
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ความคืบหน้าความขัดแย้งระหว่าง นายสรภพ ลีละเมฆินทร์ หรือ "เพชร" ลูกชายอดีตราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ กับ นายไกรสร ลีละเมฆินทร์ (แสงอนันต์) พ่อแท้ๆ นั้น ล่าสุดวันนี้ (21 มิถุนายน) นายไกรสร แสงอนันต์ หรือลีละเมฆินทร์ สามีพุ่มพวง ดวงจันทร์ พร้อมด้วยนางสิริกร อินทร์พรหม ภรรยา และนายนที ธีระโรจนพงศ์ เลขาธิการกลุ่มเชียงใหม่อาริยะ เดินทางไปที่ สภ.สันทราย อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ นายไกรสร ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยกล่าวหาว่า นายสรภพ ลีละเมฆินทร์ หรือน้องเพชร บุตรชาย พร้อมแฟนสาวที่ชื่อ น้ำอ้อย และแม่ของน้ำอ้อย ได้หมิ่นประมาทพ่อของตนเอง
นายไกรสร กล่าวว่า ที่ไปลงบันทึกประจำวันในครั้งนี้ เนื่องจากน้องเพชร, น้ำอ้อย แฟนสาว และแม่ของน้ำอ้อย ได้ให้ข่าวผ่านสื่อมวลชนในลักษณะกล่าวหาให้ร้ายตนว่าข่มขืนลูกชายของตนเอง ซึ่งไม่เป็นความจริง
หลังจากเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน นายไกรสร ได้กล่าวว่า เตรียมจะฟ้องคนที่เกี่ยวข้องในการให้ข่าวทำให้เสียหาย หรือแม้แต่ลูกตัวเองก็ตาม นอกจากนี้ ยังจะพาลูกชายไปหาหมอตรวจร่างกาย เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ลูกชายพูดออกมา ไม่ได้มาจากความคิดตัวเอง และพูดโดยขาดสติ
นายไกรสร กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเหนื่อยและยังไม่อยากจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ แต่ในวันที่ 22 มิถุนายน ตนจะเดินทางไปแถลงข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ในเวลา 09.00 น. และในวันเดียวกันจะรวบรวมพยานหลักฐาน เข้าไปแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนอีกครั้ง
นายไกรสร กล่าวอีกว่า เหตุที่ฟ้องลูกชายนั้นไม่ใช่เพราะเกลียดชัง ตนยังรักลูกเสมอ แต่สาเหตุที่ฟ้องร้องก็เพราะต้องการให้เขาพูดออกมาว่า ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังและสั่งให้เขาพูดอย่างนั้น ตนจำได้ว่าคนที่เปิดประเด็นเรื่องนี้เป็นสาวคนใกล้ชิดของลูกชาย ไม่ใช่ลูกชายเป็นคนพูดเอง ตนยังเชื่อเสมอว่าน้องเพชรยังให้ความเคารพพ่ออยู่
"เชื่อว่าที่ลูกพูดไปนั้นขาดสติ ไม่มีสติ ความจริงน้องเพชรไม่ได้เปิดประเด็น มีแต่คนใกล้ชิดออกมาเปิดประเด็นทั้งนั้น มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต แต่ถึงอย่างไรตนก็ให้อภัย ไม่ว่าน้องเพชรจะไปพูดเรื่องนี้กับใครตอนไหน คิดว่าน้องเพชรมีเหตุผลเพื่อให้ทุกคนสงสาร อยากจะถามคนที่คิดเรื่องนี้ว่าคิดได้อย่างไร ต่อให้ผมตายก็ไม่มีทางเป็นไปได้พันเปอร์เซ็นต์ ไม่มีมูลเหตุเลยแม้แต่นิดเดียว อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน คณะแพทย์ที่ติดต่อไว้จะเปิดแถลงข่าวว่าน้องเพชรไม่ปกติอย่างไร ที่จังหวัดเชียงใหม่" พ่อน้องเพชร กล่าว
นายไกรสร กล่าวต่อว่า การที่น้องเพชรขอแยกตัวไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ความรู้สึกเสียใจนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว และคิดว่าไม่มีอะไรจะสูญเสียไปได้มากกว่านี้ ไม่เคยคิดรั้งลูกไว้ เนื่องจากน้องเพชรโตแล้ว อายุ 22 ปีแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาน้องเพชรไปอยู่ในที่ที่สมองของน้องเพชรไม่ได้คิดเอง ทำให้ภาพที่ออกมาเป็นเด็กก้าวร้าว
"วันนี้ทุกคนไม่ได้รั้งน้องเพชร เพียงแต่เป็นห่วงน้องเพชร เพราะน้องเพชรไม่ใช่คนเดิม แม้เขาอยากจะตัดขาด ไม่ให้ผมเป็นพ่อ ผมก็ไม่ว่าอะไร จะดูอยู่ห่างๆ อย่างไรผมเองก็รู้ดีว่าผมเป็นพ่อเขาอยู่ เรื่องต่างๆ ตัวเขาเป็นฝ่ายรู้ดี เวลาอยู่กับพ่ออยู่กับตายายเป็นอย่างไร เพื่อนฝูงของเขาก็น่าจะรู้ให้คนเหล่านั้นเป็นคนออกมาพูดดีกว่า" นายไกรสร กล่าว

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ (19 มิถุนายน) นายสรภพ ได้เปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมดว่า วันนี้ผมมาคนเดียว ไม่มียายบุญธรรม ไม่มีแม่บุญธรรม ไม่มี น.ส.ธิดารัตน์ (น.ส.ธิดารัตน์ อรรถรัตน์ แฟนสาว) มาด้วย เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะหาว่าทั้งหมดมาคุมอีก โดยวันนี้ตั้งใจอยากให้ทุกคนได้ดูเทปการแถลงข่าว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วัดทับกระดาน และเทปงานแถลงข่าวของอีกฝ่ายเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสิน
หลังจากนั้นนายสรภพได้เปิดเทปบันทึกงานดังกล่าว ทั้ง 2 งาน ก่อนที่จะนำสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลาดพร้าว ที่ระบุว่าเปิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนร่วมบริจาค ซึ่งในบัญชีมีเงินอยู่ 11,600 บาท มาแสดง
โดยนายสรภพ กล่าวว่า บัญชีดังกล่าวเป็นบัญชีของผมที่ทุกคนกล่าวหาว่าเป็นบัญชีของ น.ส.ธิดารัตน์ โดยในส่วนที่ตั้งตู้รับบริจาคไว้ยังไม่ทราบว่ามียอดเงินเท่าไหร่ เพราะเพิ่งลาสิกขาออกมาจึงยังไม่ได้นับเงิน การที่น้าๆ ออกมาขัดไม่ให้สร้างหุ่นแม่ผึ้ง ผมถามว่าสาเหตุตรงนั้นเพราะอะไร เขาบอกว่ายายและน้าไม่ให้สร้าง ผมจึงคิดว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า ตอนที่ผมเป็นพระ ผมเคยออกรายการโทรทัศน์ และเปิดให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน โดยโหวตเข้ามา ปรากฏว่าคนที่อยากให้ผมสร้างหุ่นมีถึงร้อยละ 93.88 ผมจึงจะต้องดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ นายสรภพยังกล่าวถึงประเด็นที่ น.ส.จันทร์จวง ดวงจันทร์ น้าสาว ออกมาบอกให้ใช้เงินตัวเองในการสร้างหุ่น ว่า เป็นการดีและขอบคุณที่ได้ชี้แนะทางออกให้ โดยตนจะขอนำเงินของแม่มาใช้ นั่นเพราะตนมีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของแม่ ที่แม่สร้างมา และการที่น้าๆ ออกมาบอกว่าทำไมใช้เงินตัวเองสร้าง บอกเลยว่าจะใช้เงินตรงนั้นได้อย่างไร ในเมื่อตอนที่เป็นนักร้อง พ่อก็ออกมาให้ข่าว น้าๆ ก็ออกมากีดกันเพื่อไม่ให้ตนมีงาน ส่วนตัวแทบจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว
"ถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าถูกกีดกัน มีผู้ใหญ่บอกมา ซึ่งผู้ใหญ่ท่านนั้นไม่อยากจะยุ่งเรื่องในครอบครัว และคิดว่าหากบวช อย่างไรต้องมีคนมาทำบุญให้อยู่แล้ว จึงจะนำเงินส่วนนี้ไปสร้างหุ่นแทน ส่วนเรื่องจะทวงสิทธิ์มรดกของแม่หรือไม่ ผมยังขอไม่พูดตอนนี้ และยังไม่มีการติดต่อคุยกับพ่อเรื่องมรดก ยังไม่ทันไร พ่อก็ออกข่าวมาแล้ว ว่าถ้าผมจะเอามรดกตรงนั้นไปใช้ ก็ให้ไปฆ่าเขาเสียก่อน พ่อเขาคิดได้อย่างไร ผมจะไปฆ่าเขาได้ยังไง ผมงง คือผมไม่ได้เรียกร้องแล้วจู่ๆ พ่อมาหาว่าผมจะเอา ซึ่งเงินของพ่อผมไม่ยุ่งแน่นอน ชาติปางก่อนไม่รู้ว่าเคยทำอะไรกับน้าๆ ญาติๆ อาจเป็นเวรกรรม แต่อยากจะบอกว่าขอให้ทุกคนหยุด ให้เห็นใจแม่ผึ้ง ยอมรับว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา เบื่อที่จะต้องออกมาทะเลาะกับญาติ วันนี้จึงขอยุติทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันอีกในปีหน้า หรือปีไหนๆ ก็ตาม" นายสรภพ กล่าว
ส่วนเรื่องการละเมิดทางเพศที่มีการเปิดประเด็นว่าเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น นายสรภพ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกไปได้ยังไง ใครเป็นคนจุดประเด็นขึ้นมา ตลอดที่อยู่มา 18 ปีที่ผมอยู่บ้านหลังนั้น ได้รับหลายสิ่งหลายอย่าง หากใครไม่ใช่ผมคงไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร อีกทั้งไม่มีหลักฐานที่จะมาแสดง จึงอยากให้เรื่องยุติ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามถามเกี่ยวกับกรณีเรื่องละเมิดทางเพศของผู้เป็นพ่อ ว่าจริงหรือไม่ แต่นายสรภพพยายามตอบเลี่ยง ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าโดนกระทำตั้งแต่เมื่อไหร่ นายสรภพจึงตอบว่า ตั้งแต่เมืองนอก คนที่เมืองนอกก็รู้ และเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เคยคุยกับพ่อแล้ว และได้คำตอบว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ
จากนั้นนายสรภพได้กล่าวขอให้พ่อและน้าๆ ปล่อยตนไป แต่ไม่ใช่ตัดขาด เพราะถ้าตัดขาดคือการไม่เจอกัน ไม่คุยกัน อยู่ในวงการก็ต้องเจอกันคุยกันเป็นธรรมดา ปัญหาทุกอย่างขอเก็บไว้คนเดียว ยอมเจ็บคนเดียวดีกว่า หลายคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ไม่ขอพูดจากปากตนจะดีกว่า
ขณะที่ นายนที ธีระโรจนพงศ์ เลขาธิการกลุ่มเชียงใหม่อาริยะและประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย เปิดเผยว่า ในฐานะที่รู้จักกับนายไกรสร แสงอนันต์ เป็นการส่วนตัว และในฐานะที่เป็นผู้ร่วมงานกลุ่มเชียงใหม่อารยะมาด้วยกันหลายปี ขอยืนยันว่า นายไกรสร ไม่ใช่เกย์แต่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง และค่อนข้างเจ้าชู้ด้วยซ้ำไป
ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนลูกชายตัวเองนั้น ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริงได้ ทั้งนี้ จากที่เคยได้พุดคุยรู้จักกับน้องปอแฟนเก่าน้องเพชร ซึ่งคบหาก่อนหน้าที่น้องเพชรจะไปคบกับน้องอ้อย แฟนสาวคนปัจจุบัน รวมทั้งข้อมูลจากแม่เลี้ยง หรือแม้กระทั่งตัวนายไกรสรเอง ก็ให้ข้อมูลว่าน้องเพชรเป็นคนอยู่ดีมีสุข ไม่ปรากฏอาการของคนที่ซึมเศร้า หรือมีอาการเหมือนกับคนที่เคยถูกข่มขืน โดยเฉพาะหากเป็นการถูกข่มขืนโดยพ่อ น่าจะมีอาการที่ไม่ปกติ แต่เท่าที่เห็นที่ผ่านมา และปัจจุบันน้องเพชรก็ยังดูรื่นเริงดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
![]()






