
เปิดศึกงัดข้อ ถก กนศ. "พรทิวา-กอร์ปศักดิ์" ซดเกาเหลา (ไทยรัฐ)
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เตรียมทำหนังสือถึง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) เพื่อขอให้เลื่อนจัดประชุม กนศ.ให้ เร็วขึ้น หลังจากที่ได้สั่งเลื่อนการจัดประชุมจากเดิม วันที่ 6 พ.ย. ไปเป็น วันที่ 19 พ.ย. แทน โดยไม่แจ้งสาเหตุ เพราะกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าเป็นการเลื่อนที่นานเกินไป ทั้ง ๆ ที่มีวาระเร่งด่วนที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ กนศ. และต้องให้ กนศ. มีมติก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศ
สำหรับวาระสำคัญที่กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ กนศ.พิจารณา คือ การกำหนดท่าทีของไทย กรณีที่ฟิลิปปินส์ชะลอการลดภาษีข้าว ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) โดยจะคงภาษีข้าวที่ 40% ไปจนถึงปี 57 และลดเหลือ 35% ในปี 58 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเกินไป ทำให้ไทยต้องเจรจาเพื่อขอให้ฟิลิปปินส์ชดเชยความเสียหาย จากการไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีดังกล่าว และ นางพรทิวา ได้หารือเบื้องต้นกับรัฐมนตรีการค้าของฟิลิปปินส์ไปแล้ว ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน เมื่อวันที่ 23-25 ต.ค. ที่ผ่านมา
โดยกระทรวงพาณิชย์ยืนยันให้ฟิลิปปินส์ชดเชยความเสียหายให้ไทย โดยให้โควตานำเข้าข้าวจากไทย 360,000 ตัน ในอัตราภาษี 0% แต่ฟิลิปปินส์จะให้เพียง 50,000 ตันเท่านั้น ซึ่งไทยได้มีหนังสือถึงฟิลิปปินส์เพื่อยืนยันท่าทีไปแล้ว เพราะจำนวนดังกล่าวคำนวณจากปริมาณการส่งออกข้าวไทยไปฟิลิปปินส์ เฉลี่ยย้อนหลังในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นปริมาณที่เหมาะสม หากไม่ได้ตามนี้ก็ต้องขอเป็นมติ กนศ. ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป เพื่อตอบโต้ทางการค้าฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ ยังจะเสนอให้ กนศ.พิจารณาความตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ (เอ็มโอเอ) จำนวน 1 ล้านตัน เพื่อให้ฟิลิปปินส์ผูกพันที่จะซื้อขายข้าวไทยแบบจีทูจี (รัฐต่อรัฐ) แต่ฟิลิปปินส์ได้เสนอให้ไทยเพียง 200,000 ตันเท่านั้น ซึ่งไทยยอมรับไม่ได้ จึงต้องขอมติ กนศ. เช่นกัน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขณะเดียวกัน การสั่งเลื่อนประชุมยังส่งผลต่อกำหนดการเดิมที่นางพรทิวาจะเดินทางไปเจรจากับฟิลิปปินส์ตามที่นัดหมายกันไว้ในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ เพื่อให้บรรลุตามข้อตกลงต่าง ๆ ที่ได้เจรจากันไว้ในเบื้องต้น รวมทั้งยังส่งผลต่อการเจรจาขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ เพราะจะนำคณะภาคเอกชนเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การไม่ประชุม กนศ. ยังส่งผลให้ไทยยังไม่สามารถกำหนดท่าทีในเรื่องการเปิดเสรีด้านการลงทุนของอาเซียน (เอไอเอ) ด้วย เพราะจะมีการพิจารณาข้อเสนอของภาคประชาชนที่ขอให้รัฐบาลไทยชะลอการเปิดเสรีในภาคเกษตร และ บริการที่เกี่ยวข้อง 3 สาขา คือ การเพาะและขยายพันธุ์พืช การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการปลูกป่า เพราะเห็นว่าเป็นอาชีพสงวนสำหรับเกษตรกรรายย่อย ชุมชนท้องถิ่น และประชาชนไทย ซึ่งเมื่อ กนศ. ไม่มีการประชุม ก็ทำให้ไม่สามารถกำหนดท่าทีในเรื่องนี้ออกมาได้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก






