
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 17 ธ.ค.2551 แล้ว บัดนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีต่อไปนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวีระชัย วีระเมธีกุล เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม นายกรณ์ จาติกวณิช เป็น รมว.คลัง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็น รมช.คลัง นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ เป็น รมช.คลัง นายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ
"พรทิวา" พาณิชย์ "ระนองรักษ์" ไอซีที
นายชุมพล ศิลปอาชา เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายวิฑูรย์ นามบุตร เป็น รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายธีระ วงศ์สมุทร เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายชาติชาย พุคยาภรณ์ เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายโสภณ ซารัมย์ เป็น รมว.คมนาคม นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ เป็น รมช.คมนาคม นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร เป็น รมช.คมนาคม นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เป็น รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล เป็น รมว.พลังงาน นางพรทิวา นาคาศัย เป็น รมว.พาณิชย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร เป็น รมช.พาณิชย์ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย นายถาวร เสนเนียม เป็น รมช.มหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เป็น รมช.มหาดไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็น รมว.ยุติธรรม
เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ วันจันทร์ที่ 22 ธ.ค.
นายไพฑูรย์ แก้วทอง เป็น รมว.แรงงาน นายธีระ สลักเพชร เป็น รมว.วัฒนธรรม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็น รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ เป็น รมช. ศึกษาธิการ นายวิทยา แก้วภราดัย เป็น รมว.สาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี เป็น รมช.สาธารณสุข นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง เป็น รมว.อุตสาหกรรม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 20 ธันวาคม 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำนักงานเลขาธิการ ครม. ได้แจ้งให้รัฐมนตรีทุกคนเตรียมเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ในวันจันทร์ที่ 22 ธ.ค.เวลา 17.00 น.
"อภิสิทธิ์" ปัดข่าวนายทุนครอบงำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน ที่ห้องรับรองวีไอพี สนามบินสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปร่วมสัมมนา ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมอิมพีเรียล เรือและบ้าน อ.เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ระบุว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แก่นายวีระชัย วีระเมธีกุล ถือเป็นการครอบงำของกลุ่มทุนว่าความจริงก็น่าเห็นใจนายนิพิฏฐ์และ ส.ส.อีกหลายคนที่ไม่ได้รับตำแหน่งใน ครม.ชุดนี้ แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่ว่ามีนายทุนเข้ามาครอบงำพรรค การบริจาคเงินให้พรรคเป็นไปตามระเบียบของ กกต. และขอยืนยันได้ว่าไม่มีเรื่องต่างตอบแทนแน่นอน ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความพยายามโจมตีว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มทุนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยังไม่ทราบว่ารัฐมนตรีคนหนึ่งไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนนั้น ความสัมพันธ์ของบริษัทกับการเมืองเป็นอย่างไรต้องดูข้อเท็จจริงด้วย
ปฏิเสธ "วีระชัย" บริจาค 80 ล้าน
