พลโท มาลี เตือนหากไม่มีใครจัดการไทย อาจรุกรานชาติอื่นเหมือนกัมพูชา พร้อมจี้ประณามปมโจมตีปราสาท ด้านไทยงัดหลักฐานโต้ทันที
![พลโท มาลี ไทย กัมพูชา พลโท มาลี ไทย กัมพูชา]()
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ทั้งเป็นเอกสาร และการแถลงของ พลโท มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า วันนี้กองทัพไทยเริ่มการโจมตีรุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยกัมพูชาในเขตทหารที่ 4 จังหวัดอุดรมีชัย การโจมตีเริ่มตั้งแต่เวลา 04.40 น. โดยยิงปืนใหญ่เข้าไปในบริเวณปราสาทคนา
บางตอน พลโท มาลี แถลงว่า หากยังไม่มีใครเข้ามาจัดการประเทศไทย ไทยก็อาจไปรุกรานประเทศอื่นแบบที่ทำกับกัมพูชาก็เป็นได้
กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา อ้างว่า นับตั้งแต่ปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ไทยได้สร้างข้ออ้างและก่อความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่ปราสาทพระวิหารหลายครั้งในช่วงปี 2551-2554 พร้อมทั้งก่อความขัดแย้งระลอกใหม่เมื่อวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2568
กองทัพไทยได้ใช้อาวุธหนัก F-16 ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของปราสาทพระวิหาร ซึ่งถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออนุสัญญากรุงเฮกปี 1954 ว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในกรณีที่มีการขัดกันด้วยอาวุธ และอนุสัญญาองค์การยูเนสโก ปี 1972 ว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก ซึ่งประเทศไทยก็เป็นรัฐภาคีด้วย
กัมพูชายังอ้างว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม กองทัพไทยได้ทำลายอาคารอนุรักษ์ของโครงการอนุรักษ์และซ่อมแซมโคปุระชั้นที่ 5 ซึ่งเป็นแนวระเบียงคดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมรอบปราสาทประธานของปราสาทพระวิหาร และโครงสร้างพื้นฐานด้านการอนุรักษ์อื่น ๆ รวมถึงทำลายเครนยกของ
![พลโท มาลี ไทย กัมพูชา พลโท มาลี ไทย กัมพูชา]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Thai Military News
กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชาเรียกร้องให้นานาชาติ โดยเฉพาะองค์การยูเนสโก อาเซียน และบุคคลผู้รักมรดกทางวัฒนธรรม ร่วมกันประณามและผลักดันให้ไทยยุติกิจกรรมการทำลายล้างนี้โดยด่วน
![พลโท มาลี ไทย กัมพูชา พลโท มาลี ไทย กัมพูชา]()
ภาพจาก NBT
กองทัพภาคที่ 2 เผยภาพหลักฐาน ย้ำชัด ทหารกัมพูชา ใช้โบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทหาร ระบุ การใช้โบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทหาร เป็นการละเมิดกฎหมาย มนุษยธรรมสากล และทำลายคุณค่าทางโบราณสถานอย่างร้ายแรง โบราณสถานไม่ใช่สนามรบ การปฏิบัติการทางทหาร การติดตั้งอาวุธ กล้องตรวจการณ์ และระบบแอนตี้โดรนบนพื้นที่โบราณสถาน ถือเป็นการละเมิดหลักสากลที่ทุกประเทศต้องเคารพ

ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
วันที่ 11 ธันวาคม 2568 กระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำว่าไทยเริ่มยิงโจมตีเข้ามาในดินแดนกัมพูชาตั้งแต่เวลา 04.40 น. วันนี้ ขณะที่พลเรือนกัมพูชาที่เสียชีวิตนับตั้งแต่ที่ไทยเริ่มปฏิบัติการโจมตีมี 10 คน บาดเจ็บ 60 คน
กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ทั้งเป็นเอกสาร และการแถลงของ พลโท มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า วันนี้กองทัพไทยเริ่มการโจมตีรุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยกัมพูชาในเขตทหารที่ 4 จังหวัดอุดรมีชัย การโจมตีเริ่มตั้งแต่เวลา 04.40 น. โดยยิงปืนใหญ่เข้าไปในบริเวณปราสาทคนา
พลโท มาลี ย้ำว่า กองกำลังกัมพูชาจะต่อสู้กับการรุกรานของศัตรูอย่างแข็งขันและเข้มแข็ง เพื่อปกป้องอธิปไตยกัมพูชา และระบุว่า นับตั้งแต่ที่ไทยเริ่มโจมตีกัมพูชา มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 10 คน ในจำนวนนี้มีทารกรวมอยู่ด้วย 1 คน และมีผู้บาดเจ็บ 60 คน
บางตอน พลโท มาลี แถลงว่า หากยังไม่มีใครเข้ามาจัดการประเทศไทย ไทยก็อาจไปรุกรานประเทศอื่นแบบที่ทำกับกัมพูชาก็เป็นได้
ขณะเดียวกัน นายเขียว รามี รัฐมนตรีอาวุโสและประธานองค์กรสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา วิพากษ์วิจารณ์ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การยูเนสโกคนปัจจุบัน ว่า ไม่มีหัวใจ ยังคงนิ่งเงียบ ปิดหู ปิดตา ไม่นำเรื่องไปประณามไทยที่โจมตีปราสาทโบราณของเขมร
กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา อ้างว่า นับตั้งแต่ปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ไทยได้สร้างข้ออ้างและก่อความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่ปราสาทพระวิหารหลายครั้งในช่วงปี 2551-2554 พร้อมทั้งก่อความขัดแย้งระลอกใหม่เมื่อวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2568
กองทัพไทยได้ใช้อาวุธหนัก F-16 ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของปราสาทพระวิหาร ซึ่งถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออนุสัญญากรุงเฮกปี 1954 ว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในกรณีที่มีการขัดกันด้วยอาวุธ และอนุสัญญาองค์การยูเนสโก ปี 1972 ว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก ซึ่งประเทศไทยก็เป็นรัฐภาคีด้วย
กัมพูชายังอ้างว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม กองทัพไทยได้ทำลายอาคารอนุรักษ์ของโครงการอนุรักษ์และซ่อมแซมโคปุระชั้นที่ 5 ซึ่งเป็นแนวระเบียงคดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมรอบปราสาทประธานของปราสาทพระวิหาร และโครงสร้างพื้นฐานด้านการอนุรักษ์อื่น ๆ รวมถึงทำลายเครนยกของ
.jpg)
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Thai Military News
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม กองทัพไทยได้เปิดฉากระดมยิงทำลายปราสาทตาควายของกัมพูชา ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างหนักที่ส่วนยอดและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ของปราสาท ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของกัมพูชา กระทรวงวัฒนธรรมถือว่าการกระทำนี้เป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้ศีลธรรม ดูหมิ่นเหยียดหยามวัฒนธรรม อารยธรรม และสถานที่สักการะอันเป็นมรดกของมนุษยชาติ โดยเฉพาะวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษเขมรสร้างทิ้งไว้ซึ่งมีค่ามหาศาล
กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชาเรียกร้องให้นานาชาติ โดยเฉพาะองค์การยูเนสโก อาเซียน และบุคคลผู้รักมรดกทางวัฒนธรรม ร่วมกันประณามและผลักดันให้ไทยยุติกิจกรรมการทำลายล้างนี้โดยด่วน
_1.jpg)
ภาพจาก NBT
ไทยงัดหลักฐานโต้ กัมพูชาใช้โบราณเป็นฐานปฏิบัติการรบ
กองทัพภาคที่ 2 เผยภาพหลักฐาน ย้ำชัด ทหารกัมพูชา ใช้โบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทหาร ระบุ การใช้โบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทหาร เป็นการละเมิดกฎหมาย มนุษยธรรมสากล และทำลายคุณค่าทางโบราณสถานอย่างร้ายแรง โบราณสถานไม่ใช่สนามรบ การปฏิบัติการทางทหาร การติดตั้งอาวุธ กล้องตรวจการณ์ และระบบแอนตี้โดรนบนพื้นที่โบราณสถาน ถือเป็นการละเมิดหลักสากลที่ทุกประเทศต้องเคารพ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว, ข่าวช่อง 3






