ไฮไฟว์มรณะ หึงลวงยิงทิ้งรวบได้ 3 อดีตเดนคุก



ไฮไฟว์มรณะ หึงลวงยิงทิ้งรวบได้3 อดีตเดนคุก (ไทยรัฐ)

          วานนี้ (6 มีนาคม) ตำรวจ จ.นครปฐม ร่วมกันแถลงจับกุม 3 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหรือหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นและยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน 

          ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ประกอบด้วยนายสุรศักดิ์ หรือเอ็ม โพธาลู อายุ 21 ปี นายสันต์ชัย หรืออ็อด ช่อจำปา อายุ 19 ปี และนายกิตติพงษ์ หรือแบงค์ อยู่คง อายุ 21 ปี พร้อมด้วยของกลางปืน .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน .38 จำนวน 6 นัด รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีขาว ทะเบียนป้ายแดง 1 คัน รถกระบะโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน บพ 7478 สุพรรณบุรี และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง หลังทั้งหมดร่วมกันฆ่านายวัชรพล ปานวิลัย อายุ 29 ปี เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริเวณถนนสายบางเลน-บางหลวง จ.นครปฐม 

          พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากช่วงก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 อาทิตย์ นายกิตติพงษ์ 1 ในผู้ต้องหาจับได้ว่า น.ส.มณประภา หรือบัส พวงมาลี อายุ 21 ปี ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและมีลูกด้วยกัน 1 คนได้เล่นอินเตอร์เน็ตทางเว็บไซต์ไฮไฟว์และแอบติดต่อรู้จักกับนายวัชรพล ผู้ตาย ซึ่งทำงานเป็นช่างคอมพิวเตอร์ และเป็นคนขับรถให้เจ้าอาวาสวัดพระประโทนเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม รวมทั้งยังเป็นอาสาสมัครให้กับมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ อ.เมืองนครปฐม โดยแลกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันจนสนิทสนม แต่ยังไม่เคยนัดเจอกันมาก่อน ด้วยความหึงหวงนายกิตติพงษ์ จึงวางแผนฆ่านายวัชรพล โดยออกอุบายลวงให้ น.ส.มณประภาโทรศัพท์นัดให้นายวัชรพลมาเจอกันครั้งแรก

          ผบช.ภ.7 กล่าวว่า จากนั้นนายกิตติพงษ์ได้ติดต่อนายสุรศักดิ์ ผู้ต้องหาอีกคนทำหน้าที่เป็นมือปืน และให้นายสันต์ชัยเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์โดยทั้ง 3 คนรู้จักกันเมื่อครั้งถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจฯด้วยกัน โดยนายสุรศักดิ์เคยต้องโทษคดีฆ่าคนตายมาแล้วเมื่อปี 2547 ขณะอายุเพียง 17 ปี ส่วนนายสันต์ชัยเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์ ขณะที่นายกิตติพงษ์เคยก่อคดีถึง 7 คดีคือร่วมกันพยายามฆ่า ปล้นทรัพย์ ลักทรัพย์ คดีอาวุธปืน และคดีครอบครองยาบ้า โดยออกจากสถานพินิจฯพร้อมกันเมื่อปี 2551 กระทั่งก่อนเกิดเหตุนายกิตติพงษ์ได้พา น.ส.มณประภานั่งรถกระบะออกจากบ้าน และบังคับให้ โทรศัพท์ติดต่อนายวัชรพลมาพบตามจุดนัดหมาย โดยสอบถามรูปพรรณ ลักษณะการแต่งกาย มาคนเดียวหรือมีเพื่อนมาด้วย 

          เมื่อรู้ว่านายวัชรพลขี่รถจักรยานยนต์มากับเพื่อนอีกคนคือนายสมโรจน์ ทองเพิ่ม อายุ 41 ปี อาชีพขี่รถ จยย.รับจ้างอยู่หน้าห้างบิ๊กซีฯ สาขานครปฐม จึงโทรศัพท์ติดต่อให้ นายสันต์ชัยขี่รถ จยย.พานายสุรศักดิ์ มือปืน ประกบยิงทันที กระสุนถูกหน้าอกและหัวไหล่นายวัชรพลกระเด็นตกรถเสียชีวิตคาที่ ส่วนนายสาโรจน์ถูกยิงที่แขน 2 ข้าง แต่แกล้งตายเลยรอดชีวิตมาได้ หลังเกิดเหตุนายสันต์ชัยกับนายสุรศักดิ์นำปืนที่ก่อเหตุไปคืนนายกิตติพงษ์ พร้อมกับรับเงินค่าจ้าง 1,500 บาท แล้วพากันหลบหนีไป หลังเกิดเหตุได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จ.นครปฐม ประสานกับตำรวจท้องที่ร่วมคลี่คลายคดี

          พล.ต.ท.ถวิล กล่าวต่ออีกว่า ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์พบว่าผู้ตายติดต่อกับ น.ส.มณประภา โดยเชื่อว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากเรื่องชู้สาว ชุดสืบสวนเฝ้าดูพฤติกรรมจนทราบว่า น.ส.มณประภาอยู่กินกับนายกิตติพงษ์ สามีซึ่งมีประวัติเคยต้องโทษหลายคดี จึงนำตัวนายกิตติพงษ์มาสอบสวนที่ ภ.จ.นครปฐม หลังถูกสอบเค้นอย่างหนัก นายกิตติพงษ์ยอมรับสารภาพว่า ร่วมกับผู้ต้องหาอีก 2 คน ฆ่านายวัชรพล โดยมีสาเหตุจากความหึงหวงที่ผู้ตายแอบติดต่อกับเมียทางอินเตอร์เน็ต จากนั้นพาไปเอาปืนซึ่งได้ให้เมียนำไปซ่อนไว้ในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอหมายศาลเข้าจับกุมนายสุรศักดิ์ และนายสันต์ชัย และตามยึดของกลางมาได้ ส่วน น.ส.มณประภา เมียนายกิตติพงษ์ จากการสอบสวนพบว่า มีส่วนรู้เห็นด้วยแม้จะถูกผัวบังคับ แต่ก็เป็นคนนำปืนไปเก็บซ่อนไว้ คุมตัวไว้ดำเนินคดีอีกคน



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

 
 


 
 

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไฮไฟว์มรณะ หึงลวงยิงทิ้งรวบได้ 3 อดีตเดนคุก อัปเดตล่าสุด 7 มีนาคม 2552 เวลา 17:10:11 21,306 อ่าน
TOP
x close