หมอสุนิล เปิดใจ แท้จริงรวยจากอะไร เป็นมาเฟียไหม - ลูกสาวเตรียมประกวดมิสยูนิเวิร์สฯ

          รวยเพราะอะไร? หมอสุนิล เปิดใจทุกคำถาม หลังโดนลือเป็นมาเฟีย เผยลูกสาวคนสวย เตรียมลงประกวดมิสยูนิเวิร์สฯ
หมอสุนิล เปิดใจ แท้จริงตัวเองรวยจากอะไร

          เรียกได้ว่ารายการวันนี้ บูสบูสเอนเนอร์จี้กันตั้งแต่วินาทีแรก พอคุยแซ่บโชว์ ทางช่องวัน 31 ได้ต้อนรับครอบครัวสุดโซคิ้วท์หมอสุนิล ทันตแพทย์ดาว TikTok ควงคู่มาพร้อมกับลูก ๆ ทั้งลูกชายเฆวินทร์ และลูกสาวแคธี่ ที่หลายคนสงสัยว่ารวยอยู่แล้ว แต่ ทำไมยังมาไลฟ์ขายของผ่านโซเชียล รวมไปถึงเรื่องราวที่ทุกคนตั้งคำถามว่าหมอสุนิล รวยมาจากอะไร? พร้อมกับ ข่าวลือว่าเป็นมาเฟีย จริงไหม? รับรองงานนี้ไม่มียมตลอดทั้งรายการ บูสบูส กันตลอดเวลา

รวยอยู่แล้วแต่ทำไมต้องมาไลฟ์ขายของ?

          หมอสุนิล : เมื่อสี่ปีที่แล้ว ทาง Netflix เค้าติดต่อมา ว่าเค้าอยากจะทำสไตล์ของครอบครัวเรา ตอนนั้นเด็ก ๆ อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ มันก็เลยทำไม่ได้ แล้วพอพวกเขากลับมา เฆวินทร์ก็มาเสนอผมว่าอยากจะทำแบบไลฟ์โชว์ 

          เฆวินทร์ : คือเหตุการณ์วันนั้น เรากลับมาบ้าน ก็คุยกับปะป๋า ว่าเราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าพี่เจนนี่เป็นคนเก่งมาก ผมก็เอฟของพี่เขาทุกวันเลย ก็เลยบอกปะป๊าว่าเราลองมาทำแนวนี้ดูใหม่ 

          เคธี่ : แล้วเคธี่ก็เดินเข้ามาพอดี เราไม่อยากใช้เงินปะป๊า เราก็เลยรู้สึกว่า อยากจะสร้างอะไรของตัวเองขึ้นมา เราก็คืนบัตรเครดิตให้ปะป๋า หาเงินด้วยตัวเอง เราก็เริ่มจัดการไลฟ์ มันไม่ได้ไลฟ์แบบทั่วไป แต่เป็นการไลฟ์แบบเรียลลิตี้โชว์ ทั้งสนุกสนาน แล้วก็ขายของไปด้วย 

          หมอสุนิล : บริษัทที่มาจ้างเรา เราตกลงกับลูกลูกว่าห้ามคิดแพง เราต้องช่วยพี่น้องประชาชน คนที่เขาไม่สามารถเอาสินค้าเข้าไปวางในห้างได้ ซึ่งถ้าลูกโอเคกับตรงนี้ ปะป๊าลุยด้วย

          เฆวินทร์ : พอปะป๊าพูดแบบนี้ เพราะในราคาที่เราตั้งไว้ ซึ่งแค่ภาพที่มันออกไป เค้าก็คุ้มแล้ว 

และก่อนไลฟ์ เรามีไปปรึกษาพี่เจนนี่ไหม?

          เคธี่ : คือเราสองพี่น้องชอบดูพี่เจนนี่มาก คือเราเข้าใจว่าพี่เค้าเจออะไรมาเยอะมาก แต่พี่เขาก็มีความตั้งใจในการที่จะไลฟ์ขายของ เค้าก็สู้ต่อ และจริง ๆ เคธี่กับเฆวินทร์ เราได้จองไว้กับพี่เจนนี่ ว่าเราจะไปไลฟ์ด้วย แต่ด้วยและทั้งหมดทั้งปวง พี่เจนนี่ก็มาเป็นลูกค้าคนแรกของเคธี่ ซึ่งตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก เราได้เจอพี่เจนนี่จริง ๆ ซึ่งพี่เค้าก็สอนเทคนิควิธีการขาย เค้าได้สอนว่าการเริ่มไลฟ์ขายของ เราต้องเป็นตัวของตัวเอง คือเขาเป็นไอดอลของ ซึ่งเราก็ต้องทำให้มันเต็มที่ แล้วหลังจากวันนั้นชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเลย

          หมอสุนิล : เราเป็นคนดีไซน์ฉากข้างหลังเอง   

หมอสุนิล เปิดใจ แท้จริงตัวเองรวยจากอะไร

ก่อนหน้านี้เราเป็นคุณหนูเคธี่ และเราได้ไลฟ์ขายสร้อยเพชรในราคาเท่าไหร่?

          เคธี่ : 200,000 กว่าบาท คือเราลดราคาแบบโซคิ้วท์

          หมอสุนิล : มันเป็นสินค้าที่แพงที่สุด ที่ขายใน TikTok ทั้งเมืองไทยและเมืองจีนก็สะดุ้งเลย

          เคธี่ : ตอนนั้นที่เราขาย แล้วพอมันขายออกไป มันเป็นฟิวลิ่งที่ช็อกมาก ไม่นึกว่าจะมีคนซื้อ และปัญหาที่เราเจอหลายคนกดตะกร้า แต่ไม่ยอมกดชำระเงิน แต่วินาทีนั้นเค้ากดตะกร้าแล้ว แล้วเค้าก็กดชำระเงิน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจมาก เพราะเทคนิคของเรา คือจะขายความเรียล ขายความเป็นตัวเอง 

          หมอสุนิล : สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมบอกกับลูกๆ สินค้าที่เราจะเอามาขาย เราต้องคัด ต้องเป็นของดี ราคาโซคิ้วท์ ราคาจับต้องได้

          เคธี่ : ซึ่งพอเค้ากดชำระเงินแล้ว คนที่ไปส่งก็คือปะป๋า

          หมอสุนิล : คือปลายทางคืออพาร์ตเมนต์ เราก็คิดว่าคงเป็นอพาร์ตเม้นต์ที่เรารู้จัก แต่คนที่ซื้อคือไฮโซกี้ ผมว่าบ้านผมสวยแล้ว บ้านเค้าสวยกว่าผม 100 เท่า เวอร์ซาเช่ทั้งหลัง เป็นคนน่ารักมาก และหลังจากสร้อยเส้นนี้แล้ว มันกำลังจะมีอีกหนึ่งปรากฏการณ์ มันคือแปรงสีฟันที่แพงที่สุดในโลก 

และอีกหนึ่งสิ่ง ที่หลายคนพูดถึงคือการกินมาม่ายังไงให้ดูแพงที่สุด?

          เคธี่ : พี่หนูกินมาม่าผัดมาจะครบหนึ่งเดือนแล้ว

          หมอสุนิล : คือมันมีสตอรี่แบบนี้ ย้อนกลับไปตอนผมเปิดคลินิกใหม่ ๆ แล้วตอนนั้นภรรยาต้องเข้ามาช่วยที่คลินิก และเด็ก ๆ ก็ต้องมาอยู่ที่คลินิก วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะหาอะไรเค้ากิน ก็คือการผัดมาม่า 

          เฆวินทร์ : คือตั้งแต่จำความได้ มันเป็นเมนูที่มาม๊าชอบผัดให้กิน 

          หมอสุนิล : คือมาดามเค้าต้องการสอนให้ลูกเค้าเป็นคนติดดิน กินยังไงก็ได้ขอให้ท้องอิ่ม การกินข้าวไม่จำเป็นต้องกินระดับแพง 

          เคธี่ : ซึ่งมันคือความทรงจำของเราสองพี่น้องตั้งแต่เด็ก เรากินมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นของที่เราชินมาตั้งแต่เด็ก

และย้อนกลับ กว่าจะมีวันนี้ได้ ชีวิตคุณหมอมันก็ไม่ได้ง่าย?

          หมอสุนิล : มันไม่ได้ง่าย พอผมจบมหาลัยฯ ก็นั่งรถทัวร์มากรุงเทพฯ พอมาถึงหมอชิต แล้วก็มองดูสิ่งรอบข้าง พูดกับตัวเองว่า สักวันนึงผมจะเป็นคนที่ทุกคนรู้จัก มากที่สุดในกรุงเทพฯ แล้ววันนี้ฝันก็เป็นจริง ผมก็เริ่มจาก โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท และโรงพยาบาลเพชรเวช ผมใช้เวลาหกเดือน ก็ไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนก รายได้ผมก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ 
หมอสุนิล เปิดใจ แท้จริงตัวเองรวยจากอะไร

ส่วนมาก เห็นแต่ทำคอนเทนท์ จริงๆเราเป็นคุณหมอจริงไหม?

          หมอสุนิล : ผมเป็นหมอจริงครับ ผมทำงานวันนึง 20 ชั่วโมง ผมจะเก่งในเรื่องการครอบฟันเซรามิก ซึ่งไม่ได้มีคนไข้เฉพาะในกรุงเทพฯ มีทั้งทั่วประเทศไทยและทั่วโลก บินมาที่คลินิก ซึ่งเรามีหมอทั้งหมด 25 ท่าน เราให้บริการแบบครบวงจร เรามีโรงแรมเล็กๆให้เค้าพัก มีรถรับส่งตลอด มีบริการตลอด จนเค้าทำเสร็จ 

และอีกอย่างหนึ่ง คุณหมอเป็นคนไทยหรือคนอินเดีย?

          หมอสุนิล : ผมเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นคนเจียงฮาย แล้วก็มาปักหลักอยู่กรุงเทพฯ พ่อแม่เป็นคนอินเดีย แต่ผมเป็นคนไทยที่มีเชื้อสายอินเดีย แต่ผมเกิดที่ประเทศไทย 

และเรารวยจากการเป็นหมอฟันจริงๆใช่มั้ย ?

          หมอสุนิล : อย่าพูดว่ารวย อยากให้เรียกว่าเป็นคนที่มีฐานะ สบายสบาย เพราะว่าคำว่ารวยมันคือไม่มีที่สิ้นสุด มีอยู่กิน มีใช้ดี แม้บ้านที่อยู่ อาจจะดูใหญ่ แต่จริง ๆ มันเล็ก แต่มันเป็นการดีไซน์ เพราะเราได้หน้ากว้าง มันเลยดูอลังการ แต่ความจริงพื้นที่ใช้สอยไม่ได้เยอะมาก เพราะหลังจากเป็นหมอแล้ว ใช้เวลากว่า 15 ปีถึงจะเปิดคลินิกตัวเองได้ ผมก็คุยกับภรรยาว่าผมอยากเปิดคลินิก แต่ไปเปิดที่ห้องแถวก็ไม่มีเงิน เราก็เริ่มเปิดจากที่เราอยู่ พอเปิดเสร็จก็ไม่มีเงินไปซื้อเครื่องมือ ซึ่งเราก็ใช้คอนเนคชั่นที่เราเป็นหัวหน้าแผนก เราก็เลยโทรไป เค้าก็ใจดี เค้าก็บอกว่าคุณหมอจะเอาอะไร เอาไปก่อนแล้วค่อยมาจ่ายเงิน ผมใช้เวลา 15 วัน เอาเงินไปชำระเขาคืน

อะไรที่มันจะทำให้เรากระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จ?

          หมอสุนิล : คือตอนนั้นคุณพ่อเสีย ผมอายุแปดขวบ ผมก็ตกใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น เพราะคุณพ่อเราเป็นคนที่มีฐานะ มีโรงแรม มีตลาด มีที่ดิน แต่ญาติทุกคนแย่งเอาไปหมด ผมเป็นคนไม่ได้อะไรเลย เราก็เลยต้องไปอยู่กับบ้านคุณอาที่เชียงใหม่ ท่านก็บอกว่าให้เราไปเป็นหมอ เค้าบอกว่าถ้าเราจะสบายเราต้องเป็นหมอ มันก็ฝังอยู่ในหัวเรา เราก็ตั้งใจเรียน เราไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่เราเป็นคนขยัน และที่เราเลือกเป็นหมอฟัน เพราะว่าพอจบงานแล้ว เราสามารถไปปาร์ตี้ได้ มันไม่ต้องเข้าเวร 

แล้วตอนแรกอยากให้ลูกทั้งสองเป็นหมอ ?

         หมอสุนิล : ตอนแรกที่เฆวินทร์ เดินมาบอกเราว่าไม่อยากเรียนหมอ ผมก็เศร้าใจ ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง อีน้องก็เดินมาบอกว่าไม่อยากเรียน 

          เคธี่ : ตอนแรกที่เรียนก็คือเรียนสายวิทย์ แต่เป็นคนไม่ชอบวิทยาศาสตร์ มันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เรียนพิเศษแค่ไหนมันก็ไม่เข้าใจ แต่ปะป๊าก็กรอกหูทุกวันว่าจะต้องเป็นหมอฟัน แล้ววันนั้นที่เฆวินทร์ ไปบอกปะป๊าว่าไม่อยากเป็นหมอ เราก็ปรี่เข้าไปทันที มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องบอก

          หมอสุนิล : วันนั้นเราช็อคมาก จนเราขับรถออกไปจากบ้าน และสิ่งที่ผมพลาดที่สุดในชีวิตมีอยู่เรื่องเดียว เรื่องที่ผมไม่ฟังลูก แล้วเด็กสมัยนี้ไอเดียของเขามันไปไกลกว่าเรามาก คือลูกชายเราอยากทำเพลง แต่เราก็บอกว่าจะต้องเป็นหมอฟัน 

          เฆวินทร์ : คือตอนนั้นผมอยากไปเรียนได้บัญชี ส่วนเคธี่ เค้าอยากไปทำการตลาด

และมีข่าวว่าเราเป็นมาเฟีย ?

