รวยอยู่แล้วแต่ทำไมต้องมาไลฟ์ขายของ?
หมอสุนิล : เมื่อสี่ปีที่แล้ว ทาง Netflix เค้าติดต่อมา ว่าเค้าอยากจะทำสไตล์ของครอบครัวเรา ตอนนั้นเด็ก ๆ อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ มันก็เลยทำไม่ได้ แล้วพอพวกเขากลับมา เฆวินทร์ก็มาเสนอผมว่าอยากจะทำแบบไลฟ์โชว์
เฆวินทร์ : คือเหตุการณ์วันนั้น เรากลับมาบ้าน ก็คุยกับปะป๋า ว่าเราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าพี่เจนนี่เป็นคนเก่งมาก ผมก็เอฟของพี่เขาทุกวันเลย ก็เลยบอกปะป๊าว่าเราลองมาทำแนวนี้ดูใหม่
เคธี่ : แล้วเคธี่ก็เดินเข้ามาพอดี เราไม่อยากใช้เงินปะป๊า เราก็เลยรู้สึกว่า อยากจะสร้างอะไรของตัวเองขึ้นมา เราก็คืนบัตรเครดิตให้ปะป๋า หาเงินด้วยตัวเอง เราก็เริ่มจัดการไลฟ์ มันไม่ได้ไลฟ์แบบทั่วไป แต่เป็นการไลฟ์แบบเรียลลิตี้โชว์ ทั้งสนุกสนาน แล้วก็ขายของไปด้วย
หมอสุนิล : บริษัทที่มาจ้างเรา เราตกลงกับลูกลูกว่าห้ามคิดแพง เราต้องช่วยพี่น้องประชาชน คนที่เขาไม่สามารถเอาสินค้าเข้าไปวางในห้างได้ ซึ่งถ้าลูกโอเคกับตรงนี้ ปะป๊าลุยด้วย
เฆวินทร์ : พอปะป๊าพูดแบบนี้ เพราะในราคาที่เราตั้งไว้ ซึ่งแค่ภาพที่มันออกไป เค้าก็คุ้มแล้ว
และก่อนไลฟ์ เรามีไปปรึกษาพี่เจนนี่ไหม?
เคธี่ : คือเราสองพี่น้องชอบดูพี่เจนนี่มาก คือเราเข้าใจว่าพี่เค้าเจออะไรมาเยอะมาก แต่พี่เขาก็มีความตั้งใจในการที่จะไลฟ์ขายของ เค้าก็สู้ต่อ และจริง ๆ เคธี่กับเฆวินทร์ เราได้จองไว้กับพี่เจนนี่ ว่าเราจะไปไลฟ์ด้วย แต่ด้วยและทั้งหมดทั้งปวง พี่เจนนี่ก็มาเป็นลูกค้าคนแรกของเคธี่ ซึ่งตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก เราได้เจอพี่เจนนี่จริง ๆ ซึ่งพี่เค้าก็สอนเทคนิควิธีการขาย เค้าได้สอนว่าการเริ่มไลฟ์ขายของ เราต้องเป็นตัวของตัวเอง คือเขาเป็นไอดอลของ ซึ่งเราก็ต้องทำให้มันเต็มที่ แล้วหลังจากวันนั้นชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเลย
หมอสุนิล : เราเป็นคนดีไซน์ฉากข้างหลังเอง
ก่อนหน้านี้เราเป็นคุณหนูเคธี่ และเราได้ไลฟ์ขายสร้อยเพชรในราคาเท่าไหร่?
เคธี่ : 200,000 กว่าบาท คือเราลดราคาแบบโซคิ้วท์
หมอสุนิล : มันเป็นสินค้าที่แพงที่สุด ที่ขายใน TikTok ทั้งเมืองไทยและเมืองจีนก็สะดุ้งเลย
เคธี่ : ตอนนั้นที่เราขาย แล้วพอมันขายออกไป มันเป็นฟิวลิ่งที่ช็อกมาก ไม่นึกว่าจะมีคนซื้อ และปัญหาที่เราเจอหลายคนกดตะกร้า แต่ไม่ยอมกดชำระเงิน แต่วินาทีนั้นเค้ากดตะกร้าแล้ว แล้วเค้าก็กดชำระเงิน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจมาก เพราะเทคนิคของเรา คือจะขายความเรียล ขายความเป็นตัวเอง
หมอสุนิล : สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมบอกกับลูกๆ สินค้าที่เราจะเอามาขาย เราต้องคัด ต้องเป็นของดี ราคาโซคิ้วท์ ราคาจับต้องได้
เคธี่ : ซึ่งพอเค้ากดชำระเงินแล้ว คนที่ไปส่งก็คือปะป๋า
หมอสุนิล : คือปลายทางคืออพาร์ตเมนต์ เราก็คิดว่าคงเป็นอพาร์ตเม้นต์ที่เรารู้จัก แต่คนที่ซื้อคือไฮโซกี้ ผมว่าบ้านผมสวยแล้ว บ้านเค้าสวยกว่าผม 100 เท่า เวอร์ซาเช่ทั้งหลัง เป็นคนน่ารักมาก และหลังจากสร้อยเส้นนี้แล้ว มันกำลังจะมีอีกหนึ่งปรากฏการณ์ มันคือแปรงสีฟันที่แพงที่สุดในโลก
และอีกหนึ่งสิ่ง ที่หลายคนพูดถึงคือการกินมาม่ายังไงให้ดูแพงที่สุด?
เคธี่ : พี่หนูกินมาม่าผัดมาจะครบหนึ่งเดือนแล้ว
หมอสุนิล : คือมันมีสตอรี่แบบนี้ ย้อนกลับไปตอนผมเปิดคลินิกใหม่ ๆ แล้วตอนนั้นภรรยาต้องเข้ามาช่วยที่คลินิก และเด็ก ๆ ก็ต้องมาอยู่ที่คลินิก วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะหาอะไรเค้ากิน ก็คือการผัดมาม่า
เฆวินทร์ : คือตั้งแต่จำความได้ มันเป็นเมนูที่มาม๊าชอบผัดให้กิน
หมอสุนิล : คือมาดามเค้าต้องการสอนให้ลูกเค้าเป็นคนติดดิน กินยังไงก็ได้ขอให้ท้องอิ่ม การกินข้าวไม่จำเป็นต้องกินระดับแพง
เคธี่ : ซึ่งมันคือความทรงจำของเราสองพี่น้องตั้งแต่เด็ก เรากินมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นของที่เราชินมาตั้งแต่เด็ก
และย้อนกลับ กว่าจะมีวันนี้ได้ ชีวิตคุณหมอมันก็ไม่ได้ง่าย?
ส่วนมาก เห็นแต่ทำคอนเทนท์ จริงๆเราเป็นคุณหมอจริงไหม?
และอีกอย่างหนึ่ง คุณหมอเป็นคนไทยหรือคนอินเดีย?
และเรารวยจากการเป็นหมอฟันจริงๆใช่มั้ย ?
อะไรที่มันจะทำให้เรากระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จ?
แล้วตอนแรกอยากให้ลูกทั้งสองเป็นหมอ ?
หมอสุนิล : ตอนแรกที่เฆวินทร์ เดินมาบอกเราว่าไม่อยากเรียนหมอ ผมก็เศร้าใจ ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง อีน้องก็เดินมาบอกว่าไม่อยากเรียน
เคธี่ : ตอนแรกที่เรียนก็คือเรียนสายวิทย์ แต่เป็นคนไม่ชอบวิทยาศาสตร์ มันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เรียนพิเศษแค่ไหนมันก็ไม่เข้าใจ แต่ปะป๊าก็กรอกหูทุกวันว่าจะต้องเป็นหมอฟัน แล้ววันนั้นที่เฆวินทร์ ไปบอกปะป๊าว่าไม่อยากเป็นหมอ เราก็ปรี่เข้าไปทันที มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องบอก
หมอสุนิล : วันนั้นเราช็อคมาก จนเราขับรถออกไปจากบ้าน และสิ่งที่ผมพลาดที่สุดในชีวิตมีอยู่เรื่องเดียว เรื่องที่ผมไม่ฟังลูก แล้วเด็กสมัยนี้ไอเดียของเขามันไปไกลกว่าเรามาก คือลูกชายเราอยากทำเพลง แต่เราก็บอกว่าจะต้องเป็นหมอฟัน
เฆวินทร์ : คือตอนนั้นผมอยากไปเรียนได้บัญชี ส่วนเคธี่ เค้าอยากไปทำการตลาด
และมีข่าวว่าเราเป็นมาเฟีย ?
ตอนนี้ทั้ง เฆวินทร์-เคธี่ มีแฟนแล้วหรือยัง?
เฆวินทร์ : คือตอนนี้ไม่มีเวลา ไม่มีเวลาให้ใคร สเปคผมคือเปิดกว้าง ขอคนที่เอาใจใส่
เคธี่ : เราก็ไม่มีเหมือนกัน อยากจะโฟกัสการขายของ การทำงานก่อน เราอยากจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จแล้วค่อยว่ากัน
หมอสุนิล : คือถ้าถามผม คือถ้าเขามีแฟน ผมผมขอให้เขาเป็นคนดีของครูบาอาจารย์ อันดับสองเป็นคนดีของพ่อแม่ อันดับที่สามเป็นคนดีของสังคม ไม่ดูฐานะ ไม่ดูเชื้อชาติ
ล่าสุดได้ข่าวว่า เคธี่ จะลงประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์?