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่านายวีระชัยเองไม่เกี่ยวข้องกับซีพี นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ขอพูดถึงตัวบุคคล เพราะยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อถามว่า มีการระบุว่านายวีระชัยบริจาคเงินให้พรรค 80 ล้านบาท นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คงไม่ใช่ แต่ก็ต้องไปดูรายนามผู้บริจาค ซึ่งพรรคทำตามระเบียบของ กกต.ทุกอย่าง เมื่อถามว่า จะต้องคุยกับนายนิพิฏฐ์เพื่อชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คงต้องคุย จริงๆ แล้วก็เห็นใจ รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรคอีกหลายคนที่ไม่ได้รับตำแหน่ง แต่ก็ต้องเข้าใจว่าการทำงานสามารถทำในจุดใดก็ได้ และก็ยังมีโอกาสที่จะได้ ทำงานอยู่อีก แต่คงอาจจะเป็นการน้อยใจที่ไม่ได้แสดงฝีมือ แต่ขอยืนยันว่าการเสนอชื่อ ครม.ในส่วนของพรรค ได้ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว
หาทีมงานน้ำดีช่วยลบภาพ รมต.ยี้
เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์ของหอการค้าไทยที่ไม่เห็นด้วยกับผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ได้พูดคุยกับพรรคร่วมอย่างตรงไปตรงมา ถึงตัวบุคคลที่อยู่ในข่ายที่ไม่มั่นใจไปแล้วว่าต้องรวบรวมคนที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน ซึ่งคิดว่าจะดีขึ้น ส่วนตัวได้อธิบายกับหอการค้าถึงความจำเป็นที่จะต้องจัด ครม.แบบนี้ เพื่อให้การเมืองนิ่ง และสามารถแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ เมื่อถามว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านเองเตรียมที่จะโจมตีบุคคลอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าที่ รมว.กลาโหมแล้วว่ามาจากฝ่ายทหาร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขอยังไม่พูดถึงตัวบุคคล เพราะยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.ลงมา อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ตนในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องชี้แจง รัฐมนตรีที่ถูกโจมตีก็ต้องชี้แจง ตามที่เรามั่นใจในเหตุผลของเรา ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องปกติ
เสื้อแดงชุมนุมได้แต่ห้ามรุนแรง
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะนัดชุมนุมกัน ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 28 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เราจะไปคาดหวังว่าให้เหตุการณ์ทุกอย่างจบลงไปในทันทีไม่ได้ ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงก็มีสิทธิที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ การจัดเวทีปราศรัยที่สนามหลวงก็เป็นสิทธิที่ทำได้ และเราเคารพสิทธิทางการเมือง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะต้องดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ให้มีการทำลายทรัพย์สิน หรือทำผิดกฎหมาย เมื่อถามว่า จะต้องเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น หากกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวมาที่รัฐสภาเพื่อรอการแถลงนโยบายในวันที่ 29 ธ.ค.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เจ้าหน้าที่เองก็ต้องดูแล ซึ่งคิดว่าเรามีประสบการณ์มากขึ้นหลังจากที่มีการชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้นบ่อยในช่วงที่ผ่านมา อย่างเหตุการณ์เมื่อวันเลือกนายกรัฐมนตรีก็ยังดีที่ไม่มีการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชน แต่ที่ต้องป้องกันมากขึ้นคือไม่ให้เกิดความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย เรื่องของการเคลื่อนมาปิดล้อมรัฐสภานั้น เชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่คงจะพอรู้ข่าวอยู่แล้ว เมื่อถามว่า เหตุการณ์จะซ้ำรอยกับเมื่อการแถลงนโยบายของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่กลุ่มพันธมิตรฯออกมาปิดล้อมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า จะพยายามให้ราบรื่นที่สุด และหวังว่าทำได้
ต้องแก้ รธน.เพื่อปฏิรูปการเมือง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค ประธานคณะกรรมการนโยบาย ออกมาระบุว่าในนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภา จะไม่มีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมอยู่ด้วย นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขณะนี้นโยบายของพรรคคืบหน้าไปมาก และให้ความสำคัญมาก คิดว่าภายใน 1-2 วันนี้น่าจะมีต้นร่างออกมา และเมื่อ ครม.