อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 11 ธ.ค. 68 ข่าวดีคือไทยยึดพื้นที่ช่องระยี–ปลดต่าง จ.สุรินทร์ สำเร็จ แต่ก็มีเรื่องน่าเศร้าใจที่มีทหารเสียสละชีวิต 9 นาย และพลเรือน 3 คน

ภาพจาก กองทัพบก Royal Thai Army
วันที่ 11 ธันวาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2
สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2568 (เวลา
09.00 น.) ตามที่ได้เกิดการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอสรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้
สถานการณ์ เมื่อเวลา 22.42 น. ได้เกิดเหตุปะทะขึ้น โดยฝ่ายทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุน ได้แก่ ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด ยิงเข้ามายังที่ตั้งของฝ่ายเรา พร้อมทั้งมีการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ทำการตรวจการณ์ในหลายพื้นที่สำคัญ ได้แก่ พื้นที่ช่องบก, ช่องสะงำ, ช่องอานม้า, ปราสาทคนา, ปราสาทตาควาย และบริเวณเขาพระวิหาร
กองทัพภาคที่ 2 ได้ดำเนินการตอบโต้ตามหลักการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วน โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุน ได้แก่ ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด เพื่อสกัดกั้นและทำลายเป้าหมายทางทหาร ที่มีความสำคัญของฝ่ายตรงข้าม สามารถสร้างความเสียหายแก่ข้าศึกได้ในหลายพื้นที่ อาทิ การทำลายรถบรรทุกของข้าศึก, การโจมตีที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุน และการโจมตีที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชา
พื้นที่ช่องระยี-ปลดต่าง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ฝ่ายเราได้เข้าควบคุม ยึดพื้นที่ และได้ดำเนินการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการโต้กลับของฝ่ายตรงข้าม
พื้นที่ช่องคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้ทำการรุกคืบเข้าตีต่อที่หมายตามแผนการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน ปัจจุบันสามารถยึดครองที่หมายสำคัญได้ และยังคงปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมพื้นที่ให้เป็นไปตามแผน
สำหรับการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง มณฑลทหารบกในพื้นที่ ได้บูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันกับฝ่ายปกครอง อาสาสมัครกิจการพลเรือน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และอาสาป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ในการดำเนินการลาดตระเวน ตั้งจุดตรวจ เข้าเวรรักษาความปลอดภัยภายในหมู่บ้าน ดูแลรักษาทรัพย์สินของประชาชน และเฝ้าระวังพฤติกรรมบุคคลต้องสงสัยที่อาจแฝงตัวเข้ามาลาดตระเวนหาข่าวในพื้นที่ ตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ประชาชน
.jpg)
ภาพจาก NBT
.jpg)
ภาพจาก NBT
ยืนยันตัวเลขทหารเสียชีวิต 9 นาย เจ็บ 120 และพลเรือนเสียชีวิต 3 ราย
เมื่อเวลา 10.00 น. พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าในส่วนของกองทัพบก ทางกัมพูชายังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยอาวุธหนัก เช่น บีเอ็ม 21, โดรน Kamikaze, ปืนครก โดยเฉพาะบริเวณช่วงอานม้าและเนิน 667
ในขณะที่กองทัพเรือได้ดำเนินกลยุทธ์ตามยุทธการตราดปราบปรปักษ์ในพื้นที่ จ.ตราด อย่างต่อเนื่อง และได้รับการโจมตีโดยโดรนของฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยทั้ง 2 เหล่าทัพดำเนินการไปตามแผนและมีความคืบหน้าในการปฏิบัติการต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามได้มีการพบทหารกัมพูชาที่ใช้บ้านประชาชนเป็นป้อมปราการทางทหาร ตรวจพบการติดตั้งปืนกลในบ้านพัก ถือเป็นการละเมิด อนุสัญญาต่าง ๆ ในการใช้มนุษย์เป็นโล่กำบัง ส่วนกองทัพอากาศยังคงปฏิบัติการสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินในการลุกคืบอย่างมีประสิทธิภาพ
"แต่เป็นที่น่าเสียใจที่กำลังพลของเราสูญเสียอีก 2 รายในพื้นที่ของกองทัพภาคที่1 จำนวน 1 นาย และสูญเสียชีวิตอีก 1 ราย ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 โดยปัจจุบันมีกำลังพลสูญเสียไปแล้ว9นายและบาดเจ็บประมาณ 120 นาย"
พร้อมยังได้เปิดเผยภาพความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนที่ถูกโจมตีด้วยบีเอ็ม 21 รวมถึงถนนในพื้นที่ จ.ตราด รวมสถิติ ผลกระทบต่อพลเรือน เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ณ เวลา 16:00 น. โดยพบประชาชนที่พลัดถิ่นและพักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงทั้งหมด 199,618 คนในศูนย์พักพิง 849 แห่งและมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 19 แห่งรวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 180 แห่ง ทำให้ต้องอพยพผู้ป่วยจากพื้นที่ ซึ่งขอประณามการใช้อาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาที่สร้างผลกระทบดังกล่าว

ภาพจาก กองทัพบก Royal Thai Army

ภาพจาก กองทัพบก Royal Thai Army

ภาพจาก กองทัพบก Royal Thai Army
-นายประหยัด ไม่ทราบอายุ เสียชีวิตจากอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม เวลา 19.00 น. พื้นที่ จ.อุบลราชธานี
-นางสมจิตร อายุ 48 ปี เสียชีวิตจากช็อกและหมดสติ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม เวลา 19.30 น. พื้นที่ จ.บุรีรัมย์
-พระศักดา อายุ 82 ปี เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว เนื่องจากตกใจเสียงปืนใหญ่ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 15.00 น. พื้นที่ จ.สระแก้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3






