
จากเหตุการณ์ระทึกขวัญ ถังก๊าซเอ็นจีวีของรถโดยสารประจำทางสาย 365 ปากน้ำ-บางปะกง สีเขียว ทะเบียน 10-0830 ฉะเชิงเทรา เกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว ขณะเติมก๊าซอยู่ในปั๊มก๊าซเอ็นจีวีของ ปตท. ชื่อ บีวี 11 ริมถนนสุขุมวิท เยื้องศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนสมุทรปราการ ตำบลปากน้ำ เมื่อตอนเช้าวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตัวถังรถฉีกกระจุย รถที่จอดใกล้เคียงได้รับความเสียหายหลายคัน และมีเด็กปั๊มได้รับบาดเจ็บ 1 คน เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุเกิดจากถังบรรจุก๊าซของรถโดยสารคันดังกล่าวไม่ได้มาตรฐานนั้น
ความคืบหน้าการตรวจสอบหาสาเหตุถังก๊าซเอ็นจีวีระเบิด เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังประชุมหารือถึงการเกิดเหตุระเบิดถังก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ในรถโดยสารว่า ที่ประชุมได้สั่งให้บริษัท สยามราชธานี ผู้นำเข้าถังเอ็นจีวีที่เกิดระเบิด แจ้งไปยังลูกค้าที่ใช้ถังก๊าซเอ็นจีวีรุ่นเดียวกันซึ่งมีอยู่ในประเทศ 376 ใบ มาเปลี่ยนถังใบใหม่ภายใน 2 สัปดาห์ เนื่องจากยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของการเกิดระเบิดได้ชัดเจน แต่เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำสองอีก พร้อมทั้งสั่งห้ามรถเอ็นจีวีที่ใช้ถังรุ่นดังกล่าวไปเติมก๊าซจนกว่าจะเปลี่ยนถังใหม่ ขณะเดียวกันจะพยายามสรุปสาเหตุให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์
"จากการตรวจสอบถังก๊าซเอ็นจีวีดังกล่าวผลิตจากบริษัทไฟเท็ค ประเทศเกาหลีใต้ ใช้วัตถุดิบเหล็กจากจีน ผ่านการรับรองมาตรฐานไอเอสโอ 11439 ส่วนการติดตั้งถังเอ็นจีวีของอู่ก็ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งฯ ดังนั้นสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อคือการหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบชิ้นส่วนของถังเอ็นจีวีที่ระเบิดเพื่อหาสาเหตุให้ได้ ถังก๊าซเอ็นจีวีรุ่นนี้ บริษัทไฟเท็ค ผลิตออกมา 1,000 ใบ โดยบริษัทสยามราชธานีนำเข้ามาใช้ในไทย 376 ใบ ตัวเลขถังเบอร์ 545187-545562 จะต้องเรียกคืนกลับมาให้หมด ส่วนใหญ่อยู่ในรถบรรทุกและรถโดยสาร ขณะเดียวกันได้ประสานกับ ปตท.ไม่ให้เติมก๊าซกับรถเอ็นจีวีที่ใช้ถังรุ่นนี้ด้วย อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะไม่ทำ ให้ความเชื่อมั่นของผู้ใช้เอ็นจีวีลดลง" นายณอคุณ กล่าว
นายศิริศักดิ์ วิทยอุดม รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ทางกรมประเมินสาเหตุของการระเบิดไว้ 3 กรณี คือ 1. ถังเอ็นจีวี 2. การติดตั้งจากอู่ และ 3. การใช้งานที่ผ่านมาเคยเกิดแรงกระแทกหรือไม่ ตอนนี้จะขอตรวจสอบมาตรฐานของถังก่อนเป็นลำดับแรก หลังเกิดเหตุวิศวกรของบริษัทไฟเท็คได้เดินทางมาจากประเทศเกาหลีเพื่อร่วมสอบสวนและพิสูจน์ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยจะนำชิ้นส่วนถังที่ระเบิดไปตรวจที่ห้องแล็บ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้
มีรายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทสยามราชธานี พร้อมที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนถังเอ็นจีวีใหม่ ให้รถที่ใช้ถังรุ่นเดียวกับที่ระเบิด ส่วนใหญ่อยู่ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่เหลือเป็นรถโดยสารเพียงไม่กี่คัน โดยในจำนวนถัง 376 ใบ ยังมีถังอยู่ 90 ใบที่ยังไม่ได้ติดตั้ง ได้สั่งระงับการใช้ไปแล้ว ทั้งนี้ได้ตั้งประเด็นของการระเบิดไว้ 2 เรื่องคือ วัสดุที่ใช้ในการผลิต และการใช้งานของถัง เนื่องจากถังเอ็นจีวีที่ระเบิดใช้งานมาแล้ว 2 เดือน ผ่านการเติมก๊าซมา 30 ครั้ง แสดงว่าไม่ใช่การเติมก๊าซครั้งแรก ดังนั้นต้องมองไปถึงความสมบูรณ์ของถังว่าเคย เจอแรงกระแทกหรือรถเคยมีอุบัติเหตุมาก่อนหน้านี้หรือไม่
ด้านนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบกเปลี่ยนแปลงและเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับรถยนต์ส่วนบุคคลและรถโดยสารสาธารณะที่เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นก๊าซเอ็นจีวี โดยประสานงานกับกระทรวงพลังงานและบริษัท ปตท. กลุ่มธุรกิจพลังงาน เพื่อเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการตรวจสอบ การติดตั้งและการออกการ์ด หรือใบรับรองเติมก๊าซเอ็นจีวีได้ เพื่อให้ผู้ที่เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์เป็นก๊าซ มาแจ้งต่อกรมการขนส่งทางบก ก่อนไปรับใบรับรองการเติมก๊าซ ที่ ปตท. ทั้งนี้ขั้นตอนเดิมเมื่อผู้ใช้รถนำรถไปเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์กับบริษัทที่ได้รับอนุญาต ก็นำใบรับรองจาก บริษัทไปขอรับก๊าซในการเติมเชื้อเพลิงจาก ปตท. ได้เลย แต่หลังจากนี้เมื่อเปลี่ยนเครื่องยนต์แล้ว เจ้าของรถจะต้องนำรถมาให้กรมการขนส่งทางบกตรวจความปลอดภัย และออกใบรับรองก่อนจึงนำใบรับรองไปขอเติมก๊าซจากปั๊ม คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยมากขึ้น
นายทรงศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาที่ผ่านมาเกิดจาก ปตท.แจกการ์ดให้ผู้เปลี่ยนเครื่องยนต์เติมก๊าซ เอ็นจีวีได้ แต่เจ้าของรถไม่ยอมแจ้งต่อขนส่งทางบก ก่อให้เกิดปัญหาในการตรวจสอบ แต่ต่อไปนี้จะต้องเป็นตามขั้นตอนที่ได้สั่งการไปแล้ว คาดว่าที่ขนส่งทางบกกำหนดสิ้นสุดการแจ้งเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ภายในวันที่ 16 ส.ค.นี้ จะมีผู้มาแจ้งเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ครบถ้วน แม้ก่อนหน้านี้อาจมีหลายรายขอใช้รถยนต์ก่อน จึงทำให้เหลื่อมเวลาการแจ้งไปบ้างก็ตาม ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ผู้ขับรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะที่เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์มาใช้ก๊าซทั้งเอ็นจีวีและก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจีก่อนหน้านี้ มาแจ้งการเปลี่ยนเครื่องยนต์ ภายในวันที่ 16 ส.ค. หลังจากนั้นจะมีระยะเวลา 15 วันในการแจ้งจดทะเบียนให้ถูกต้อง จนถึงปัจจุบันมีประชาชนแจ้งการเปลี่ยนเครื่องยนต์แล้วทั่วประเทศ 430,000 คัน เมื่อครบกำหนดคาดว่าจะมียอดรถยนต์แจ้งเปลี่ยนเครื่องยนต์สูงถึง 600,000-700,000 คัน แต่ข้อมูลที่ขนส่งทางบกประเมินพบว่าปัจจุบันมีรถยนต์ดัดแปลงมาใช้ก๊าซเอ็น-จีวีและแอลพีจีแล้วกว่า 1 ล้านคัน
ส่วนเหตุถังก๊าซเอ็นจีวีรถโดยสารระเบิดที่ จังหวัดสมุทรปราการ นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า ต้องพิจารณาหลายประเด็น เรื่องถังก๊าซเอ็นจีวีต้องดูด้วยว่าเติมช้าหรือเร็ว หากถังผลิตเพื่อเติมก๊าซช้าจะไปเติมเร็ว แรงดันจะสูงหรือความร้อนของถังอาจทำให้เกิดระเบิดได้ ต้องใช้ความเย็นเข้าไปช่วยลดอุณหภูมิของถัง ส่วนถังที่ไม่ได้มาตรฐาน ทางกรมการขนส่งทางบกสามารถระงับการนำเข้าได้อยู่แล้ว
ด้านนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้เก็บรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับถังก๊าซที่ระเบิดแล้ว มีส่วนที่ค่อนข้างผิดปกติ ชี้ให้เห็นว่าน้ำหนักของถังที่ระเบิดกับน้ำหนักของถังปกติที่ยังไม่ใช้มีน้ำหนักไม่เท่ากัน ถังที่ระเบิดน้ำหนักต่ำกว่าถังปกติถึง 4 กก. อาจจะเกิดจากข้อผิดพลาดในกระบวนการผลิต หรือวัสดุที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้า ยี่ห้อถังดังกล่าวได้รับการรับรอง แต่น้ำหนักไม่เท่ากันทั้งที่ขนาดเท่ากัน คือน้ำหนักถังปกติที่ได้รับการตรวจสอบผ่านหนัก 133 กก. แตกต่างกับถังที่ระเบิดซึ่งมีน้ำหนัก 129 กก. ต้องตรวจสอบว่าถังได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะปกติถังน่าจะปริแตก ไม่ใช่ระเบิดเป็นชิ้น หากตรวจสอบคุณภาพแล้วไม่ได้มาตรฐานก็จะระงับการอนุญาตนำเข้าทันที
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเกิดเหตุระทึกขวัญขึ้นกับรถยนต์ที่ติดตั้งระบบก๊าซอีกราย โดยเมื่อเวลา 12.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.เฉลิมยศ หอมสกล พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์ รับแจ้งเหตุรถตู้เกิดไฟลุกไหม้ บนถนนติวานนท์ขาออก หน้าสถานีขนส่งจังหวัดนนทบุรี ไปตรวจสอบพบรถตู้โตโยต้าไฮเอท ทะเบียน นง 1678 นนทบุรี ที่ห้องเครื่องถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหาย ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวกที่มือขวา นำส่ง รพ.นนทเวช ทราบชื่อนายประเทือง เนตราภา
สอบสวนให้การว่า เพิ่งนำรถไปติดตั้งถังก๊าซแอลพีจีที่อู่ข้างบ้านย่านบางบัวทอง ไปรับรถมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา ราคาค่าติดตั้ง 18,000 บาท ก่อนเกิดเหตุขับรถไปให้วิศวกร หจก.งามวงศ์วานสองก๊าซ ในซอยงามวงศ์วาน 2 ตรวจสอบและขอใบรับรองเพื่อไปยื่นกับขนส่งจังหวัดนนทบุรีแจ้งเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิง วิศวกรก็ออกใบรับรองให้ จากนั้นขับรถไปที่ขนส่งแต่มีคนมาใช้บริการเยอะมาก จึงจะขับรถกลับบ้านแล้วค่อยมาวันหลัง ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้กลิ่นเหม็นไหม้ พร้อมมีควันออกมาจากห้องเครื่อง รีบจอดรถเข้าข้างทางและเปิดฝาครอบเครื่องยนต์ออกก็มีเปลวไฟลุกไหม้ โชคดีชาวบ้านช่วยนำถังดับเพลิงมาฉีดจนไฟดับ
เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดนนทบุรีที่เดินทางมาดูที่เกิดเหตุกล่าวว่า ขนส่งมีหน้าที่ตรวจสอบระบบเชื้อเพลิงที่ติดตั้งกับเลขตัวถังที่ขอจดเปลี่ยนตรงกันหรือไม่ และมีใบรับรองจากวิศวกรที่ทางร้านออกมาให้ตรงกันหรือเปล่า คาดว่าสาเหตุไฟไหม้ครั้งนี้น่าจะเกิดจากการติดตั้งระบบก๊าซไม่ได้มาตรฐานหรืออุปกรณ์ชำรุด คงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล






