป้ : ขอบคุณครับ
โรส : เป็นบทเรียนในภายภาคหน้า ในอนาคตต่อไป จะไม่มีผู้เสียหายแบบลูก ๆ หรือหลาน ๆ เกิดขึ้นอีก
โค้ชโป้ : ครับ
คุณโป้เป็นคนใจร้อน ?
โค้ชโป้ : ยอมรับครับ เป็นนิสัยเสียตั้งแต่เด็ก
อีโก้สูง ?
โค้ชโป้ : ยอมรับครับ ผมเป็นคนหลงตัวเอง อีโก้สูง เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ถึงได้มีพฤติกรรมแบบนี้ ผมถึงได้ขาดสติ จนเกิดเรื่องราวนี้ขึ้นมา ผมมารับผิดเต็ม ๆ ครับ ผมเป็นคนอารมณ์ร้อน ช่วงหลายปีที่ผ่านมาพยายามแก้ไขตัวเองตลอดเวลา มีทั้งดีขึ้นและแย่ลง ได้บ้างไม่ได้บ้าง ในที่สุดผมก็ทำพลาด ขอไม่แก้ตัวอะไร จะมีแค่อย่างเดียวคือเอาเหตุการณ์นี้มาใช้ในการปรับปรุงตัว อายุเราก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว วันนึงเราต้องเป็นพ่อคนแม่คน ต้องมีสติคิดให้ได้มากกว่านี้ วันนี้ผมได้ทำผิดพลาดและเดินตกหลุม ก็ยอมรับครับ แต่ผมไม่ได้เป็นคนเลวร้ายและแย่ ในช่วงเวลาที่อยู่ในวงการฟิตเนส 12 ปี ผมยังมีข้อที่ดีอยู่ ผมยังอยากทำหน้าที่ของสังคม ให้ความรู้กับสังคมต่อ ผมอยากแก้ไขให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น อยากเป็นโค้ชโป้ที่พัฒนาแล้ว นิ่งขึ้น สุขุมขึ้น อยากเอาเรื่องราวตัวเองสอนคนอื่นว่าอย่าทำแบบนี้ ไม่ควรใข้ความรุนแรงกับเด็กหรือใครก็ตาม เป็นคนใจเย็นและนิ่งสุขุมขึ้น ผมโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าที่อยากดีขึ้นกว่านี้ วันนี้เป็นเหตุการณ์และบทเรียนสำคัญหนึ่งในชีวิตผม ผมเลยเลือกออกมาขอโทษ และเอาอันนี้สอนคนอื่นได้ว่าถ้าคุณใช้ชีวิตแบบขาดสติ ไม่มีสามัญสำนึกคิด นี่คือสิ่งที
โค้ชมีครอบครัวแล้ว ?
โค้ชโป้ : ผมแต่งงานแล้วครับ
มีลูกมั้ย ?
โค้ชโป้ : แพลนไว้อีก 2-3 ปีข้างหน้า ผมสอนออกกำลังกายกับเด็กตลอดเวลา เด็ก 8-9 ขวบก็สอนครับ ผมก็คลุกคลีกับเด็ก ถามว่าแล้วทำไมถึงทำ ผมขาดสติครับ วันนั้นเราคุยงานและมีความหงุดหงิดโมโหอยู่ วันนั้นเลยยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ ถ้าวันนั้นไม่มีอารมณ์ร้อนหรืออะไร ผมอาจไม่ทำอะไรเด็ก
ตีนกบที่บอกว่าเด็กไปเหยียบดังแกร๊ก ทำไมไม่เอาไปให้พ่อแม่เขาดู ?
โค้ชโป้ : เพราะความใจร้อน เลยลงไม้ลงมือก่อน มันแตกจริง แต่ตั้งแต่ตอนที่ตี ผมก็คิดแล้วว่าช่างแม่x ช่างมันไป ไม่ได้คิดจะพูดเรื่องค่าความเสียหาย แค่อยากบอกผู้ปกครองให้บอกเรื่องนี้ ว่าลูกคุณทำอะไรผิด ต่อให้ชดใช้ก็ไม่เอา เพราะรู้ว่าเราซื้อมาใช้ ก็ต้องแตกต้องเสียหาย เด็กก็ซนของมัน แต่ด้วยความใจร้อนถึงได้ขาดสติทำออกไป เรารู้ตัวตั้งแต่ตอนตีแล้วว่าไม่น่าทำ
โค้ชเอาไปวางยังไง ?
โค้ชโป้ : เหมือนอุปกรณ์ว่ายน้ำของคนทั่วไป วางขอบสระไว้ก่อน ไปคุยธุระก่อน ก็เห็นแล้วว่าเด็กเดินมา เด็กมาเหยียบจริง ก็เลยฉุนเลย เลยเกิดเรื่องแบบนี้
โค้ชทำอาชีพโค้ชกี่ปี ?
โค้ชโป้ : ปีนี้เข้าปีที่ 12 มีเด็กกว่านี้ก็มี จนไปถึงสูงวัย
รู้จักคนนี้มั้ย ?
โค้ชโป้ : เขาชื่อคุณกั้งครับ เขาเป็นลูกค้าผมที่เทรนกันมาสักระยะนึง
มีข้อพิพาทอะไร ?
โค้ชโป้ : ผมยอมรับผมเป็นเทรนเนอร์ธรรมดาคนนึง ที่ไม่สามารถสอนให้ทุกคนพึงพอใจได้ ผมมีทั้งอารมณ์ดุ ใจดี อ่อนโยนในเวลาเดียวกัน บางครั้งความหวังดีผมอาจกระโชกโฮกฮากของคนอื่น ผมแค่ตำหนิ ทำไมทำแบบนี้ ผมไม่ได้ทำตลอดเวลา
มีคนที่ร้องเรียนกรณีน้องกั้งตามเพจต่าง ๆ เยอะมาก ?
โค้ชโป้ : ทราบครับ
เรื่องคุณกั้งเกิดอะไรขึ้น ?
กั้ง : ที่ขอยกเลิก เพราะโค้ชพูดจาไม่ค่อยดี รู้จักเพราะดูผ่านเฟซบุ๊ก แล้วไดเรกต์แมสเสจไปในแมสเซนเจอร์ สอบถามว่าอยู่ตรงไหน พอบอกว่าอยู่ใกล้บ้านก็ชวนคุณแม่ไปสมัคร ก็นัดโค้ชไว้ วันนั้นที่นัดน่าจะประมาณ 10 โมง เดินกันไปค่ะ เพราะซอยที่บ้านกับซอยโค้ชไม่ไกลกันมาก คิดว่าน่าจะถึงโรงเรียนเลยนิดหน่อยสัก 5-6 นาที แต่โค้ชเห็นแล้วว่ากั้งกับแม่มาถึง โค้ลกำลังเทรนอยู่อีกเคสนึง โค้ชไม่ได้เดินมาเปิดประตูให้กั้งกับแม่ ให้กั้งกับแม่ยืนรอ ซึ่งแดดค่อนข้างร้อน เขาไม่ได้ล็อก แต่คุณแม่กั้งเปิดประตูเข้าไป แล้วโค้ชหันมาพูดกับคุณแม่ว่า รอครับ รอข้างนอก
ไม่ให้เข้า ?
กั้ง : ใช่ กั้งกับแม่ก็ยืนรอ จนโค้ชเทรนเสร็จ โค้ชก็มาเปิดให้เข้า แล้วถามว่านัดกี่โมงครับ ผมนัดคุณกี่โมง แล้วนี่มันกี่โมง กั้งก็อธิบายว่ากั้งเดินมา มันค่อนข้างไกล ก็หลังจากนั้นคุยทำความเข้าใจกันและตกลงซื้อคอร์สที่ 20 ครั้ง มีคุยกันก่อนว่าเราต้องการอะไร ต้องการพัฒนาแบบไหน จากนั้นก็มีการโอนจ่ายเงินปกติ มีการนัดว่าลงเทรนครั้งที่หนึ่งเมื่อไหร่ ยอมรับว่าครั้งแรก ครั้งสอง ครั้งสาม ที่ผ่านมา โค้ชใส่ใจ มีดุบ้าง แต่ระดับที่เรารับได้ ไม่ได้รุนแรงเกิน แต่กั้งเข้าใจว่าเป็นการพูดของโค้ชที่ดุ แต่ทุกครั้งที่ไป โค้ชไม่ให้เข้าประตูไปก่อน แม้ไม่มีคนเทรน โค้ชนั่งอยู่ในห้อง เห็นว่ากั้งกับแม่มาแล้ว ก็นั่งเฉย ๆ ไม่ได้ลุกมาเปิดประตู หรือแสดงความเคารพว่าเชิญครับ ไม่ใช่กิริยาที่ควรได้รับการบริการ กั้งก็เริ่มกลับมาคุยกับที่บ้าน ว่าเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า เราไม่ตั้งใจเรียนหรือยังไง ก็คุยกับคุณแม่ตลอดว่าเหมือนเราไปขอเขาฟรี ๆ เลย ทั้งที่เราเสียเงิน และไม่ใช่ถูก ๆ แต่พอหักลบกัน กั้งก็มีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถึงกับก้าวกระโดดจาก 1 ไป 10 เป็น 1 1.5 ค่อย ๆ ไต่ระดับไป แต่พอหมดคอร์สแรก กั้งก็ต่อคอร์สที่สอง แต่ครั้งนี้คอร์สไม่ได้มีการสอบถามกั้ง
เราสามารถยกเลิกเขาเลยได้มั้ย ?
กั้ง : หลังจากวันนั้นกั้งไลน์ไปขอยกเลิก โค้ชก็พิมพ์มาว่า คุณก็รู้ใช่มั้ย ที่คุณได้ทุกวันนี้เป็นเพราะใคร ข้อความนั้นไม่มีการขอโทษเลย ว่าผมจริงใจที่จะสอนคุณนะ ผมดุเพราะหวังดีกับคุณ โค้ชพูดว่าผมดุคุณทุกครั้งเหรอ มันไม่ใช่นะ กั้งบอกขอยกเลิก ขอเงินคืน โค้ชก็ไม่คืนเงิน
คุณกั้งไม่สบาย โค้ชทราบมั้ยว่าแกป่วย ?
โค้ชโป้ : ครับ รู้ตั้งแต่วันแรกแล้ว ผมคอยช่วยเขามาตลอดเวลา ตั้งแต่วันแรกที่เทรน จนถึง 20 ครั้ง ผมตั้งใจเทรนเขาตลอด คนในโซเชียลมีเดียชมเขาตลอด ทุกคนบอกเขาทำได้ดีขึ้น กั้งถือเป็นผลงานชิ้นนึงที่ผมภูมิใจว่าผมทำให้เขาดีขึ้นได้เยอะมาก เขาสุขภาพดีขึ้น ผมไม่เคยรู้สึกไม่อยากเทรนเขา ผมแค่อยากอธิบายในมุมที่เขาพูดมา ปกติแล้วลูกค้าทุกคนเวลามาเทรน เขาเปิดประตูมาเองได้เลย มีพื้นที่ให้รออยู่แล้ว ผมไม่ค่อยได้เปิดประตูให้ใคร สองเรื่องการดูดฝุ่น ผมดูดทุกคนครับเหมือนเวลาร้านอาหารจะเคลียร์โต๊ะก็เช็ดโต๊ะทุกครั้ง ผมแค่ดูดฝุ่นทุกครั้งก่อนเทรนคนต่อไป เพราะทุกครั้งที่เทรน มีฝุ่น ความสกปรกต่าง ๆ เสร็จคนนี้ก็ดูดฝุ่นเช็ด อยากให้สะอาดสะอ้านตลอดเวลา เรื่องการพูดดุ ผมเป็นคนที่ดุก็จริง เวลาพูดผมอาจไม่รู้ว่าสิ่งนี้อาจแรงกับคนอื่น แต่ลูกค้าหลายคนที่เทรนมาตลอดเวลา เขารู้ว่าผมเป็นคนดุ แต่ดุด้วยเจตนาว่าอยากทำให้ได้ ไม่ได้ดูถูกหรืออะไร การที่ผมบอกกั้ง เจตนาคือหนึ่ง กั้งอาจไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ผมเชียร์อัพกั้งมาตลอดตั้งแต่วันแรก ลองยืนดู ลองเดินลู่วิ่งดู ลองปั่นจักรยานดู การทำสควอช ทุกสิ่งอย่าง กั้งบอกว่าผมสามารถเทรนกั้งมาได้ดีโดยตลอด ไม่มีความแย่ จนก
ตอนนี้มีคนไม่เข้าใจมุมน้องกั้งพอสมควร เขาไม่ทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้น น้องกั้งเป็นอะไร เขาเลยรู้สึกว่าแค่นี้เองเหรอ ขออนุญาตพูดนะ คนดูจะได้เข้าใจ ไม่งั้นคนไปต่อว่าน้อง น้องกั้งเป็นโรคหนังแข็ง เป็นโรค ๆ นึงที่วันนั้งหาวิธีรักษาไม่ได้ ยกเว้นประทังอาการ หนังแข็งคือร่างกายทำให้ผิวหนังค่อย ๆ ชัตดาวน์ไปทีละอย่าง น้องอยู่ในขั้นตอนรักษา น้องจำเป็นต้องหาโค้ชเพื่อออกกำลังกาย ฟื้นฟูกล้ามเนื้อเพราะน้องไม่สบาย ปรากฏว่าพอไปปุ๊บเจอคำพูดที่ไม่ไหวเหมือนกัน เข้าใจว่าโค้ชพยายามเคี่ยวเข็น แต่คนมันป่วย สภาพร่างกายไม่ได้ ก็คิดว่าทำไมโค้ชไม่เข้าใจเธอเลย สุดท้ายมีปัญหาแบบนี้ ขออนุญาตไม่ทำต่อแล้วกัน โค้ชก็หายไปเลย อยากให้คนดูอยู่เพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่า มันจำเป็นต้องพูด ขอโทษจริง ๆ คุณแม่อยากพูดอะไร ?
แม่กั้ง : วันนั้นไม่จริงเลยค่ะ โค้ชพูดรุนแรงมาก ในสิ่งที่โค้ชพูด แล้วโค้ชให้ทำต่อเนื่อง ทำสิ่งนี้เสร็จมาต่อสิ่งนี้ เรานั่งดูแล้วเห็น มองหน้าลูกคือไม่ไหวแล้ว ลูกหน้าซีดแล้ว ถ้าไปต่อต้องเป็นลม ต้องล้ม เราเคยเห็นอาการลูกเราว่าเป็นยังไง ก็ถามลูกว่าไหวมั้ยลูก ถ้าไม่ไหวก็กลับเลย แต่โค้ชให้นั่งและลุกขึ้น เราต้องใช้มือช่วยเขาให้เขาเกร็งตัวขึ้นมาเพื่อลุก แต่โค้ชบอกให้ลุก แต่น้องบอกว่าลุกไม่ได้ โค้ชก็พูดว่าคุณสบายเกินไปหรืออะไรอย่างนี้ คุณต้องลุกให้ได้ ใช้คำพูดที่แรงมาก ถ้าสำหรับคนเรา ถ้าบอกว่าโค้ชดุเป็นไปไม่ได้ค่ะ เราซื้อคอร์สคุณนะ เพื่อให้ช่วยเทรนลูกเรา
เคยติดต่อคุณหมอกายภาพมั้ย ?
แม่กั้ง : ทำอยู่ค่ะ
ทำทุกวิถีทางที่จะทำได้ รวมถึงหาเทรนเนอร์ในการดูแลสุขภาพร่างกายด้วย ผมว่าอาจเป็นความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันมากกว่าหรือเปล่า ?
แม่กั้ง : ไม่ค่ะ ตอนแรกเราคุยกับโค้ชแล้วว่าน้องเป็นแบบนี้นะ ป่วยด้วยโรคนี้นะ เพื่อขอให้โค้ชช่วย แต่โค้ชไม่น่าพูดหรือทำอะไรแรงกว่านี้ เราก็ไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดต่อโค้ชเหรอ ไปทุกครั้งโค้ชจะเงียบ แสดงกิริยาไม่สมควร เราไปซื้อคอร์สคุณนะไม่ได้ไปให้คุณสอนเราฟรี ๆ น้องก็เสียเงินไปเยอะ ไม่ใช่ไม่เยอะ
กั้ง : มีคำพูดนึงที่กั้งรู้สึกว่าหรือว่าเราเป็นภาระจริง ๆ โค้ชให้เรานั่งบนเก้าอี้ ปกติเก้าอี้นั้นปรับได้ 1 ระดับ ซึ่งปรับขึ้นมา กั้งสามารถลุกได้ แต่วันนั้นโค้ชปรับให้มันลง ไม่ได้ขึ้น กั้งบอกว่าถ้าปรับลงน่าจะทำไม่ได้ โค้ชก็บอกว่าผมว่าทำได้ ลองหรือยัง ก่อนที่จะพูดลองหรือยังว่าทำได้ กั้งก็ลองนะ เหวี่ยงตัวเองจะขึ้น โค้ชก็เริ่มหงุดหงิด บอกว่าผมสอนคุณ ไม่ให้เหวี่ยง ให้ก้มหน้า ก็บอกว่าก้มได้เท่านี้ ขาตึงด้วยอะไรด้วย เขาบอกคุณทำผิด ไม่ได้ทำตามที่ผมบอก คุณรอแค่คนมาช่วย หวังแต่ความสบาย รอคนมาช่วย ไม่คิดช่วยตัวเองก่อนเหรอ ด้วยความที่กั้งป่วย มีคนมาพูดแบบนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจอยู่นะคะ
เรื่องนี้เข้าใจทั้งสองมุม ฝั่งนี้ร่างกายเขาอาจไม่ไหวจริง ๆ โรคหนังแข็งอยากให้ลองไปศึกษา พอเป็นโรคหนังแข็ง จะมีภาวะเรื่องการหายใจ การออกกำลังกาย คอนโทรลกล้ามเนื้อในการหายใจ ผมเคยทำเคสหนังแข็งจากน้องคนนึง พอทราบสภาวะเรื่องนี้เป็นอย่างดี โค้ชอาจไม่ใช่หมอ อาจไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวว่าเขาต้องทำอะไร มุมนึงคุณอาจไม่ผิดอะไรเลย เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกันไม่ถี่ถ้วน แต่ขณะเดียวกัน คุณก็หวังว่าทางโค้ชจะเทรนให้คุณอยู่ในกรอบที่คุณพอไปไหว แต่พอคุณไม่ไหว โค้ชก็ไม่เข้าใจคุณ จนสุดท้ายคุณไม่ไหวจริง ๆ ขอหยุด แต่เขาตัดคุณทิ้งออกไปเลย ไม่คืนเงิน นี่คือสิ่งที่คุณอยากบอกสังคม มุมโค้ชพยายามบอกว่าหวังดี พยายามเอาคุณให้รอดไปให้ได้ แต่ขณะเดียวกัน บางโรคเราอาจไม่ได้คุ้นเคยหรือเรียนรู้กับมันเลย มันคุยกันได้มั้ย ?
กั้ง : จริง ๆ กั้งไม่ได้ต้องการมาตรงนี้เลย กั้งพยายามไลน์ไปหาโค้ช ขอคืนเงินตามปกติเหมือนที่คนอื่น ๆ โดน แต่โค้ชไม่อ่านข้อความ จนคิดจะไปกับคุณแม่ไปบ้านเขาดีมั้ย ไปขอคืนเงิน แค่คิดว่าเราเป็นผู้หญิงทั้งคู่ ไม่กล้าที่จะไป
โค้ชโป้ : ถ้าคนเป็นแฟนเพจติดตามผมตลอดเวลา 20 ครั้งผมตั้งใจเทรนเขาตลอดเวลา ฟังแบบนี้ลึก ๆ ผมก็เสียใจ ผมตั้งใจเทรนคุณมาดีตลอด พยายามออกแบบทุกท่าทางออกกำลังกายตลอดเวลา ภรรยาผมเป็นหมอ ผมถามเขาตลอดเวลาว่าโรคนี้ทำอะไรได้บ้าง ผมอ่านศึกษาตลอดเวลา ไม่ใช่ไม่หาความรู้อะไรเลย แต่คนถามว่าทำไมไม่ส่งกายภาพ ผมก็บอกว่าเขามีกายภาพของเขาอยู่แล้ว แต่เขาอยากออกกำลังกายแบบนี้ ผมเริ่มดุเขาตอนหลังมานี่เอง เพื่อให้เขาพัฒนา ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาผมเทรนแย่ตลอดเวลา เขาเคยกลัวการเดิน ผมยังบอกเขาว่ากั้ง อีกหน่อยเราไปงานด้วยกันมั้ย แต่ก่อนเขาเดินไม่ได้ เขากลัว ผมพาเขาเดินได้ ทำไมไม่มองจุดนี้เลย เอาแต่มองว่าผมดุแค่วันนั้นและมาเป็นวันนี้ ส่วนเรื่องการต่ออายุคอร์ส ครั้งที่ 18 ผมทำแบบนี้กับลูกค้าทุกคนเลย ผมแค่แจ้งเตือนเอาไว้ ถ้าคุณจะไม่ต่อก็แค่บอก แต่กั้งไม่เคยบอกเลย แล้วเปลี่ยนประเด็นเรื่อย ๆ ผมแค่ทำงานเป็นระบบเฉย ๆ ว่าส่งไปบอก ต่อก็แค่ชำระ ไม่ต่อก็แค่บอก ปกติในอุตสาหกรรมฟิตเนส แทบไม่มีการคืนเงินกันเลยครับ ลองไปถามได้เลย เขาไม่มีการรีฟันตรงนี้เลย มันยากมาก ๆ
มีเรื่องเขาถ่ายคลิปไปลง คือยังไง ?
กั้ง : วันที่เขาถ่ายคลิป โค้ชไม่ได้มีการขอว่าจะถ่ายกั้งไปลง เป็นคลิปการสอนออกกำลังกาย พอกั้งไปออกครั้งแรก เขาก็หยิบกล้องมาถ่าย ไม่ได้พูดลักษณะขอ ไม่ได้มีพูดว่าขอถ่ายคลิปคุณนะเพื่อเอาลงโซเชียล ไม่มีค่ะ ที่โค้ชบอกกั้งเดินไม่ได้ กั้งเดินได้ตั้งแต่แรก แต่ไม่กล้าเดินลู่
โค้ชโป้ : ใช่ครับ ผมถึงได้พากั้งเดินลู่ วันที่ถ่ายกั้ง ผมบอกว่าผมขอเอาเรื่องกั้งไปเล่าในโซเชียลได้มั้ย กั้งบอกว่าได้ ตอนแรกกั้งบอกว่าอาย แต่ผมบอกว่าลองดูมั้ย เราจะได้เป็นอินสไปเรชั่นให้กับคนอื่น กั้งบอกลองดู
กั้ง : แต่โค้ชไม่เคยขออนุญาตกั้งนะคะ ในมุมกั้งไม่มีการขอ ทำไมถึงไม่แย้งตั้งแต่ทีแรกที่เห็นคลิป กั้งอ่านในข้อความไม่มีผลกระทบที่ไม่ดีกับกั้ง แต่มีบางคนที่ไม่ได้รู้ว่ากั้งป่วย กั้งไม่ประสงค์ให้เขารู้ อย่างที่กั้งบอกว่ากั้งไม่เอาดีกว่า กั้งรู้สึกไม่กล้า หรือว่าอาย กั้งไม่ประสงค์ให้คนอื่นรู้ว่ากั้งป่วยในครั้งนั้น และในคลิปโค้ชดูแลกั้งดีจริง แต่วันไหนไม่ได้ถ่ายคลิป ก็เป็นเรียล ๆ ของโค้ชเลย
โค้ชโป้ : อันนี้เหมือนความข้างเดียว ไม่มีหลักฐานตรงกลางในสิ่งที่ผมทำสักอย่างเลย ลูกค้าที่เคยเทรนก่อนหน้า เขาก็บอกว่าผมเทรนดีตลอดเวลา ทำไมออกมาเป็นแบบนี้ แล้วผมทักไปคืนเงินตั้งแต่เมื่อวาน แต่กั้งไม่ตอบเลย
กั้ง : เดี๋ยวนะคะโค้ช กั้งทักโค้ชไปตั้งแต่เดือน 7 แต่พอเกิดเรื่องคุณโรส โค้ชเพิ่งทักมาคืนเงินกั้ง แล้วกั้งคุยกับผู้เสียหายท่านอื่น ๆ
เอาง่าย ๆ ดีกว่า ไม่งั้นไม่จบไม่สิ้น ธงหนูต้องการอะไร ?
กั้ง : ต้องการเงินคืน
คืนมั้ย ?
โค้ชโป้ : คืนครับ ผมทักไปหาเขาเมื่อวาน เมื่อวานผมจ่ายให้ลูกค้าทุกคนที่ขอคืนเงิน ผมทักเขาก่อน เขาอ่านแต่ไม่ตอบ คนอื่นทักมาผมขอหลักฐานโน่นนี่นั่น ผมก็โอนหมด
คนขอเงินคืนเยอะ ?
โค้ชโป้ : ถูกต้องครับ
กี่คน ?
โค้ชโป้ : โดยปกติฟิตเนสจะไม่คืน ผมอยากอธิบายตรงนี้ว่าผมคืน ถ้าเรื่องนี้เกิดกับฟิตเนสเซนเตอร์ทั่ว ๆ ไปเขาจะไม่คืนครับ แต่เปลี่ยนเทรนเนอร์ให้ ไม่ใช่แค่ผม ลูกค้าที่ขอคืนเงิน ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น เหมือนพี่หนุ่มไปซื้อคอร์สอะไรสักอย่าง คอร์สทำหน้า ยังไงเขาก็ไม่มีการคืนเงิน นี่ผมยังคืน การมีลูกค้ามาขอคืนเงินในปริมาณนึง ไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิดขึ้นตอนผมไม่ดี มันกระจาย ๆ ตลอดระยะเวลา 5-6 ปีครับที่มีคนมาขอคืนเงิน 10 กว่าคน ขอคืนในระยะเวลา 5 ปีครับ ไม่ได้มีมาโดยตลอด ๆ มันมีคนที่ชอบและไม่ชอบผม ชอบในการเทรนของเรา คนไม่ชอบผมก็เข้าใจ วงการฟิตเนสเทรนเนอร์ ต่อให้เทรนแค่ไหน ก็อาจไม่ถูกจริต บางคนก็เงียบหายไปเอง บางคนขอคืนเงิน แล้วยากมากที่ฟิตเนสจะคืนเงินให้ลูกค้า นี่ผมคืนให้เลย แม้อาจคืนช้าหรือมีเรื่อง ก็ยังคืน
ทนายพัฒน์ : ถ้าในมุมมองกฎหมาย มันเป็นสัญญาจ้าง สัญญาบริการ สัญญาผู้บริโภค ไม่ได้หมายความว่าเมื่อมีการเรียกร้องหรือปฏิบัติผิดสัญญาแล้วจะริบทุกอย่างได้ทุกกรณี ต้องมาดูความเป็นธรรม อะไรที่ใช้บริการไปแล้วอาจต้องริบไป แต่บางสิ่งบางอย่างที่ใช้บริการไม่ถึง อันนี้อาจต้องคืน ต้องดูว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายผิดสัญญา ถ้าฟังได้ว่าผู้ประกอบการผิดสัญญาผู้ใช้บริการต้องได้เงินคืน