มีโอกาสเข้าทำงานก็จะได้มีการทบทวนแก้ไขเพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่าการปฏิรูปการเมืองคงไม่สามารถทำได้หากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนหน้านี้ที่พูดกันเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลายส่วนมีความต้องการแตกต่างกัน บ้างต้องการแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้ง บ้างก็ต้องการแก้ไขเรื่องที่มาของ ส.ว. บางส่วนต้องการแก้ไขเพื่อฟอกผิดตัวเอง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม ดังนั้นเราจึงต้องมานั่งคุยกันก่อนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่ออะไรให้ชัดเจน ว่าจะไม่เอารัฐธรรมนูญเป็นตัวตั้ง แล้วมุ่งไปยังการปฏิรูปการเมือง เมื่อชัดเจนแล้ว การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะ หากพูดเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ก็อาจจะสับสนและนำไปสู่ความขัดแย้ง อาจทำให้ไม่สามารถทำงานได้ เบื้องต้นได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ทุกฝ่ายก็เห็นตรงกัน
ไม่มีปัญหากลุ่มทุนครอบงำพรรค
เมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน ที่โรงแรมอิมพีเรียล เรือและบ้าน เกาะสมุย นายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีข่าวการซื้อตำแหน่งเพื่อเป็นรัฐมนตรีว่า ในการประชุม ส.ส.ของพรรควันนี้คงจะได้มีการพูดคุยกัน ส่วนเรื่องกลุ่มทุนที่เข้ามานั้น ไม่มีปัญหาเรื่องการครอบงำ และการบริจาคเงินก็เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนเรื่อง ครม.เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อถามว่าการที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ จะจ่ายเงินผ่อนใช้นายวีระชัย วีระเมธีกุล ว่าที่ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดือนละ 500 บาท เพื่อที่พรรคจะได้ไม่เป็นหนี้บุญคุณนายวีระชัย ที่จ่ายให้พรรคจำนวน 500 ล้านบาท ถือเป็นสิ่งที่ทำให้พรรคสามารถตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีเรื่องนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่มีหนี้ใคร และไม่ต้องผ่อนชำระ เมื่อถามว่านายวีระชัยเป็นบุตรเขยของประธานกลุ่มซีพี จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มาหาผลประโยชน์ให้พวกตัวเอง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เรื่องตัวบุคคลนั้น ขอไม่พูดอะไรจนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง แต่ทุกคนต้องพร้อมให้ตรวจสอบในเรื่องของความเกี่ยวข้องกับกลุ่มใด อย่างไร และต้องยืนยันว่าไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
ขู่รัฐมนตรีหาประโยชน์เปลี่ยนทันที
เมื่อถามว่า รายชื่อ ครม.ที่ออกมาทำให้เห็นว่ากลุ่มเพื่อนเนวิน ที่เคยระบุว่าทำเพื่อเสียสละเพื่อชาติ แต่กลายเป็นการเดินออกจากกลุ่มหนึ่งมาสู่อีกกลุ่มที่มีผลประโยชน์มากกว่า นายอภิสิทธิ์ตอบว่า จะมาเอาผลประโยชน์ไม่ได้ รัฐมนตรีจะอยู่กระทรวงใด พรรคใดหรือกลุ่มใด ก็มีหน้าที่ทำตามนโยบายของรัฐบาล ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาลจะดูแลให้คนเหล่านี้ทำงานให้กับบ้านเมือง โดยได้มีการพูดคุยกันแล้ว แต่ถ้าไม่ดำเนินการตามนั้น ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อถามย้ำว่า ถ้าคนเหล่านี้ไม่สนับสนุน อาจทำให้รัฐบาลล้มได้ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้ารัฐบาลต้องล้มเพราะความไม่ถูกต้อง เราต้องรักษาความถูกต้อง ต้องยอมเพื่อสร้างเสถียรภาพของบ้านเมือง เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาต่างๆ ของประเทศ ถ้าปล่อยให้เสถียรภาพทางการเมืองโดยเฉพาะเสถียรภาพภายในยังค้างคาอยู่ เชื่อว่าแม้จะได้คนที่มีความสามารถเข้ามาหรือจะมีนโยบายที่ดี ก็เดินต่อไม่ได้ ต้องเอาเสถียรภาพตรงนี้มาก่อน แล้วเดินหน้าไปให้ได้
เห็นใจลูกพรรค ปชป.ที่พลาดเก้าอี้
เมื่อถามว่า การตั้งรัฐบาลครั้งนี้ทำให้พรรคต้องสูญเสียบุคลากรที่ทำงานให้พรรคมาตลอดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ได้คุยกับทุกคนก็รู้สึกเห็นใจ แต่ก็เชื่อว่าจะมีโอกาสได้ทำงานต่อไปในวันข้างหน้า เส้นทางทางการเมืองของทุกคนในพรรคไม่ได้ราบรื่นเสมอไป อย่างตนก็เคยอาสาตัวแต่ก็ผิดหวัง แต่เชื่อว่าความดีไม่ไปไหน และความดีของทุกคนรวมถึงนายนิพิฏฐ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน และนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ไม่หายไปไหน คนเหล่านี้มีโอกาสมาแน่นอน แต่เข้าใจและเห็นใจความรู้สึกของเขา เพราะประชาชนในพื้นที่ของเขาย่อมมีความคาดหวัง เนื่องจากเขามี ส.ส.ที่มีคุณภาพ
ไม่อยากเสียใครเส้นทางยังอีกไกล
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรไม่ให้ ส.ส.เหล่านี้ลาออก เพราะมีข่าวว่านายจุติได้ยื่นใบลาออก นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยังไม่มีการยื่นใบลาออก ยังคุยกับนายจุติอยู่ และไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น แต่ยังเชื่อว่าสิ่งที่เราได้ต่อสู้กันมาไม่ได้จบลงวันนี้ เพราะเส้นทางของพรรคยังอีกยาวไกล และคนเหล่านี้ยังมีอนาคต เราเป็นพรรคการเมืองที่มีระบบและข้อบังคับชัดเจน ซึ่งที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรคก็มีมติเป็นเอกฉันท์ เมื่อตนได้ตัดสินใจแล้วต้องรับผิดชอบตามนี้ แต่เป้าหมายไม่ได้ต่างกันไม่ว่าจะเป็นกับภาคธุรกิจหรือภาคประชาชน รวมถึงเพื่อน ส.ส.ที่ได้ร่วมต่อสู้กันมา เป้าหมายก็ไม่ได้ต่างกัน วิธีการ ความคิด และการตัดสินใจแต่ละช่วงอาจต่างกันบ้าง แต่ยืนยันว่าสิ่งที่พูดไว้ตั้งแต่แรกว่าเราเชิญทุกคนมาร่วมกันทำงาน ก็เห็นใจและเข้าใจความรู้สึก ไม่ตำหนิใครเลยที่แสดงความคิดเห็นออกมา น้อมรับคำวิจารณ์ แต่เป็นการตัดสินใจที่อธิบายเหตุผลว่าขอให้มีเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อเดินหน้าต่อไปได้
เร่งแก้เศรษฐกิจ-สร้างสมานฉันท์
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวระหว่างการสัมมนา ส.ส.และกรรมการบริหารพรรค เรื่อง "เชื่อมั่นประเทศไทย มั่นใจประชาธิปัตย์" ในตอนหนึ่งว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลมี 2 ส่วนคือ เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างความปรองดองในชาติ ซึ่งจะรีบนำเข้าสู่การพิจารณา และในการประชุม ครม.นัดแรกก็จะได้นโยบายออกมา เพื่อรีบเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ยังมีปัญหาติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย 2-3 เรื่องเกี่ยวกับเรื่องเงิน เพราะงบกลางปี ที่ตั้งไว้ 1 แสนล้านบาท ใกล้กับเพดานงบขาดดุลที่กฎหมายกำหนดเพดานไว้ไม่เกินร้อยละ 20 ขณะเดียวกันการจัดเก็บรายได้ยังต่ำกว่าเป้า ที่สำคัญคือมีการนำเงินไปให้ ธ.ก.ส.รับจำนำและประกันราคาพืชผลการเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง โดยเฉพาะข้าวโพดมีไม่เพียงพอ จนเกษตรกรออกมาเรียกร้อง
ให้ "กอร์ปศักดิ์-กรณ์" แก้เศรษฐกิจ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทั้งหมดนี้จะกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม แต่รัฐบาลจะเดินหน้าโดยมอบหมายให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ว่าที่รองนายกฯ และนายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่ รมว.คลัง ไปกดเครื่องคิดเลขว่าจะมีงบประมาณส่วนไหนที่จะใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่ติดข้อกฎหมายใกล้เพดาน สำหรับรัฐมนตรีในโควตาของพรรค ทุกคนต้องทำงานหนัก ไม่ใช่มาฉลองดีใจ ต้องร่วมกันฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจและความขัดแย้งทางการเมืองไปให้ได้ หลังจากเห็นหน้าตา ครม. แล้วมีการวิพากษ์วิจารณ์ ได้มีโอกาสไปหารือและเปิดอกคุยกับสภาหอการค้าไทย ทางหอการค้าวิพากษ์วิจารณ์ว่าหน้าตาครม.นี้ไม่ดี จึงได้ชี้แจงไปว่าภายในสถานการณ์ที่มีทางเลือกน้อย จำเป็นต้องทำเพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง เมื่อการเมืองนิ่งการแก้วิกฤติก็สามารถเดินหน้าได้ หน้าตา ครม.อาจจะขัดใจหลายคน แต่เรื่องเสถียรภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่อยากให้เสียเวลาในเรื่องการต่อรองอะไรอีก เพราะครม.มีหน้าที่ต้องเดินไปข้างหน้า โดยเฉพาะการประชุมอาเซียนซัมมิท สภาหอการค้าก็เข้าใจ แต่ห้ามไม่ให้คนผิดหวังไม่ได้
ยอมรับมีทั้งคนผิดหวังและสมหวัง