          หมอสุนิล : คือเรื่องจริงมันเป็นอย่างนี้ ผมไปงานแต่งงานเพื่อนที่อินเดีย ที่บ้านพี่สาวของมาดาม ผมไม่คิดว่าแกเป็นน้องสาว คิดว่าเป็นแขกในงาน ผมก็ปิ๊งเลย ผมก็เลยบอกว่าผมอยากกินกาแฟ เค้าก็พาผมไปกิน พอคุยกันเสร็จปุ๊บ ผมก็ขอเค้าแต่งงานเลย ตอนนั้นเค้าอายุ 17 ซึ่งเค้ายังไม่จบมหาลัย เค้าก็ถามว่าผมรอได้ไหมอีกสามปี ผมรอเค้าทั้งหมดสามปี สองเดือน 11 วัน แต่ละระหว่างนั้นเราก็โทรศัพท์หากัน แต่พ่อแม่เค้าไม่ชอบ และเค้าก็มีลูกเขยคนโต ที่คอยกีดกันผม แล้ววันที่ผมไปสู่ขอ แล้วพ่อตาผม ก็ถอดรองเท้าตบหน้าผม ไล่ผมออกจากบ้าน แล้วผมก็บอกไปว่าวันนึงผมจะมาซื้อบ้านเขา แล้วผมก็กลับมาที่เมืองไทย ซึ่งในเมืองไทยเราจะมีลูกค้าทุกระดับ เราก็เลยถามว่าค่าอุ้ม ราคาเท่าไหร่ เค้าก็บอกว่าราคา 340,000 บาท ก็เลยจัดไป แต่ผมไปเหยียบอินเดียแล้วนะ เค้าก็เลยพามาที่เมืองไทย แล้วหลังจากนั้นเราก็แต่งงานกันเลย แล้วเราก็โทรกลับไปอินเดีย บอกว่าพวกมึงระวังไว้ ถ้าวันไหนมาเมืองไทย กูจะจัดการพวกมึง และสามสี่เดือน มาดามก็ท้อง ทางอินเดียก็เลยบอกว่าให้จบ ๆ กันไปแล้วกัน เค้าก็บอกว่าให้กลับมาจัดพิธีที่อินเดีย เพราะว่าเค้าก็เป็นคนรวยมาก เค้ามองว่าหมอฟัน เป็นอาชีพที่กระจอกที่อินเดีย ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าเราจะดังได้ขนาดนี้ แต่เราก็ได้ดวงของภรรยามาเสริม แล้วมันจะมีวันนึงที่ทำให้ชีวิตคู่เราตกต่ำที่สุดในชีวิต แล้วเราต้องไปกู้เงินเพื่อที่จะไปจ่ายค่าอุ้ม คนที่ให้กู้ เค้าก็มาถล่มบ้านผม และภรรยาผมก็บอกว่าเค้าจะทำให้ผมดังที่สุดในโลก ซึ่งวันนั้นที่เขาพูด มันก็คือวันนี้แหละที่เขารอคอย 
หมอสุนิล เปิดใจ แท้จริงตัวเองรวยจากอะไร

ตอนนี้ทั้ง เฆวินทร์-เคธี่ มีแฟนแล้วหรือยัง?

          เฆวินทร์ : คือตอนนี้ไม่มีเวลา ไม่มีเวลาให้ใคร สเปคผมคือเปิดกว้าง ขอคนที่เอาใจใส่

          เคธี่ : เราก็ไม่มีเหมือนกัน อยากจะโฟกัสการขายของ การทำงานก่อน เราอยากจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จแล้วค่อยว่ากัน

          หมอสุนิล : คือถ้าถามผม คือถ้าเขามีแฟน ผมผมขอให้เขาเป็นคนดีของครูบาอาจารย์ อันดับสองเป็นคนดีของพ่อแม่ อันดับที่สามเป็นคนดีของสังคม ไม่ดูฐานะ ไม่ดูเชื้อชาติ

ล่าสุดได้ข่าวว่า เคธี่ จะลงประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์?

          เคธี่ : ก็คือปีหน้าเราอยากลงประกวด โรดทูมิสยูนิเวิร์สฯ 
หมอสุนิล เปิดใจ แท้จริงตัวเองรวยจากอะไร

หมอสุนิล เปิดใจ แท้จริงตัวเองรวยจากอะไร

          ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow วันและเวลาใหม่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30-12.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หมอสุนิล เปิดใจ แท้จริงรวยจากอะไร เป็นมาเฟียไหม - ลูกสาวเตรียมประกวดมิสยูนิเวิร์สฯ โพสต์เมื่อ 15 ธันวาคม 2568 เวลา 13:27:53 6,770 อ่าน
TOP
x close