
แลบัวบาน ส่องนกน้ำ ที่ทะเลน้อย (เดลินิวส์)
หากพูดถึง "ทะเลน้อย" หลายคนอาจนึกไปไกลว่ามีลักษณะทางกายภาพเหมือนทะเลบางแสน ชะอำ หรือพัทยา เป็นแน่ แต่รู้หรือไม่ว่า "ทะเลน้อย" ที่ "เดลินิวส์ ไกด์" กำลังพูดถึงอยู่นี้คือ ทะเลสาบ
เคยฝันเหมือนกันไหม.... ว่าครั้งหนึ่ง อยากทำตัวเป็นนางเอกมิวสิควีดีโอ นั่งเรือล่องกลางบึงใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นับล้านดอก ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบาย แต่เมื่อหน้าตาไม่ผ่าน ขอแค่กิจกรรมคล้ายๆ กันกับในฝันนิดหน่อยก็ยังดี
ความฝันพลันเป็นจริงเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากได้รับคำเชิญจากจังหวัดพัทลุง ไปร่วมงานแถลงข่าว "วิวาห์ล้านบัว" และ "ล่องเรือ แลนก ทะเลน้อย" บวกกับอยากทำฝันให้เป็นจริง การเตรียมตัวก็ดูจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ แม้ว่าจะต้องออกเดินทางกลางคืน บนรถตู้ที่หลับนอนไม่สบายเหมือนเตียงนุ่มๆที่บ้าน แต่ด้วยความอยากที่ไม่มีอะไรมาขวางกัน ทำให้เช้าวันรุ่งขึ้น เราได้เห็นพระอาทิตย์ดวงเดิม ดวงเดียวกัน ที่ จ.พัทลุง
ก้าวลงจากรถตู้ในเวลาประมาณ 08.00 น. แดดเริ่มร้อนแรง แล้วจะมัวช้าอยู่ใย หลังจากแปรงฟัน ล้างหน้า ทานกาแฟเพิ่มพลังกันแล้ว ก็รีบจับจองลงเรือหางยาวกันทันที เพื่อไปล่องดูความสวยงามของทะเลน้อยยามเช้า
สำหรับทะเลน้อยแห่งนี้ ได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 เป็นทะเลสาบน้ำจืด มีพื้นที่ประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร มีความลึกเฉลี่ย 1.5 เมตร ตั้งอยู่ในตำบลนางตุงและตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง มีคลองนางเรียมยาว 2 กิโลเมตรเชื่อมระหว่างทะเลน้อย กับทะเลสาบสงขลา

เรือหางยาว 4 - 5 ลำ ทยอยออกจากท่าเรือมาได้สักระยะ ก็เริ่มพบกับดงบัวสายสีชมพูสดบานสะพรั่งเต็มผืนน้ำ พระอาทิตย์ดวงกลมโตสาดแสงเปรี้ยงเข้าให้กลางลำเรือ ไม่รู้จะหลบไปทางไหน ทำได้แค่เพียงนำหมวกมาปิดอำพรางใบหน้าขาวใสไว้เท่านั้น ก่อนที่มันจะดำเกรียมจนไม่น่ามอง
แต่ด้วยความที่ได้รับเกียรติให้เป็นหญิงเหล็กแห่งปี งานนี้จะมานั่งโอดครวญเห็นจะไม่ได้ สองมือหยิบกล้องขึ้นมาบรรจงถ่ายภาพความสวยงามของดอกบัวที่บานสะพรั่ง ปากก็พยายามถามนายท้ายไปตลอดทางว่าต้นนั้นเรียกว่า ต้นนี้เรียกว่า แต่ท่าทางจะเสียงเบาและเล็กไปหน่อย เลยได้แต่ความเงียบสงัดและเสียงเร่งเครื่องเรือกลับมาเป็นคำตอบ
นอกจากทุ่งดอกบัวแล้ว เราจะได้เห็นนกน้ำนานาชนิดที่อพยพหนีหนาวมาจากต่างแดน ทั้งนกเป็ดน้ำ นกกาบบัว นกกระทุง นกกาน้ำ นกนางนวล นกตีนเทียน นกกวัก นกกะปูด ฯลฯ ส่วนหนึ่งในนกกว่า 200 สายพันธุ์ทั้งที่เป็นนกประจำถิ่นและนกพลัดถิ่น
ระหว่างทางเพื่อนร่วมเรือลำเดียวกัน ผู้แสนซนและสงสัยในทุกสิ่ง ดันเหลือบไปเห็นต้นไม้น้ำชนิดหนึ่ง มีดอกสีเหลืองทอง มีลำต้นคล้ายถั่วงอก ก็เกิดความสงสัยว่าเจ้าต้นนี้ คือต้นอะไร เมื่อถามนายท้ายที่ตั้งหน้าตั้งตาขับเรืออย่างจริงจัง ก็ได้รับคำตอบว่า มันคือต้น "กระจูดหนู" พืชน้ำชนิดหนึ่ง เป็นอาหารของนกอีโก้งและปลาบางชนิด
ล่องผ่านดงสายบัว ดงกระจูด หญ้าน้ำกก ปรือ และ กง มาสักระยะ เราจะล่องเรือเข้าผ่านร่องน้ำเล็กๆ บริเวณนี้เองทำให้ทราบว่า วิถีชีวิตของคนที่ทะเลน้อยแห่งนี้คือ การหาปลา เนื่องจากเราจะเห็น "ยอยักษ์" หรือ ยอขนาดใหญ่ยักษ์ อยู่หลายจุด ก่อนที่จะทะลุมาถึงทุ่งหญ้าอีกฝั่งหนึ่ง และจุดนี้เอง เราจะเห็นฝูงนกนับร้อย รวมถึงฝูงควายน้ำอยู่ไกลริบๆ

สำหรับฝูง "ควายน้ำ" นั้น เดิมเป็นควายบ้านที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงไว้ แต่ด้วยความที่เลี้ยงตามยถากรรม ทำให้มีการขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น และมีมากจนกลายเป็นเหมือนควายป่าไปแล้ว
นอกจากนี้ "ควายน้ำ" ยังมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนควายธรรมดาคือ ในช่วงฤดูน้ำหลากแม่ควายจะให้ลูกควายเอาคางเกยหลังว่ายน้ำไปยังที่ต่างๆ นอกจากนี้วิธีการหาอาหารก็ยังต่างออกไปอีกด้วย คือ ควายตัวโตสามารถดำน้ำ โดยใช้ขาหลังชี้ขึ้นฟ้า ส่วนหัวดำลงไปใต้น้ำเพื่อหาหญ้ากิน ส่วนลูกควายก็แสดงความซนด้วยการดำน้ำลงไปทั้งตัวเพื่อหาหญ้าใต้น้ำกิน ซึ่งการดำน้ำในแต่ละครั้งลูกควายสามารถทำได้ค่อนข้างนาน
จากนั้นนายท้ายได้พาเราล่องเรือไปยังแหลมดิน มีลักษณะเป็นดินดอน นักท่องเที่ยวสามารถเดินลงจากเรือ ไปสัมผัสความสวยงามของทัศนียภาพรอบๆได้อย่างสบาย อีกทั้งบริเวณแหลมดินแหล่งนี้เป็นจุดดูนกน้ำและนกชายเลนได้เป็นอย่างดี มีนกเด่นๆ เช่น นกตีนเทียน นกช้อนหอยขาว นกหัวโตหลังจุดสีทอง และ นกแอ่นทุ่งใหญ่ เป็นต้น ถ้าโชคดีอาจได้พบนกกาบบัว หรือ นกตะกรุม เดินหากินอยู่บ้างก็ได้
ดูนาฬิกาอีกครั้ง เพราะรู้สึกว่าแดดเริ่มร้อน หน้าเริ่มมืด โห!!!เกือบ 2 ชั่วโมงแล้วหรือนี่ ล่องกันซะเพลิน เห็นทีจะได้เวลากลับขึ้นฝั่ง เพื่อไปอาบน้ำชำระเหงื่อไคล เพิ่มความชุ่มฉ่ำให้ร่างกายสักหน่อย ซึ่งระหว่างทางกลับขึ้นฝั่งนั้น หากใครอิ่มกับความสวยงามของผืนน้ำอันกว้างใหญ่ของทะเลน้อยแห่งนี้แล้ว จะพักสายตาเอาแรงก็ไม่ว่ากัน

การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทางคือ 1. ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ถ.เพชรเกษม) ถึงจังหวัดชุมพรที่สี่แยกปฐมพร แยกเข้าจังหวัดระนอง - พังงา - กระบี่ - ตรัง - พัทลุง และเส้นทางที่ 2 เมื่อมาถึงชุมพร เข้าทางหลวงหมายเลข 41(สายเอเชีย) จนถึงจังหวัดพัทลุงใช้เส้นทางหลวงสาย 4048 ผ่านอำเภอควนขนุน ตลาดปากคลอง สุดปลายทางที่ทะเลน้อย เป็นระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร
ข้อปฏิบัติในการเที่ยวทะเลน้อย
1.ศึกษาข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับนกน้ำและธรรมชาติของทะเลน้อยล่วงหน้า
2.ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของกรมป่าไม้
3.ลงเรือด้วยความระมัดระวัง และพยายามนั่งให้น้ำหนักของผู้โดยสารกระจายอยู่กลางๆลำเรือ ขณะเรือแล่นไม่ควรยื่นมือหรือเท้าออกไปนอกเรือ หรือ ทำให้เรือเสียการทรงตัว
4.ขยะทุกชิ้นควรนำกลับมาทิ้งในถังขยะบนฝั่ง ถ้าพบขยะกรุณาเก็บมาทิ้งด้วย
5.ไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนขณะชมธรรมชาติ
6.ไม่เก็บดอกไม้ หรือ ทำลายพืชพันธุ์ตามธรรมชาติที่ปรากฏตามทางศึกษาธรรมชาติ
ติดต่อสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวทะเลน้อยได้ที่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย โทร.0 7468 5230 สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าทะเลน้อย โทร.0 7468 5599 และ ททท.สำนักงานภาคใต้ เขต 2 โทร.0 7434 6514-6
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก![]()
โดย : แสนดี
ภาพ :นายโรตี






