
หลายบทเพลงกระตุ้นคนไทยสมานฉันท์ (คมชัดลึก)
ในยุคที่บ้านเมืองแตกแยกทางความคิด ผู้คนพากันแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เลือกข้างตามแนวทางของตนเอง ในเส้นทางของคนบันเทิง โดยเฉพาะศิลปิน นักร้อง นักดนตรี สิ่งหนึ่งที่สะท้อนออกมาได้นั่น คือ บทเพลงรณรงค์ และสะท้อนความคิดเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมือง ณ ขณะนั้น
บทเพลงที่สะท้อนสถานการณ์เหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในยุคใดยุคหนึ่ง แต่มีการสร้างสรรค์กันมาตามยุคสมัยในแต่ละช่วงเวลาอันสำคัญ ฉะนั้นผู้คนจึงมักได้ยินบทเพลงประเภทปลุกใจเหล่านี้ถูกเปิดผ่านทางรายการวิทยุ และทีวีอยู่เนืองๆ เฉกเช่นในช่วงเวลานี้ที่มักได้ยินบทเพลงที่สื่อถึงการสมานฉันท์ สามัคคี ออกมาอย่างต่อเนื่อง
เพลงแรกที่อยากจะกล่าวถึง นั่นคือเพลง "ของขวัญจากก้อนดิน" ฝีมือการแต่งโดย "ดี้" นิติพงษ์ ห่อนาค และเรียบเรียงโดย สราวุธ เลิศปัญญานุช ผ่านการร้องของ "เบิร์ด" ธงไชย แมคอินไตย์
แม้เพลงนี้จะได้รับการแต่งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 แต่ด้วยเนื้อหาของเพลงได้สื่อถึงการรู้รักสามัคคี โดยเฉพาะท่อนที่ว่า "หากจะหาของขวัญให้พ่อสักกล่อง เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม บวกกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา..." ทำให้เหมาะสมกับช่วงเวลานี้อย่างยิ่ง
อีกเพลงหนึ่งที่แม้จะเป็นเพลงปลุกใจที่ใช้กันมาเนิ่นนาน แต่สามารถสะท้อนภาพได้อย่างดี ก็คือเพลง "รักกันไว้เถิด" จากฝีมือการแต่งและขับร้องของ นคร ถนอมทรัพย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกนักร้องรุ่นใหม่ๆ นำไปร้องกันอีกหลายครั้ง ซึ่งเพลงนี้ไม่ต้องถาม...เชื่อว่าใครๆ ก็ร้องได้
มาที่เพลงร่วมสมัยที่สื่อถึงความสมานสามัคคี เพลง "สามัคคีประเทศไทย" ผลงานของวงคาราบาว ซึ่งแต่งขึ้นในช่วงสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ของไทย แต่หากพูดถึงเนื้อหาแล้วก็เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนี้
"มีความทรงจำดีๆ มีความสุขที่ใดๆ จงบอกใครๆ ว่านี่คือแผ่นดินนี้ แผ่นดินอันเป็นตำนาน ผู้คนมียิ้มพิมพ์ใจ จงบอกเขาไป ว่านี่คือแผ่นดินไทย บางทีก็เหน็บหนาว บางครั้งก็ปวดร้าว แต่เราไม่ท้อ ขอยืนสู้เพื่อวันใหม่ วันที่ใกล้มาถึง คือวันอันสดใส...เรามีตะวันดวงเดียว ไม่มีพระจันทร์ดวงใด สว่างสดใส เท่าเรามองจากมุมนี้ มุมที่มีใจแห่งรัก แห่งความเมตตาอารี พวกเราน้องพี่ สามัคคีประเทศไทย ไทยแลนด์ ไทยแลนด์ ไทยแลนด์"
โดยนอกจากเพลงสามัคคีประเทศไทยแล้ว ในช่วงเวลาใกล้กัน คาราบาวยังทำเพลงชื่อ "ขวานไทยใจหนึ่งเดียว" ที่มีเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันออกมาอีกด้วย เนื้อหาที่กินใจดั่งเช่น "ขวานนี้มีมาก่อนเราเกิด คือสิ่งประเสริฐที่มีบ้านเป็นของตน จะแยกไปทำไมไร้เหตุผล เราล้วนเป็นคนเป็นประชาชนไทย แผ่นดินยามมีคนคอยยุแหย่ ระส่ำย่ำแย่บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ถึงเวลาต้องร่วมแรงร่วมใจ ช่วยตักน้ำมาดับไฟด้วยหัวใจสามัคคี แถบธงแดงขาวน้ำเงิน จงโบกนำความเจริญสู่พี่น้องผองไทย ให้โลกรับรู้ว่าเราคือใคร ขวานเอยขวานไทยดวงใจเป็นหนึ่งเดียว" น่าจะทำให้คนไทยหลายคนกลับมาหวงแหนและรักกันมากขึ้น
หากพูดถึงอีกหนึ่งผลงานของ "ดี้" นิติพงษ์ ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกในภาวะบ้านเมืองไม่ปกติ ต้องพูดถึงเพลงที่ชื่อ "พรุ่งนี้ ต้องดีกว่า" ซึ่งขับร้องโดย "เบิร์ด" ธงไชย "ตู" นันทิดา "แอม" เสาวลักษณ์ ใหม่ มาช่า "นัท" มีเรีย ไมค์ ต่าย พั้นช์ แบงค์ วงแคลช ผ่านการแต่งทำนอง-เรียบเรียง โดย อภิไชย เย็นพูนสุข วรวิทย์ พิกุลทอง
เพลงนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ขอความร่วมมือจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) แต่งขึ้น เพื่อสร้างความสามัคคีในสังคม ในช่วงเดือนตุลาคม 2549 เพื่อแจกจ่ายให้สถานีโทรทัศน์และวิทยุทุกแห่งเผยแพร่
"เมื่อพายุผ่านไป ทุกอย่างก็สดใสขึ้นมา เมฆที่ครื้มบนฟ้าถึงวันต้องจางหาย ที่เคยอึมครึมมานาน ก็เป็นวันวานให้ลืมไป ได้มีรอยยิ้ม อีกครั้งในใจของเรา คนที่คิดต่างกัน ก็จับมือกันเพื่อวันใหม่ มีความทุกข์ที่ไหนทุกคนช่วยแบ่งเบา ทุกคนก็คือพี่น้อง อยู่ในชายคาของบ้านเรา แผ่นดินเดียวกัน ไม่ใช่คนอื่นคนไกล พรุ่งนี้ ต้องดีกว่า ถ้าเรารวมใจกัน ร่องรอยเรื่องจากเมื่อวาน เลิกแล้วลืมมันไป ให้รู้รักสามัคคี พี่น้องเราคนไทย ต่างกัน ไม่เป็นไร หากใจคิดดี" นี่แหละเนื้อหาของเพลง
ส่วนถ้าพูดถึงเพลงสมานสามัคคีที่ถูกใจและปลุกใจขาโจ๋ได้มากโขล่ะก็ ต้องเป็นเพลงร่วมสมัยอย่างเพลง "รัก" ของวง "บิ๊กแอสส์" ที่ตั้งใจแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ดั่งเนื้อหาที่ว่า
"เห็นใครก็บ่นเกิดอะไรกับคนไทย ที่เคยรักกันก็บึ้งก็ตึงไม่เข้าใจ รอยยิ้มที่ว่าเคยงดงาม แต่ก็เหมือนจะจางจะลบเลือนไป... แม้ใครๆ จะบ่น ฉันก็ยังคงภูมิใจ เกิดมาทั้งที่มีบ้านเกิดคือประเทศไทย แผ่นดินที่อุดมร่มเย็นและมีคนให้คอยเป็นห่วงเป็นใย ยังไงก็ช่างฉันขอรักเธอต่อไป หมดทั้งหัวใจจะทำเพื่อเธอ ยังไงก็ช่างฉันขอให้จำเอาไว้ จะนานเท่าไหร่จะรักแต่เธอ ถึงแม้ใครโกรธกันรู้ไว้เลยว่าฉันรักเธอ"
เพลงที่ฟังแล้วกินใจในสภาวะบ้านเมืองเช่นนี้อีกเพลงหนึ่ง นั่นคือเพลง "ตื่นเถิดชาวยุทธ์" ของวงพีทูวอร์ชิพ วงอินดี้ที่มักแต่งเพลงที่มีเนื้อหาแฝงปรัชญาให้คิดเสมอ ดังเพลงนี้ก็เช่นกัน ลองไปดูเนื้อเพลงก็จะรู้คำตอบ
"ศัตรูแท้จริงใช่อยู่ที่ไหน แฝงตัวอยู่ในหัวใจส่วนลึกของเราทั้งนั้น แก่งแย่งแล้วคอยจะแตกแยกกัน คล้ายเราปล่อยให้พวกมารเข้ามาเพ่นพ่านในใจ คนแต่ละพรรคอันที่จริงพวกเดียวกัน แล้วทำไมไม่ลองคลายทุกข์ให้ความรักในหัวใจ ให้ส่งเสียงลอยไป เหมือนกิ่งไม้ที่มีเพียงก้านเดียวย่อมหักทิ้งง่ายดาย แม้กิ่งไม้หากมัดไว้รวมกันย่อมหักทิ้งไม่ได้ ยามมีสุขร่วมเสพ ยามมีทุกข์ร่วมต้าน จะชาวยุทธ์ หรือชาวบ้าน จะข้าน้อย หรือขุนนาง ศึกภายนอกมารุกราน เรายังจะมัวมาก่อศึกภายในเพื่ออะไร"
บทเพลงข้างต้นจะไม่มีคุณค่าใดๆ เลย หากเพียงแค่ฟังแล้วปล่อยให้ลอยผ่านหูไป ทว่าหากคิดตามกันสักนิด หวังใจเอาไว้ ว่าบทเพลงเพื่อความบันเทิงเหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นจิตสำนึกได้บ้างไม่มากก็น้อย...
ขอขอบคุณข้อมูลจาก![]()
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
- หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
- glitter.kapook.com













