
ความคืบหน้าการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 2 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก เมื่อช่วงค่ำ ของวันที่ 1 พฤศจิกายนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน หนึ่งในผู้จัดรายการ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวที ตำหนิการทำหน้าที่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ออกมากดดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ลาออก โดยระบุว่า ไม่รู้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เป็นลูกของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือไม่ เพราะแม้จะถูกนายสนธิ ด่าเช้า-เย็น กระทั่งหาว่ารับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้มาล้มล้างราชบัลลังก์ แต่ก็ยังเฉย กลับมาบอกให้นายกรัฐมนตรีลาออกแทน

"อยากบอกว่า ผบ.ทบ.คนนี้ ตาขาวกับพันธมิตรฯ แต่มาตาเขียวกับรัฐบาล ดังนั้น ขอประกาศให้ทราบตรงนี้ว่ารัฐบาลไม่เอาพันธมิตรฯ แต่เทิดทูนราชบัลลังก์เท่าชีวิต ขอให้พันธมิตรฯ ถอดเสื้อเหลืองออก เพราะเป็นของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน ไม่ใช่สมบัติของนายสนธิ และสาวก ส่วนที่มีคนพยายามบอกให้ นปช. ไปเจรจากับพันธมิตรฯ นั้น ไม่มีทาง เพราะต้องรอให้คู่เจรจาออกจากโรงพยาบาลศรีธัญญาก่อน" นายจตุพร กล่าว
ต่อมาเวลาประมาณ 20.30 น. นายวีระ มุสิกพงษ์ ผู้จัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ขึ้นเวทีปราศรัย ผู้ชุมนุมต่างคึกคักโห่ร้อง ปรบมือต้อนรับอย่างกึกก้อง เพราะถึงเวลาที่ผู้ชุมนุมรอคอย เนื่องจากถึงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโทรศัพท์สายตรงข้ามประเทศมาพูดคุยกับผู้ชุมนุมที่อยู่ภายในสนาม โดยในช่วงแรกที่ปราศรัย นายวีระ ได้กล่าวถึงการต้านรัฐประหาร ก่อนจะกล่าวถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ได้โทรศัพท์มาหาตน ถามว่าจะจัดรายการความจริงวันนี้หรือ และบอกว่าจะขอเวลาพูดสัก 10 นาที แต่อาจจะเดือดร้อนกันทั่ว ตั้งแต่พลทหารถึงนายทหาร ซึ่งตนได้ตอบไปว่า "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วีระรับผิดชอบ ท่านก็เลยขอบคุณผม" นายวีระ กล่าว และว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังสัพยอกตนว่า วันนี้เรามีศักดิ์เสมอกัน ด้วยตำแหน่ง น.ช. หรือนักโทษชาย
จากนั้น ในเวลา 20.40 น. นายวีระ ได้เปิดวีทีอาร์เกี่ยวกับการโค่นล้มอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 19 กันยายน ซึ่งจัดทำขึ้นโดยกล่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) โดยนายวีระ บอกว่า จะให้ผู้ร่วมชุมนุมฟังเสียงอดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากการฉายวีทีอาร์จบลง ทั้งนี้ ในวีทีอาร์ ยังมีภาพและเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันต่อต้านรัฐประหาร โดยบอกว่าการทำรัฐประหารทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง และตอกย้ำวิกฤติของประเทสให้ย่ำแย่ลงไปอีก
จนกระทั่งเวลา 21.50 น. หลังจากการฉายวีทีอาร์จบลง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินเปิดใจกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยอดีตนายกรัฐมนตรีได้ถามผู้ชุมนุมว่า จะยอมให้เขาอยู่ต่างประเทศถึง 10 ปีตามอายุความของคดีหรือไม่ และว่าพลังของประชาชนเท่านั้นที่จะทำให้ได้กลับประเทศไทยก่อน 10 ปี
"สวัสดีครับ พี่น้องผู้รักประชาธิปไตย จำเสียงผมได้ไหมครับ ที่รู้ๆ ผมคิดถึงท่านนะครับ ผมคิดถึงเวทีปราศรัยครับ เพราะเวลาปราศรัยได้เป็นปฏิกริยากับอารมณ์ และเห็นแววตา ทำให้มีความรู้สึกเหมือนเราเอาหัวใจพูดกัน ผมยังไปไม่ได้ เพราะเขาสั่งให้จำคุก 2 ปี แต่ผมไม่ไป เขาเลยเอาผมไว้ 10 ปี ผมเลยถามว่าพี่น้องจะเก็บผมไว้เมืองนอก 10 ปีหรือครับ" อดีตนายกฯ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้ข่าวว่าวุ่นวายกันใหญ่ แต่ตนไม่ใช่หัวหน้าม็อบ ถึงจะโดนยัดเยียดคุกให้ก็ยังเป็นอดีตนายกฯ
อดีตนายกฯ กล่าวอีกว่า เขาใช้กระบวนการยุติความเป็นธรรม อดีตนายกฯ คนหนึ่งที่เคยเป็นที่ยอมรับ ได้คะแนนเสียงมากสุดในประวัติศาสตร์ แต่โดนลอบฆ่า โดนปฏิวัติ ทำกันตอนที่ประชาชนยังชื่นชมรัฐบาลอยู่ ทั้งนี้ การปฏิวัติวันที่ 19 กันยายน 49 มีจุดประสงค์ต้องการจัดการกับคนๆ เดียว
"ผมถูกสั่งจำคุกตั้งข้อหาทั้งครอบครัว เลขาก็ไม่เว้น ครอบครัวแตกกระซ่านซ่านเซ่น พ่อไปทางแม่ไปทาง แต่ความเดือดร้อนของผมเปรียบเทียบกับประชาชนถือว่ายังเล็กน้อย ผมทนได้ แต่ประเทศจะย่อยยับ"
นายวีระถามว่า คนอย่างท่านจะมุ่งแก้ปัญหาประเทศชาติแต่ไม่ประชาสัมพันธ์ตัวเอง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า "แน่นอน ครับ ผมเป็นแต่คนบ้างานที่เรียกว่าไฮเปอร์แอ็คทีพ "
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หลังการรัฐประหารได้ไล่คนบ้างานออกไป แล้วเอาคนที่เลี้ยงหลานอยู่บ้านมาบริหารประเทศแทน เมื่อตนอยู่อังกฤษก็เหงา จึงซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ มาบริหาร ก็ยังไม่ถอนอายัดทรัพย์ แต่ตอนหลังก็ขายทีมไป พอได้เงินเลี้ยงครอบครัวบ้าง มาถึงตอนนี้มีหลายคนมาชวน หลายประเทศมาชวนให้เป็นราษฎรกิตติมศักดิ์ ก็ดีใจ แต่แอบเศร้าใจลึกๆ ว่า ทำให้ใครก็ได้ในโลกนี้ แต่ทำให้ประเทศตัวเองไม่ได้
"ไม่มีใครจะเอาผมกลับประเทศ นอกจากพระบารมีที่จะทรงมีพระเมตตา หรือพลังของพี่น้องประชาชน"อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ อดีตนายกรัฐมนตรียังพูดถึงภาวะเศรษฐกิจของโลก ซึ่งกำลังสร้างปัญหาให้กับหลายประเทศ หากประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องการเมืองอยู่ ก็จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจด้วย พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่ามีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูง และไม่อยากเห็นคนไทยแตกแยกเป็นฝักฝ่ายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ปราศรัยจบลง กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปรบมือโห่ร้องกันอย่างกึกกก้อง จากนั้น นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นปราศรัยเป็นคนต่อไป

สำหรับบรรยากาศที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน สถานที่จัดรายการ "ความจริงวันนี้สัญจร" ครั้งที่ 2 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนสวมเสื้อแดงได้เข้าร่วมงานจำนวนหลายหมื่นคน จนเต็มความจุของสนาม ล้นทะลักออกมาด้านนอกโดยแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) และผู้ดำเนินรายการได้มาถึงเวทีอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ขณะเดียวกัน บรรดา ส.ส.พรรคพลังประชาชน และกลุ่ม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย บางส่วนก็ได้มาร่วมงานด้วย เช่น นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ นายสุนัย จุลพงศธร และนายจาตุรนต์ ฉายแสง และมีรายงานว่า นางพจนีย์ ณ ป้อมเพชร มารดาคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้มาให้กำลังใจผู้จัดงานด้วย แต่ได้เดินทางกลับไปแล้ว
ขณะที่ นายประสงค์ มหาลี้ตระกูล ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำสำนักประธานศาลฎีกา และ นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ชี้แจง กรณีประธานศาลฎีกาเรียกผู้บริหารสำนักงานยุติธรรมและศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เข้าหารือเพื่อเตรียมรวบรวมถ้อยคำแถลงการณ์ข้ามประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในรายการความจริงวันนี้สัญจร ว่า ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการแอบอ้างชื่อของประธานศาลฎีกาเท่านั้น เพราะเท่าที่ผ่านมายังไม่มีคำสั่งใดๆ ในเรื่องนี้ส่วนการที่สื่อมวลชนตั้งคำถามว่าศาลจะตอบโต้ หรือเผยแพร่ข้อมูลคำตัดสินต่อต่างประเทศหรือไม่นั้น ขอตอบว่า ศาลไม่ใช่คู่กรณีของฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง จึงไม่สามารถตอบโต้ ชี้แจง หรือโต้เถียงใดๆ ได้
นายสราวุธ กล่าวว่า การเผยแพร่ข้อมูลที่ผ่านมาเป็นเรื่องปกติที่พึงกระทำอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการละเมิดอำนาจศาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีการแถลงต่อสื่อต่างประเทศ และการโทรศัพท์ข้ามประเทศเข้าสายสดในรายการความจริงวันนี้สัญจรนั้น ส่วนตัวไม่สามารถตอบข้อซักถามใดๆ ได้ และไม่ควรให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะเรื่องดังกล่าวได้เข้าสู่คดียุติธรรมของศาลแล้ว การให้ความเห็นถือเป็นชี้นำ เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
นายสราวุธ ยังฝากถึงสื่อมวลชนในการเขียนข่าวเกี่ยวกับศาลยุติธรรมว่า ต้องใช้ความระมัดระวัง รอบคอบ อยู่บนพื้นฐานของความจริง และต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนนำเผยแพร่ทุกครั้ง เพราะศาลเป็นองค์กรระดับประเทศ มีความสำคัญมาก ทุกคนต้องช่วยกันดูแลรักษา
ดาวน์โหลดเสียง ทักษิณ โฟนอิน ผ่านรายการ "ความจริงวันนี้สัญจร"
อ่านคำต่อคำ ทักษิณ โฟนอิน ผ่านรายการ ความจริงวันนี้สัญจร คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
![]()






