แกะรอยกระสุน คนมีสี จาก คาร์บอมบ์ ถึง สนธิ


แกะรอยกระสุน "คนมีสี" จาก "คาร์บอมบ์" ถึง "สนธิ" (มติชน)

          ต้องติดตามอย่ากะพริบตา ภายหลังมีรายงานข่าวจากที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุ ผบ.เหล่าทัพไม่สบายใจกับกระแสจี้ปลด "กษิต ภิรมย์" รมว.ต่างประเทศ และกดดันให้รัฐบาลปลดออก ภายหลังถูกตำรวจตั้งข้อกล่าวหาก่อร้ายยึดสนามบิน ไม่ทันสิ้นเสียง "กษิต" ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่ประเทศนิวซีแลนด์ ก็ควันออกหู

          "ไม่รู้ว่านายทหารเหล่านั้นเป็นใคร ถ้ากล้าพูดแล้วเป็นลูกผู้ชาย ก็ต้องกล้าแสดงตัวด้วย กลัวอะไร ทำไมมาเก่งกับผม และช่วยถามทีว่าใครปองร้ายคุณสนธิ (ลิ้มทองกุล) ใครปองร้ายท่านอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) ซึ่งท่านสุเทพ (เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง) คงต้องตอบ" เลยเถิดไปอีกเรื่อง !!

          ร้อนถึง "อภิสิทธิ์" และ "สุเทพ" ต้องโร่ปฏิเสธ ยืนยันกองทัพไม่เคยกดดันรัฐบาลในเรื่องนี้ แต่จากคำพูดของ "กษิต" ที่มีความสนิทชิดเชื้อ เป็นเนื้อเดียวกันกับ "พันธมิตร" จึงถูกมองว่าดับเครื่องชนจังเบ้อเร่อ โดยตรงต่อ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รมว.กลาโหม และ "พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา" ผบ.ทบ. เพราะบัวช้ำน้ำขุ่นกันมาก่อนกับกรณีลอบสังหาร "สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำพันธมิตร เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ช่วงนั้น "พันธมิตร" ถล่มกองทัพอย่างหนัก จี้ให้ปลด "พล.อ.ประวิตร" และ "พล.อ.อนุพงษ์" พร้อมเปิดปมสังหารของ "กลุ่มอำนาจไม่ทราบฝ่าย" ที่หวังชิงจังหวะแดงป่วนเมือง หวังลูกฟลุค "สถาปนาขั้วอำนาจใหม่"

          ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม รายงานข่าวจากชุดสืบสวนสอบสวนคดีลอบสังหาร "สนธิ" ที่มี "พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์" รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน ปูดว่ากำลังจะมีการขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 2 คน เป็นนายทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษยศ ส.ต.ท. 1 นาย เป็นตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่มาช่วยงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แบบยังไม่มีการโอนย้าย ตั้งแต่สมัย "พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์" เป็นอธิบดีดีเอสไอในยุคอำนาจเก่าอีก 1 คน รวมถึงที่กำลังรุกคืบเข้าไปถึงตำรวจ ทหาร และพลเรือนอีกจำนวนหนึ่ง

          ช่างบังเอิญต่อเนื่องกันชนิดไร้รอยต่อ เริ่มมีตัวละครเข้ามามากขึ้น ที่สำคัญเป็นตัวละครที่มีสี เข้าตำราสืบสวนสอบสวนตำรวจไทย เหมือนกับคดีใหญ่ๆ หลายคดีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แม้จะมีตัวละครถึงสองสี ทั้ง "สีกากี" และ "สีเขียว" แต่สปอตไลท์กลับจับจ้องที่ "สีเขียว" เป็นพิเศษ ไม่มีคำยืนยันใดอื่นทั้งจากปาก "สุเทพ ,พล.อ.ประวิตร, พล.อ.อนุพงษ์" มากไปกว่าพร้อมให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมและจะไม่แทรกแซง "พล.อ.ประวิตร" ออกตัวใครจะไปดูกำลังพลเป็นแสนๆ คนได้ 

          "พล.อ.อนุพงษ์" พูดสั้นๆ ว่า "ผมไม่เคยยุ่งการเมือง" ทั้งที่ "พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ" ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษคนปัจจุบัน เป็นสายตรงที่ "พล.อ.อนุพงษ์" แต่งตั้งขึ้นมาแทนสายของ "พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน"อดีต ผบ.ทบ. พิจารณาจังหวะเวลา เงื่อนปม และสัญลักษณ์ "เกมนี้" เข้าขั้นเป็น "เกมลึก" เพราะไม่มีใครรู้ว่ากระบวนการดำเนินไปตามปกติจริงหรือ หากไม่ปกติ แล้วจะเป็นเกมตีกระทบไปถึงใครบ้าง

          เข้าอีหรอบนี้ ก็เกรงว่าจะเข้าทางถนัด เพราะประวัติศาสตร์สืบสวนสอบสวนคดีอุจฉกรรจ์ ที่มีกลิ่นการเมืองอย่างนี้ มักถูกตัดตอนเป็น "มวยล้มต้มคนดู" เสมอไม่ต้องไปดูตัวอย่างที่ไหนไกล "คดีคาร์บอมบ์" ลอบสังหาร "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ เมื่อปี 2549 ล่วงมากว่า 3 ปีแล้ว ยังเงียบกริบ หลังจากตื่นตาตื่นใจในช่วงแรกกับการสืบสาวพบคนมีสี-มียศ เข้าไปพัวพันจนปวดหัว จนต้องปลดฟ้าผ่า "พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี" ออกจากรอง ผอ.กอ.รมน. แต่วันนี้เรียกติดปากว่าเป็น "คาร์บ๊อง" ไปแล้ว เพราะท้ายที่สุด "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ" ผบ.ตร.ในขณะนั้น ทำได้เพียงส่งสำนวนส่งฟ้องทีมนายทหารสังกัด กอ.รมน. ได้แก่ "ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชนะ, พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ, พ.อ.สุรพล สุขประดิษฐ์, พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ" ไปยังอัยการศาลทหารพิจารณา ซึ่งทั้งหมดต้องขึ้น "ศาลทหาร" โดยกัน "จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ" หรือ "จ่ายักษ์" เป็นพยาน แต่จนป่านนี้ยังเงียบ

          คดี "สนธิ" ก็เช่นกัน วงในรู้กันว่าคดีมีอุปสรรคตั้งแต่แรก เนื่องจากไปเจอกระดูกชิ้นโต เป็นผู้มีอำนาจ ที่ตั้งธงตัดตอนคดีมาแต่ต้น จนทำให้ชุดสืบสวนสอบสวนเดิมที่มีถึง 3 ชุด หนึ่งในนั้นมี "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมงานด้วย ต้องขอถอนตัวออกไป เหลือชุดของ "พล.ต.อ.ธานี" ทำอยู่ชุดเดียว แม้ "พล.ต.อ.ธานี" จะเคยยืนยันกับคนใกล้ชิดตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เกิดเหตุว่ารู้ตัวคนร้ายและต้นสายปลายเหตุแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่งผ่านมา 3 เดือน ที่มั่นใจว่าพยานหลักฐานพร้อมขอออกหมายจับ แต่ก็ไม่วายเจอเกลือเป็นหนอนเข้า โดยทีมพนักงานสอบสวนบางคน เอาข่าวออกหมายจับมาปูดผ่านสื่อเสียก่อน จนทำให้วันนี้ "ผู้บงการ" โดยเฉพาะมือสังหารไหวตัวทัน ว่ากันว่า "มือปืน" หนีไปกบดานไกลลิบแล้ว

          แต่อย่างไรก็ตาม การออกหมายจับคนมีสีครั้งนี้ เป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บอกว่าเดินมาถูกทาง แต่จะสาวถึงปลายยอดได้หรือไม่ เพราะท้ายที่สุด สิ่งที่ทำมาทั้งหมดอาจต้องรอการพิจารณาของอัยการศาลทหารที่ไม่รู้กำหนดเวลา แต่อย่างน้อย คงได้ติดตามกันต่ออีกไม่นาน ตามความหวังของ "สุเทพ" ที่เคยเรียก "พล.ต.อ.ธานี" มาพบ แล้วบอกว่าอยากเห็นปิดคดีได้ในบางคดี ก่อนเกษียณ ซึ่ง "พล.ต.อ.ธานี" จะมีอายุครบเกษียณราชการ ในสิ้นปีงบประมาณ 2552 นี้เอง...


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แกะรอยกระสุน คนมีสี จาก คาร์บอมบ์ ถึง สนธิ อัปเดตล่าสุด 16 กรกฎาคม 2552 เวลา 18:00:27 9,103 อ่าน
TOP
x close