
บัวแก้วยกเลิกหนังสือเดินทางแม้ว หลังเสื้อแดงล่มประชุมอาเซียน (ข่าวสด)
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 15 เมษายน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการยึดพาสปอร์ตของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศที่ว่าด้วยการถอนพาสปอร์ตที่มีระเบียบในปี 2548 ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ว่ารัฐบาลสามารถที่จะยกเลิกและถอนหนังสือเดินทางสำหรับบุคคลที่ทำความเสียหายให้กับประเทศ โดยเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่พัทยา ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลตัดสินใจถอนพาสปอร์ตพ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนรายละเอียดทางกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ชี้แจง
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางของไทยไปยังประเทศที่ 3 แล้ว หากจะเดินทางทำได้เพียงกลับประเทศไทยเท่านั้น ทั้งนี้ หากอดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวและใช้หนังสือเดินทางไทยไปประเทศอื่นก็จะถูกปฏิเสธเข้าประเทศและจะถูกส่งกลับมายังประเทศต้นทาง
อย่างไรก็ตาม หากอดีตนายกรัฐมนตรีมีหนังสือเดินทางของประเทศอื่นตามที่เคยปรากฏเป็นกระแสข่าวก็ยังสามารถเดินทางไปประเทศอื่นได้ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศไม่มีข้อมูลว่าพ.ต.ท.ทักษิณถือหนังสือเดินทางของประเทศอื่นหรือไม่อย่างไร
อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงเช้าวันนี้ รายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 อสมท รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวสกายนิวส์ ของประเทศอังกฤษ ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยุติปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศไทย เนื่องจากเกรงว่าทหารและรัฐบาลจะฆ่าประชาชนมากกว่านี้ แต่มีการปกปิดข่าวสารทุกอย่าง รัฐบาลอ้างว่าใช้กระสุนปลอม กระสุนเปล่า แต่ในที่สุดก็ยิงเข้าไปในหัวใจของประชาชน
วันเดียวกัน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเทเลกราฟ ของประเทศอังกฤษ ในล็อบบี้ในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองดูไบ ว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกจับกุมทั้งหมด มิฉะนั้นจะเกิดความรุนแรงตามมามากกว่านี้ รัฐบาลไทยควรหาทางสมานฉันท์กับกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ใช่จับขังเช่นนี้ ต้องพูดคุยกัน ไม่ใช่จับขังเข้าคุก
"รุนแรงมาก็จะเกิดความรุนแรงตามมาแน่นอน หากคุณคิดว่าจะใช้อำนาจกดขี่ประชาชนก็อย่าคิดว่าพวกเขาจะเงียบ" อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า ตนไม่ได้สั่งการให้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามอบตัว เพียงแต่เตือนให้แกนนำระวังตัวหลังเกิดเหตุปะทะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า การประท้วงที่ยุติลง ไม่ได้เป็นการพ่ายแพ้ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ปลุกปั่น บงการผู้ประท้วง แค่ให้การสนับสนุนเท่านั้น เพราะหากตนจะต่อสู้จริงๆ ก็จะไม่ใช้วิธีการต่อสู้เช่นนี้ เนื่องจาก มีกลยุทธ์มากกกว่านี้
"ตำรวจบอกผู้ประท้วงว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ศพ และทหารนำศพไป เป็นความโหดร้ายมาก แต่ก็สบายใจขึ้นที่จะไม่มีการตายเกิดขึ้นอีก ยอมรับว่าเสียใจมากต่อสิ่งที่เกิดขึ้น" อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวและว่า หากคิดว่าการเล่นงานกลุ่มเสื้อแดงเป็นการเล่นงานตนเองได้ แต่หากไม่มีความสมานฉันท์ประเทศจะแตกหักมากกว่านี้

ทางด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (15 เมษายน) ว่า สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค (NHK) ของญี่ปุ่นรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์โดยทั่วไปในกรุงเทพฯ กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว โดยรถไฟและห้างสรรพสินค้าต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการเหมือนเดิม ขณะที่ศาลอาญาออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งแกนนำการชุมนุมประท้วง
อย่างไรก็ตาม เอ็นเอชเค คาดว่า ไทยยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองอีกต่อไป เนื่องจากลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลประกาศจะกลับมารวมตัวประท้วงอีกครั้ง
ด้านสถานีข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานว่า เหตุชุมนุมประท้วงในกรุงเทพฯ ได้ยุติลงแล้ว แต่บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ต่อไป ขึ้นอยู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เข้าถึงประชาชนโดยรวม และพยายามสมานความแตกแยกระหว่างประชาชน 2 กลุ่ม คือ เสื้อเหลืองกับเสื้อแดง
ขณะที่สำนักข่าวอัล-ญาซีเราะห์ แห่งโลกอาหรับ รายงานคำกล่าวของนายอภิสิทธิ์ว่า กองทัพรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงอย่างละมุนละม่อม และยินดีที่แกนนำเสื้อแดงยุติการชุมนุม แต่อีกด้านรายงานคำกล่าวของนายสุพร อัตถาวงศ์ว่า พวกเขายังไม่เลิกต่อสู้ง่ายๆ การยุติในครั้งนี้ เป็นเพียงการถอยกลับมาตั้งหลักเพื่อต่อสู้เท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก







