
เตือน! เห็ดพิฆาต
เตือนเห็ดพิษช่วงหน้าฝน บางชนิดกมีฤทธิ์รุนแรงกินเข้าไปถึงตายได้ นักวิจัยระบุที่พบมากคือเห็ดไข่ห่าน เห็ดหัวกรวดครีบเขียวอ่อน เห็ดระโงกหิน ชี้ยังมีความเชื่อผิดๆ ในการทดสอบ
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในฤดูฝนนับเป็นช่วงที่เห็ดสามารถเจริญเติบโตได้ดี ชาวบ้านจึงมักนิยมเข้าป่าเพื่อเก็บเห็ดมาขาย หรือปรุงอาหาร หากแต่ในธรรมชาติมีเห็ดหลายชนิดที่มีพิษร้ายแรงที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเห็ดที่รับประทานได้ ดังนั้นหากผู้บริโภครู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
"เห็ดมีพิษที่พบอยู่ทั่วโลกมีประมาณ 100 ชนิด ซึ่งผลการศึกษาเห็ดเมาในประเทศไทยพบว่า เห็ดเมาที่พบมากในภาคเหนือ เช่น เห็ดไข่ห่าน (amanita virosa) ภาคกลาง เช่นเห็ดหัวกรวดครีบเขียวอ่อน ภาคใต้ เช่น เห็ดหัวกรวด เห็ดขี้ควาย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่นเห็ดระโงกหิน เป็นต้น"
ศ.นพ.ยงกล่าวว่า กลไกการเกิดพิษของเห็ดเมาสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.กลุ่มเห็ดที่เป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร มักพบในเห็ดที่ขึ้นบริเวณที่โล่งแจ้ง อาทิ เห็ดหัวกรวดครีบเขียวอ่อน (Chlorophyllum molybdites) แม้จะตั้งชื่อครีบเขียวอ่อนแต่เมื่อสังเกตจากรูปร่างแล้วกลับไม่พบสีดังกล่าวเลย ส่วนวิธีการจำแนกทำได้โดยนำเห็ดที่บานเต็มที่แล้วมาเคาะดูสปอร์ซึ่งจะพบมีสีเขียวมะกอก หากรับประทานเข้าไปจะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง ในกรณีเด็กอาจเกิดภาวะการขาดน้ำอย่างรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
2.กลุ่มเห็ดที่เป็นพิษต่อตับอย่างรุนแรง เช่น เห็ดในกลุ่มระโงก พบได้บ่อยทางภาคอีสานหรือภาคเหนือของประเทศไทย คือเห็ดกลุ่มนี้มีทั้งชนิดที่รับประทานได้และไม่ได้ ซึ่งวิธีการจำแนกด้วยรูปลักษณ์ภายนอกทำได้ยากมาก ขณะที่ประเทศไทยเองก็ยังมีการศึกษาเห็ดในกลุ่มนี้น้อยมาก ในเบื้องต้นถ้าเป็นเห็ดระโงกกลุ่มมีพิษ จะมีสีขาวถึงนวลและสีน้ำตาล รวมทั้งมีลักษณะของวงแหวนที่ลำต้น ทั้งนี้ที่ผ่านมาทีมวิจัยได้ศึกษาไว้ชนิดหนึ่งคือ เห็ดไข่ห่าน (Amanita virosa) พบว่ามีสารพิษในกลุ่ม Amatotoxin มีฤทธิ์ขัดขวางการสร้างเซลล์โปรตีนของเซลล์ตับ ทำให้เซลล์ตับตาย และเคยเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตทั้งครอบครัวของชาวบ้านที่จังหวัดอุดรธานีมาแล้ว
3.กลุ่มเห็ดที่เป็นพิษต่อระบบประสาท พบมากในเห็ดเมาที่ชาวบ้านเรียกกันว่า เห็ดระโงกหิน มีลักษณะคล้ายเห็ดระโงกทั่วไป บางชนิดมีสีสันที่ฉูดฉาด เช่น Amanita muscaria มีพิษก่อให้เกิดอาการชักกระตุก อาเจียน ท้องเสีย น้ำลายฟูมปาก น้ำตาไหล รูม่านตามีขนาดเล็กลง ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ และเสียชีวิตได้ในที่สุด
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า เห็ดมีพิษในธรรมชาติหลายชนิดมีความคล้ายคลึงกับเห็ดที่รับประทานมากจนยากที่จะจำแนกได้ว่าเห็ดชนิดใดมีพิษหรือไม่มีพิษ ดังนั้นจึงไม่ควรนำเห็ดที่ไม่รู้จักมารับประทาน หากแต่ว่าทุกวันนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากยังมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับการทดสอบความเป็นพิษของเห็ด เช่น ถ้านำน้ำต้มเห็ดมาแตะกับช้อนเงินแล้วเป็นสีดำแสดงว่าเป็นเห็ดพิษ, หากเป็นเห็ดเมาเมื่อใส่หัวหอมจะเป็นสีดำ, เห็ดที่มีสีสวยเท่านั้นจะเป็นเห็ดพิษ หรือเห็ดที่มีแมลงกัดกินย่อมรับประทานได้ ซึ่งทีมวิจัยเคยเพาะเชื้อเห็ดไข่ห่านขาว ผลปรากฏว่าพบแมลงหวี่เกิดขึ้น บ่งชี้ว่ามีแมลงหวี่ในธรรมชาติไข่ไว้ในครีบของเห็ด และแมลงอาศัยอยู่ได้ ดังนั้นหากความเชื่อดังกล่าวไม่สามารถพิสูจน์ได้จริงก็ไม่ควรนำมาเป็นข้อปฏิบัติ
สำหรับคำแนะนำเพื่อให้การรับประทานเห็ดอร่อยและปลอดภัย ศ.นพ.ยง กล่าวว่า หลักสำคัญคือต้องรู้จักเห็ดชนิดนั้นเป็นอย่างดีก่อนจะนำมาปรุงอาหาร ส่วนในรายที่สงสัยว่าเกิดอาการจากเห็ดพิษให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์เพื่อล้างท้องโดยด่วน และควรนำเห็ดที่รับประทานไปให้แพทย์ดูด้วยจะทำให้ช่วยเหลือได้ทันการณ์.
ข้อมูลจกาก
ภาพประกอบ เครือข่ายสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว