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจอย่าไปทะเลาะ ให้น้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ และให้พิสูจน์ กันที่ผลงาน เชื่อว่า 2-3 เดือนรัฐบาลชุดนี้จะเดินหน้า สร้างความเชื่อมั่นของประเทศกลับคืนมา และทำให้ชาติเห็นทางออก การลงทุนก็จะกลับคืนมา เช่น ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้นั่งเครื่องบินมาเกาะสมุย เห็นฝรั่งนั่งเต็มลำอย่างนี้ถือว่าใช้ได้ แม้หน้าตา ครม.จะไม่ถูกใจ ในฐานะที่เป็นผู้นำก็จะรับผิดชอบต่อรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ส่วนคนในพรรคที่ผิดหวังกับเก้าอี้รัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ที่จะต้องมีทั้งคนผิดหวังและสมหวัง จึงอยากบอกว่าหลายคนในพรรคมีคุณสมบัติความพร้อม ความสามารถเป็นรัฐมนตรีได้สบาย แต่คนมีความสามารถมีเกินตำแหน่ง เห็นใจทุกคนที่ร่วมกันทำงานต่อสู้กับพรรคอย่างหนัก โดยไม่ได้เรียกร้องตำแหน่ง หลายคนต้องพลาดตำแหน่งก็เข้าใจ เพราะคนในพื้นที่คาดหวัง แต่ถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ โดยเฉพาะส.ส.พัทลุง ขอให้สมาชิกพรรคอย่าได้ไปตำหนิ
จะไม่ให้มีเรื่องผลประโยชน์ขัดกัน
"เราต้องสร้างความเข้าใจและให้กำลังใจ เราต้องร่วมกันเดินหน้าไปข้างหน้า ขณะนี้มีการเรียกร้องจากพรรคร่วมรัฐบาลและภายในพรรค มั่นใจว่าเราจะบริหารจัดการผ่านไปได้ ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับหลายคน ที่พลาดโอกาสทางโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน ผมก็เข้าใจและเห็นใจที่หลายคนเสียโอกาส แต่ได้บอกว่าคนที่เสียโอกาสก็ต้องทำงานสร้างความเชื่อมั่น ให้พรรคได้มีโอกาสในการแก้ไขวิกฤติของชาติ ยืนยันได้เลยว่าไม่มีเรื่องนายทุนครอบงำพรรค ที่ผ่านมาการบริจาคเงินเข้าพรรคหรือการระดมทุน มีการเปิดเผยและแจ้งรายละเอียดให้ กกต.ทราบทุกขั้นตอน ขอให้มั่นใจได้ว่าตามกฎหมาย คนที่มีผลประโยชน์ขัดกัน จะเข้ามาทำงานไม่ได้อยู่แล้ว จะดูแลไม่ให้รัฐบาลของผมมีเรื่องผลประโยชน์ขัดกันแน่นอน ส่วนเสียงวิจารณ์ในส่วนของรัฐมนตรีนอกพรรคนั้น ก็ไม่ได้พยักหน้ารับอย่างเดียว แต่พยายามเข้าไปดูแลให้ได้มากที่สุดว่าจะมีตรงไหนขยับได้บ้าง และจะขอดูทีมงานว่ามีความเข้มแข็งเพียงพอหรือไม่" นายอภิสิทธิ์กล่าว
รัฐบาลจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า แม้ว่าจะมี ส.ส.หลายคนไปเป็นรัฐมนตรี การทำงานในพรรคยังต้องเหมือนเดิม และหากไม่ได้รับการสนับสนุนในสภา ก็เป็นเรื่องอยากที่จะผลักดันนโยบายสำคัญได้ ขณะที่เรื่องขององค์ประชุมเมื่อก่อนตอนเป็นฝ่ายค้าน เคยบอกว่าที่องค์ประชุมไม่ครบไม่ใช่ความผิดของฝ่ายค้าน แต่เป็นเพราะรัฐบาลเสียงข้างมากไม่ให้ความสนใจ ดังนั้น เมื่อเรามาเป็นรัฐบาล จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำพูดได้ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการเป็นรัฐบาลจะต้องถูกตรวจสอบตลอดเวลา เป็นเรื่องธรรมชาติ ตอนที่เป็นฝ่ายค้านเราก็ทำหน้าที่ตรวจสอบเข้มแข็ง เมื่อได้มาเป็นรัฐบาล จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นเหมือนกัน เราไม่ปฏิเสธการตรวจสอบ เรามีหน้าที่ต้องเอาความจริงออกมาพูดกับทุกคน ไม่ใช่เป็นการทะเลาะ แต่เป็นการสร้างความจริง
กระเซ้า "ชวน" น้อยใจเรื่องโผ ครม.
"วันนี้ผู้นำต้องเสียสละ อย่ามัวไปทะเลาะกับคนอื่น การเสียสละเป็นการทำเพื่อให้มีโอกาสเข้าไปเป็นผู้นำ เพราะเมื่อเรามีหน้าที่เข้ามาบริหารประเทศก็ต้องมีความรับผิดชอบ เมื่อ ส.ส.หลายคนไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ก็อยากให้มีการสะท้อนปัญหาผ่านรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารประเทศเดินหน้าต่อไปได้ มีอะไรก็ขอให้บอก อย่าไปปรับทุกข์กับนักข่าวเพียงอย่างเดียว หากไปปรับทุกข์กับนักข่าวแล้วผมมาทราบภายหลัง การแก้ปัญหาก็จะยากขึ้น อย่างที่มีข่าวว่าท่านประธานสภาที่ปรึกษาฯน้อยใจผม เมื่อเช้าเจอหน้าก็เข้าไปกระซิบถาม แต่ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามผม แต่ผมเชื่อมั่นศรัทธาในวัฒนธรรมพรรคประชาธิปัตย์ และเราต้องทำให้ความศรัทธาของพรรคปรากฏต่อสายตาสาธารณะ ให้สมกับคุณค่าที่ประชาชนรอคอย" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย แต่ไม่ได้ ตอบคำถามของนายอภิสิทธิ์ ได้แต่นั่งหัวเราะ ทำให้ ส.ส. คนอื่นในห้องประชุมหัวเราะตามไปด้วย
"ชวน" เตือนลูกพรรคอย่าลิงโลด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ ได้กล่าวในการสัมมนาเตือนและให้กำลังใจสมาชิกพรรคและ ครม.ให้ทุกคนตั้งใจทำงาน โดยเฉพาะในช่วงที่เคยเป็นฝ่ายค้าน เคยว่าอะไรให้ใครก็จะถูกตรวจสอบกลับมา และเมื่อเราเป็นรัฐบาลเขาก็ต้องตรวจสอบ ที่พูดไม่ได้หมายความว่าให้เรากลับไปแก้แค้น แต่จงพิสูจน์ด้วยผลงาน เพราะไม่เช่นนั้นเราจะได้กลับมาเป็นฝ่ายค้านอีก อย่างไรก็ตาม นายชวนได้แสดงความเห็นใจ ส.ส.ที่พลาดหวังโดยกล่าวว่า ตนก็ไม่มีตำแหน่งเหมือนกัน แต่ไม่คิดที่จะลาออกจากประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ
"ขอให้ ส.ส.อย่ามัวดีใจไปจัดเลี้ยงฉลองการได้เป็นรัฐบาล ขอให้คำนึงถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไอ้นิสัยประเภทสั่งดอกไม้จากต่างประเทศให้เลิกสั่งได้แล้ว พวก ส.ส.ตัวเล็กที่ไปจัดเลี้ยงแล้วขึ้นเต้นบนเวทีก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พวก ส.ส.ตัวใหญ่ๆที่เป็นถึงรัฐมนตรีไม่เหมาะสมที่จะออกมาเต้น เพราะงานหนักกำลังรอเราอยู่ ผมเคยเป็นนายกฯมา 2 สมัย ก็ไม่เคยที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองเลย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวนได้เตรียมจัดทีมงานมาติวเข้มทุกขั้นตอนให้แก่รัฐมนตรีที่จะเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณในวันจันทร์ที่ 22 ธ.ค.นี้
ผลักดันนโยบาย 99 วันทำได้จริง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือเรื่องที่ได้รับปากประชาชนไว้คือนโยบาย 99 วันทำได้จริง เช่น เรื่องการดูแลผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพ เบี้ยอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และเรื่องเศรษฐกิจค่าครองชีพ การยกระดับฐานะประชาชนโดยเอาเงินอัดฉีดในระดับล่าง ซึ่งนายกฯได้บอกว่าพอเปิดปีใหม่หลังมีการประชุมอาเซียนเสร็จ ก็จะประชุมเรื่องงบกลางปีเลย เรามีตารางเวลาทำจึงต้องรีบทำ เมื่อถามว่า จะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้เมื่อไหร่ นายสุเทพตอบว่า เราคงรอนานไม่ได้ หลังปีใหม่ต้องทำหลายเรื่อง บางเรื่องก็ทำง่าย เช่น เรื่องผู้สูงอายุ การจัดเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ นักเรียนเรียนฟรี ส่วนอย่างอื่นต้องใช้เวลา เช่น การอัดฉีดเงินลงไปในหมู่บ้านต้องใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะนำไปจ้างงาน และนำไปใช้งานได้
ต้องมีการเปลี่ยนแปลง สตช.ให้ดีขึ้น
เมื่อถามว่า เป็นรองนายกฯที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีแนวคิดจะปฏิรูปโครงสร้างตำรวจหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ขอให้ได้รับตำแหน่งจริงก่อน สำหรับแนวคิดเรื่องงานตำรวจนั้นยังคิดไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ ตนคิดอย่าง เพื่อนในพรรคอาจจะคิดอีกอย่าง ดังนั้นต้องมาปรึกษากัน ที่สำคัญที่สุดคืออยากให้ตำรวจมีความเข้มแข็ง ไม่ใช่ไปรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ กทม. เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าตำรวจนครบาลจะขึ้นตรงกับ กทม. และมาบริหารเอง นายสุเทพตอบว่า มีรายละเอียดที่จะต้องพูดกัน แต่มีความเป็นไปได้ในลักษณะคล้ายๆแบบนี้เช่น ในแต่ละภูมิภาคสามารถที่จะดูแลกิจการตำรวจของเขาได้ภายในพื้นที่ เมื่อถามว่า จะสามารถสลายรัฐตำรวจได้อย่างไร นายสุเทพตอบว่า อยู่ที่การรวมเสียงข้างมาก แต่ก็จะลองทำ ในสังคมยุคปัจจุบันคนมีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างกันแม้จะไม่ใช่ตำรวจ ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราเปลี่ยนแปลงแล้วดีขึ้น
ไม่สลายม็อบ นปช.ไม่ใช้แก๊สน้ำตา
เมื่อถามว่ากลุ่มเสื้อแดงระบุว่าจะปิดล้อมรัฐสภาในวันแถลงนโยบายของรัฐบาล จะดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างไร นายสุเทพตอบว่า สิ่งแรกคือจะดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง ถ้าเขาไม่ให้เข้าก็ไม่เข้า แต่ถ้าเข้าได้ก็ต้องเข้าไป เพื่อทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ สิ่งที่สองคือพวกเราไม่คิดว่าจะเป็นเสื้อเหลืองเสื้อแดง ทุกคนเป็นประชาชน เรามีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ก็จะค่อยๆ พูดค่อยๆ คิดทำความเข้าใจกัน ยืนยันว่าจะไม่มีภาพการสลายการชุมนุม ไม่มีน้ำตาและไม่มีแก๊สน้ำตา ไม่มีน้ำตาให้ไหลกันอีกแล้วสำหรับพี่น้องประชาชน เพราะไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา
เชื่อว่า "นิพิฏฐ์" คงเข้าใจอะไรดีขึ้น
เมื่อถามว่าท่าทีความไม่พอใจของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ จะทำให้การทำงานของรัฐบาลต้องสะดุดตั้งแต่เริ่มต้นหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า การแสดงความคิดเห็นก็มีบ้าง เพียงแต่ไม่ได้แสดงในพรรค แต่ออกมาแสดงข้างนอกก็เลยดูขึงขังไปหน่อย แต่มาถึงวันนี้คิดว่าคงจะเรียบร้อย ยังไม่ได้เจอนายนิพิฏฐ์ แต่เชื่อว่าวันนี้นายนิพิฏฐ์คงเข้าใจอะไรดีขึ้น เมื่อถามว่าจะมีผลกระทบทำให้ความศรัทธาของรัฐบาลลดน้อยลงหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่เกี่ยว การที่รัฐบาลจะดีหรือไม่ดี อยู่ที่รัฐบาลจะทำงานได้ดีหรือไม่ดี เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ จะไม่เสียคนที่ทำงานหนักและมั่นคงต่อพรรค นายสุเทพตอบว่า ไม่เสีย พรรคประชาธิปัตย์ได้หล่อหลอมชีวิตจิตใจคนที่อยู่ในพรรคกันมานาน เราจึงเชื่อมั่นในระบบพรรคของเรา
ไม่เคยเห็นเงิน 80 ล้านบาทที่พูดถึง
เมื่อถามว่าตัวเลขเงิน 80 ล้านบาทที่นายนิพิฏฐ์พูดมีจริงหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่ทราบว่าเงินอะไร 80 ล้านบาท ไม่มี ไม่เคยเห็นตัวเลขเงิน คนในพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น เสียดายถ้านายนิพิฏฐ์พูดในที่ประชุมพรรคจะมีคนซักถามต่อ ซึ่งก็ไม่เป็นไร ถ้านายนิพิฏฐ์พูดว่ามีเงิน 80 ล้านบาทเกี่ยวข้อง จะไปถามนายนิพิฏฐ์ว่าเป็นเงินอะไร ต้องถามว่าเขาสงสัยตนหรือสงสัยใคร ถ้าสงสัยก็จะได้ชี้แจง เมื่อถามว่านายนิพิฏฐ์เรียกร้องให้นายวีระชัย วีระเมธีกุล ว่าที่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ออกมาแสดงตัวว่ามีที่มาอย่างไร นายสุเทพตอบว่า เราต้องแสดงตนอยู่แล้ว ที่จริงนายนิพิฏฐ์เรียกร้องผิด ต้องเรียกร้องตนหรือนายกฯ เพราะเป็นคนไปเชิญเขามา เมื่อถามว่านายวีระชัยได้แสดงความอึดอัดใจหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ได้โทรศัพท์ไปหานายวีระชัย แล้วบอกเขาว่าต้องอดทนนิดหน่อย เพราะเป็นครั้งหนึ่งในไม่กี่ครั้ง ที่จริงเราเคยเอาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ครั้งนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องอดทน ซึ่งนายวีระชัยก็ยังยืนยันที่จะรับตำแหน่ง
หากมีการซื้อขายตำแหน่งพร้อมลาออก
"ขอสาบานและกล้าพูดจาต่อหน้าเพื่อนร่วมพรรค และประชาชนทั้งประเทศว่า ไม่มีใครซื้อตำแหน่งได้ในพรรคประชาธิปัตย์ หากคนที่พูดยืนยันได้ก็พร้อมจะลาออกทันที แม้ไม่ต้องพิสูจน์ ขอเพียงแค่ออกมายืนยันว่ามีการขายตำแหน่ง จะออกจากทุกตำแหน่งรวมทั้งตำแหน่งเลขาธิการพรรคด้วย ทั้งนี้ไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลที่คนในพรรคออกมาพูด เพราะความจริงก็คือความจริง สามารถอธิบายได้ และคิดว่าที่นายนิพิฏฐ์ออกมาพูดเรื่องเงิน คงเป็นการตีความผิด และไม่คิดว่าจะมากล่าวหาเช่นนั้น การนำนายวีระชัยมาเป็นรัฐมนตรี เพราะเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะความรู้ เกี่ยวกับประเทศจีน เพราะเคยเป็นผู้จัดการธนาคารใหญ่ แห่งหนึ่งในประเทศจีน และเป็นคนที่มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษและภาษาจีนเป็นอย่างดี รวมถึงคนที่อยู่ในวงการธุรกิจที่สามารถประสานคนอื่นได้ ผมและหัวหน้าพรรครู้จักนายวีระชัยมาเป็น 10 ปี คิดว่าคนอย่างนี้ควรนำมาช่วยหัวหน้าพรรค และช่วยงานในพรรคประชาธิปัตย์" นายสุเทพกล่าว
ต้องยึดหลักธรรมาภิบาลและซื่อสัตย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้อย่างไรว่ากลุ่มต่างๆ จะไม่เข้ามาแสวงหาประโยชน์ นายสุเทพตอบว่า รัฐบาลต้องยึดหลักธรรมาภิบาล เรารู้ดีว่าปัญหาใหญ่คือ เรื่องทุจริตคอรัปชัน ที่ทำให้รัฐบาลเสียศรัทธา นายกฯ จะดูแลและกวดขันเรื่องนี้เป็นพิเศษ และจะร่วมมือกับนายกฯ เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมที่จะให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ นายสุเทพตอบว่า ไม่น่าห่วง ไม่น่ากลัว จริงๆ ถ้าเราได้ฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง จะทำให้ฝ่ายรัฐบาลทำงานด้วยความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ส่วนจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลใหม่นั้น ยินดี เพราะทำการบ้านไว้แล้ว
"จุรินทร์" ปลอบใจคนอกหัก รมต.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ รอง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ส.ส.หลายคนในพรรคผิดหวังตำแหน่งรัฐมนตรี และออกมาเปิดเผยข้อมูลทำลายพรรคว่า เชื่อว่าทุกอย่างจะจบกันด้วยดี ขอเรียนว่าเห็นใจเพื่อนหลายคนที่มีคุณสมบัติ และมีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ไม่มีโอกาส คิดว่าในโอกาสหน้าถึงเวลาที่มีการจัดรัฐบาล ก็ควรให้โอกาสแก่เพื่อนเหล่านั้นได้เข้ามาทำหน้าที่บ้าง ความจริงคราวนี้หลายท่านก็มีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ได้ แต่ที่นั่งมีจำนวนจำกัด และเชื่อว่าสถานการณ์ที่หลายท่านเป็นห่วงก็คงมีแนวโน้มไปในทางที่ดี เพราะมั่นใจทุกคนที่อยู่ในพรรคล้วนแล้วแต่ ปรารถนาดีต่อพรรคและรักพรรค อุดมการณ์ตรงนี้จะเป็นจุดสำคัญ ที่จะนำไปสู่แนวโน้มทุกอย่างจะดีขึ้น
ปัดไม่รู้เรื่องเงินบริจาค 80 ล้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคจะดูภาพลักษณ์อย่างไรในกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ระบุว่านายวีระชัย ธีระเมธีกุล ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ บริจาคเงิน 80 ล้านบาทให้พรรค เพื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรี นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่มีข้อมูลตรงนี้ ต้องไปถามนายนิพิฏฐ์ แต่เชื่อว่านายนิพิฎฐ์เป็นคนที่มีอุดมการณ์ เคยเป็นเลขาฯรัฐมนตรีของตนด้วย เราทำงานด้วยกันทราบดีว่านายนิพิฎฐ์ เป็นคนดี และเป็นคนมีคุณภาพ และวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่สอดคล้อง ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือว่ามีการปรับ ครม. นายนิพิฏฐ์ก็เป็นผู้หนึ่งที่จะได้รับโอกาส ส่วนจะเป็นช่วงเวลาไหนนั้นต้องถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค
โยนหัวหน้า-เลขาฯ พรรคชี้แจง ครม.
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ส่วนภาพความขัดแย้งในพรรคทุกอย่างจะมีแนวโน้มที่ดี มันจะเป็นไปในตัวของมันเองตามธรรมชาติ เพราะว่าทุกคนรักพรรค มีอุดมการณ์ อันนี้จะเป็นยาขนานวิเศษที่จะเยียวยาความรู้สึกไม่สบายใจและภาพที่ออกไป และเชื่อว่าหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคจะออกมาทำความเข้าใจกับผู้ที่ผิดหวัง ตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคที่มีมติให้ชี้แจง เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาลอย่างไม่ ชอบธรรม นายจุรินทร์ตอบว่า ประเด็นนี้รัฐบาลที่ได้มานั้นมาจากความชอบธรรมตามวิถีทางประชาธิปไตย เพราะเป็นการร่วมเสียงข้างมากในสภา และตัวนายกรัฐมนตรีก็ได้จากการลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเหมือนกับรัฐบาล 2-3 ชุดที่ผ่านมา
ยอมรับ ครม.ขี้เหร่แต่ไม่ถูกครอบงำ
ผู้สื่อข่าวถามถึง ครม.ชุดนี้ที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าขี้เหร่ นายจุรินทร์ตอบว่า ต้องยอมรับความจริงก็มีเสียงสะท้อนที่ยอมรับได้และไม่ได้ แต่นายกฯ ก็ชี้แจงไปแล้ว บางครั้งการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ดังใจเรา 100% ซึ่งประชาชนมีสิทธิ์แสดงความรู้สึก แต่เราในฐานะผู้จัดตั้งรัฐบาลบางครั้งไม่ได้ดังใจ แต่ทำไม่ได้เพราะมีข้อจำกัดทางด้านการเมือง เมื่อถามว่า จะถูกครอบงำอย่างเช่นปลัดกระทรวงกลาโหมระบุไว้หรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่คิดว่านายกฯ จะถูกครอบงำได้ ท่านก็เป็นตัวของตัวเอง และมีศักยภาพที่จะบริหารประเทศได้ เมื่อถามว่า จะรับมืออย่างไรกับการจองกฐินอภิปรายที่มาของ รมว.ต่างประเทศและ รมว.กลาโหม นายจุรินทร์ตอบว่า เป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงในสภา คิดว่าฝ่ายค้านที่จะแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล ไม่เว้นแม้ตัวบุคคล เราก็มีสิทธิชี้แจงในฐานะรัฐบาล ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามวิถีทางรัฐสภาไปพูดกันในที่ประชุมไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงไม่ไปสัมมนา ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ หัวข้อ "เชื่อมั่นประเทศ ไทย มั่นใจประชาธิปัตย์" ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายจุรินทร์ตอบว่า ต้องทำนโยบายรัฐบาล เมื่อถามว่าซีก ส.ส.ของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค ไม่มีใครไปเกาะสมุยเลย นายจุรินทร์ไม่ตอบคำถาม แต่ทำหน้าเจื่อนๆ ได้แต่หัวเราะและก็เดินจากไป
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก![]()






