
เงามรณะ (ข่าวสด)
"เทพชัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเงาสยอง
ถึงแม้จะเคยเห็นรูปเงาต่างๆ มานับไม่ถ้วน ตั้งแต่จำความได้จนอายุปาเข้าไปเกือบจะสี่สิบอยู่รอมร่อ แต่ผมยังไม่เคยเห็นเงาอะไรจะน่ากลัวสุดขีดเหมือนอย่างเงาในคืนนั้นมาก่อนเลย ทั้งที่มันเกิดขึ้นในบ้านผมแท้ๆ
ไม่ใช่ว่าอยู่คนเดียวนะครับ ในบ้านมีทั้งพ่อแม่และน้องสาวน้องเขยที่อยู่ข้างบน ส่วนผมอยู่ในห้องนอนชั้นล่าง แถมหมู่บ้านในย่านดาวคะนองก็ไม่ได้เปล่าเปลี่ยวอะไรเลย
ผมทำงานในบริษัทการเงินแถวสีลม มีเพื่อนฝูงที่สนิทกันจริงๆ ไม่กี่คนหรอกครับ...อนุพงษ์เป็นเพื่อนรุ่นพี่ มีภรรยากับลูกสาวน่ารักวัย 4-5 ขวบชื่อแต้ว เราไปมาหาสู่กันเสมอ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ พ่อแม่รักเพื่อนคนนี้เหมือนลูกหลาน ส่วน "แป๋ว" เป็นเพื่อนรุ่นน้อง ผิวขาว หน้าตาใสแป๋วสมชื่อ หุ่นเรียวเพรียวสูงชนิดไปยึดอาชีพนางแบบได้สบายมาก
เรียกว่าเป็น "เพื่อนใจ" ก็แล้วกันครับ พ่อแม่ผมก็เอ็นดูเธอมาก พอๆ กับผู้ใหญ่ฝ่ายเธอก็ไม่รังเกียจผม ถ้าไม่มีอุปสรรคร้ายแรงอะไรเราคงจะได้จูงมือเข้าหอกันปลายปีนี้แน่นอน
แต่เหตุการณ์ร้ายแรงพลันอุบัติขึ้นเมื่อต้นปีนี้เอง!
อนุพงษ์พาครอบครัวไปเยี่ยมบ้านที่ชุมพร คะยั้นคะยอให้ผมไปด้วย หว่านล้อมว่ามีที่เที่ยวเยอะแยะ ไม่ว่าปากน้ำชุมพร เกาะรังนก สวนผลไม้ หาดทรายแสนสวยที่สะพลี ปะทิว แต่บังเอิญน้องชายกับน้องสะใภ้ก็ไปเยี่ยมบ้านเธอที่อุทัยธานี ผมจำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยไปทางไหนได้
เท่านั้นยังไม่พอ แป๋วก็ได้ข่าวว่าแม่ไม่สบายเพราะหกล้มในห้องน้ำ ต้องบึ่งรถไปดูอาการถึงจันทบุรีโน่น...ญาติสนิทมิตรสหายและคนรักทั้งสามออกเดินทางในเย็นวันศุกร์ตรงกันพอดี...เรื่องสยองก็อุบัติกับผมคืนนั้นเอง
ราวห้าทุ่มเศษ...กำลังจะเข้านอนแล้วท่ามกลางอากาศเย็นยะเยือก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นกะทันหัน ผมไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากจะร้องออกไปว่าใคร? แต่คำตอบคือความเงียบ...คิดว่าคงจะหูแว่วไปเองมากกว่า ผมดับไฟกลางห้อง เปิดไฟหัวเตียงแล้วก้าวขึ้นไป...เสียงเคาะประตูก็ดังแรงๆ ขึ้นอีกครั้ง
"เข้ามาซี่..." ผมร้องออกไปเพราะนึกว่าเป็นน้องชายที่ลงมาหา แต่เพิ่งนึกได้ว่าเขาไปเยี่ยมบ้านพ่อตาแม่ยายที่อุทัยแล้วนี่นา หรือจะเป็นพ่อแม่ผมมีธุระอะไร? อ้อ! ผมเองก็ล็อกประตูเรียบร้อยแล้ว เลยเดินไปเปิดประตูที่เปิดไฟหน้าบ้านส่องแสงสลัวเข้ามา แต่ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว
จะว่าหูแว่วก็ได้ยินถึงสองครั้งซ้อนๆ ปิดประตูแล้วมองดูปฏิทินที่แขวนอยู่ตรงบานประตู...อาจจะเป็นเพราะลมพัดผ่านมุ้งลวดเข้ามาทำให้เกิดเสียงคล้ายเคาะประตูก็เป็นได้ เลยลองจับมันแกว่งกระทบบานประตู แต่ก็ไม่มีเสียงดังแบบเคาะก๊อกๆ อย่างสองครั้งก่อน
ขณะที่ขึ้นไปนอนห่มผ้า ยังไม่ทันจะหลับตา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกแล้ว...คราวนี้ดังแรงและถี่เร็วยิ่งกว่าเก่า ทำให้ผมกระโจนพรวดไปถอดกลอนเปิดประตูทันที
แล้วผมก็ได้เห็น...คุณพระช่วย! ผมได้เห็นสิ่งที่ไม่มีวันลืมเลือนได้เลยจนชั่วชีวิต!
ท่ามกลางความเงียบเชียบ เยือกเย็นของยามดึกสงัด... ปรากฏเงาโดดเด่นของใครที่ทอดยาวอยู่บนพื้นห้องใกล้กับโต๊ะอาหาร ไม่ปรากฏร่างใดๆ นอกจากรูปเงาของหญิงชายคู่หนึ่งกำลังกุมมือเด็กหญิง ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญของสายลมเหมือนใครกำลังสะอื้นไห้มากระทบหู
ผมขนลุกซ่า ตัวแข็งทื่อ จ้องมองเงาประหลาดเหมือนถูกสะกดจิต เห็นเงาเด็กหญิงยกมือขึ้นทำท่าเช็ดน้ำตาป้อยๆ...ก่อนที่เงาทั้งสามจะค่อยๆ เลือนรางจางหายไป
อนุพงษ์กับลูกเมีย!
นั่นคือสิ่งที่ผุดวาบเข้ามาในสมอง...ผมกลืนน้ำลาย เซซัง ขึ้นเตียง ใจเต้นระทึกด้วยสับสน หวั่นกังวลสารพัด...เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นอีกหรือเปล่าหนอ?
วันรุ่งขึ้น ผมรีบโทร.ไปหาทั้งน้องชาย, แป๋ว และอนุพงษ์เป็นรายสุดท้ายแทบจะกลั้นใจรอเสียงตอบรับด้วยซ้ำ ก่อนจะถอนใจยืดยาวด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนหัวเราะเริงร่า เสียงภรรยาและลูกสาวตัวน้อยที่พูดจ๋อยๆ ว่ามีโปรแกรมจะไปเที่ยวไหนบ้าง?
ไม่มีเหตุร้ายใดๆ เกิดขึ้นเลย! เงาอุบาทว์พวกนั้นมาจากไหนกัน? หรือว่าผมจะหูแว่ว ตาฝาดไปเอง...ไม่แน่นะครับ อาจจะเป็นพวกสัมภเวสี-ผีพเนจรเข้ามาเพ่นพ่านในบ้านก็เป็นได้ แต่เล่นเอาใจคอไม่ดีไปทั้งคืน
วันต่อมา น้องชายกับภรรยาก็กลับบ้านไล่ๆ กัน แป๋วก็มาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ส่งข่าวว่าคุณแม่ของเธอปลอดภัยดี...ว่าแต่อนุพงษ์กับครอบครัวล่ะ?
เพื่อนผมประสบอุบัติเหตุขากลับ หักรถหลบมอเตอร์ไซค์ลงไปชนต้นไม้สนั่นหวั่นไหว ตายคาที่ทั้งสามคนพ่อแม่ลูก...ถึงแม้จะยังหาคำตอบไม่ได้ว่าพวกเขามาปรากฏรูปเงาให้ผมเห็นก่อนตายได้ยังไงกัน? แต่ขนหัวลุกครับ!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล






