
"จา" พนม ลุย "องค์บาก 2" แล้ว ยอมรับการทำงานต่างจากครั้งแรก ไม่หวั่นแม้หนักที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยทำมา พร้อมขอบคุณเสี่ยเจียงที่ยังให้โอกาส ให้คำมั่นจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ พร้อมฉายทัน 4 ธันวาคมนี้แน่นอน
ในที่สุดนายพนม ยีรัมย์ หรือจา พระเอกนักบู๊ที่แจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์จากเรื่อง "องค์บาก" และเรื่อง "ต้มยำกุ้ง" ก็กลับมาลุยงานสร้างหนัง "องค์บาก 2" ต่อแล้ว หลังหายตัวลึกลับระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "องค์บาก 2" ทั้งที่รับหน้าที่ทั้งแสดงนำและกำกับการแสดง ด้วยปัญหาไม่เข้าใจกันภายในบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ต้นสังกัด กระทั่งสามารถตกลงทำความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย
จากนั้นบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดให้สื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมและทำข่าวเบื้องหลังการถ่ายทำฉากสำคัญในการถ่ายทำ 20 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายของภาพยนตร์เรื่อง "องค์บาก 2" ณ สถานที่ถ่ายทำ จ.ระยอง ถือเป็นครั้งแรกหลังจากกรณีพิพาทดังกล่าวยุติลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อไปถึงทีมงานพาสื่อเข้าเยี่ยมชมพระราชวัง สถานที่ถ่ายทำ โดยมีนายเอก เอี่ยมชื่น ผู้ออกแบบงานสร้าง และนายพันนา ฤทธิไกร ผู้กำกับร่วมและโปรดิวเซอร์พาเยี่ยมชมกองถ่าย ก่อนที่ในเวลา 21.00 น. ทีมงานเปิดให้สัมภาษณ์ จา-พนม และนายพันนาพร้อมกัน
นายพันนากล่าวว่า หลังจากจากลับมาทำงานอีกครั้งได้เปลี่ยนไปเยอะมาก มีพัฒนาการที่ดีขึ้น และบอกว่าอยากจะทำหนังให้ดังระเบิดทะลุฟ้าอย่างเดียว ไม่มีอาการเครียดใดๆ แต่เรื่องความกดดันที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตนก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่วันนี้จามีความสุขเหมือนช่วงที่เริ่มต้นทำหนังด้วยกันใหม่ๆ ตนมองสิ่งที่เกิดขึ้นกับจาว่า เป็นเพราะอ่อนต่อโลกอันกว้างใหญ่ เนื่องจากเพิ่งหันมารับหน้าที่ผู้กำกับหนังและดูแลบริษัท ไอยราฟิล์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือสหมงคลฟิล์ม ที่รับผิดชอบผลิตหนังเรื่อง "องค์บาก 2"
"ที่ผ่านมาเป็นเรื่องธรรมชาติที่คนเราต้องเจอความกดดัน ปัญหาจริงๆ ผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ครั้งนี้ที่จากลับมา เขาบอกผมว่าเขาอยากทำหนัง ซึ่งหนังเรื่องนี้เหลือการถ่ายทำอีก 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท ถือว่าเกินจากงบประมาณที่ตั้งไว้ และถ้าจะต้องเพิ่มมากกว่านี้ก็คงต้องไปคุยกับเสี่ย (นายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานกรรมการบริหารบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด) อีกครั้ง" นายพันนากล่าว
ส่วนเรื่องที่จาจะขอฉีกสัญญาที่ทำไว้กับบริษัท นายพันนากล่าวว่า จาไม่ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าว และจะทำงานต่อไปจนกว่าจะหมดสัญญา โดยภาพยนตร์เรื่องต่อไปที่จะสร้างก็มีการคิดท่าทางแอ็กชั่นไว้แล้ว รอเพียงแต่ตัวบทเท่านั้น เชื่อว่านายสมศักดิ์ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
"ทนายความที่เคยมาทำเรื่องให้จาตอนนั้นก็ไม่รู้หายไปไหน ส่วนเรื่องที่ถามว่า กลัวภาพลักษณ์ของจาที่ผ่านมาจะกระทบกับหนังหรือไม่ ผมว่ากลัวหรือไม่กลัวก็มีค่าเท่ากัน หากคนดูจะเชื่อว่าจาเป็นแบบนั้น" นายพันนากล่าว
นายพนมกล่าวว่า หลังกลับมาถ่ายทำ "องค์บาก 2" มีความรู้สึกทั้งราบรื่นและไม่ราบรื่น รู้สึกว่าการทำงานแตกต่างจากครั้งแรก รวมทั้งภาคนี้มีความแตกต่างจากองค์บากภาค 1 หนังเรื่องนี้ได้หล่อหลอมจิตวิญญาณ และเป็นหนังที่มีครูอาจารย์ ใช้เทคนิคการถ่ายทำ มีศรัทธาเป็นที่ตั้ง ยอมรับเป็นอะไรที่หนักที่สุดเท่าที่เคยทำมา
"เนื่องจากผมไม่เคยเป็นผู้กำกับมาก่อน เหนื่อยสุดๆ เลือดตาแทบกระเด็น เหมือนต้องเอาชีวิตเข้าแลก ก็ต้องขอขอบคุณอาจารย์พันนา และก็เสี่ยเจียง ที่ยังให้โอกาสผม อย่างอาจารย์ทุกครั้งที่ร่วมงานอาจารย์เหมือนกับให้การบ้านผม ให้ผมกลับไปทำอยู่เสมอ" นายพนมกล่าว
ถามถึงอุปสรรคที่ได้รับมีอะไรบ้าง พระเอกนักบู๊กล่าวว่า เป็นเรื่องฟ้าฝน นอกจากนี้ก็เรื่องการหาข้อมูล ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุด คาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จ มาถึงวันนี้ก็รู้สึกปลื้มใจและภูมิใจที่หนังใกล้เสร็จแล้ว ขอฝากหนังเรื่องนี้เอาไว้ด้วย ซึ่งจะเสร็จพร้อมเข้าฉายภายในวันที่ 4 ธันวาคมนี้แน่นอน สำหรับนายปรัชญา ปิ่นแก้วนั้น ตนมีการปรึกษาเหมือนเดิม
ส่วนนายศรัณยู วงษ์กระจ่าง หนึ่งในนักแสดงกล่าวว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผู้สร้างและผู้กำกับการแสดงมีความตั้งใจ เห็นได้จากฉากที่ค่อนข้างใหญ่โต เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ แน่นอนชื่อของจา-พนม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องเป็นเรื่องของแอ็กชั่น ในหนังเรื่องนี้มีฉากที่จาใช้ลีลาการต่อสู้ จะมีกลิ่นอายวัฒนธรรมของภูมิภาคตะวันออก ซึ่งแตกต่างจากหนังฝรั่งที่เอาปืนมาไล่ยิงกันเฉยๆ พวกฝรั่งต้องมาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมกับจา
"นอกจากนี้จา-พนม ยังได้เซฟความปลอดภัยของนักแสดงอย่างเต็มที่ ทำให้นักแสดงอุ่นใจ ขนาดฉากโดนถีบ ยังให้ตัวประกอบที่เป็นสแตนด์อินมาแสดงแทน ถ้าเขาชวนมาแสดงคงมาอีก แต่คำถามนี้ต้องไปถามเสี่ยเจียงดีกว่า" นายศรัณยูกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก






