
เขมรสร้างบ้านเอื้ออาทร600พื้นที่พิพาทชายแดน (คมชัดลึก)
"เขมร" ผุด "บ้านเอื้ออาทร" 600 หลัง พื้นที่พิพาท ผู้ใหญ่บ้านเผย เป็นไร่นาเก่าชาวบ้านโสกขามป้อม ต.ภูผาหมอก
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ที่บริเวณพื้นที่พิพาทชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านซำแต ใกล้กับอ่างเก็บน้ำเขื่อนห้วยขะนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา ตชด. และตำรวจของกัมพูชาได้ช่วยกันปลูกสร้างบ้านเรือนเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของข้าราชการทหาร ตำรวจ และตชด. ซึ่งบริเวณดังกล่าวเดิมเป็นไร่นาของชาวบ้านโสกขามป้อม ต.ภูผาหมอก โดยชาวบ้านจะเรียกตรงนั้นว่า "ภูบักพริก" โดยมีลำห้วยสมบูรณ์ไหลผ่านคดเคี้ยวอยู่หลายโค้ง แต่ฝั่งกัมพูชาเรียกจุดนั้นว่า ฐานเบาะสะเบา (ฐานทหารเขมรแดงของนายพลตาม๊อก) ซึ่งต่อมาหลังจากรัฐบาลสมเด็จฮุน เซน มีนโยบายก่อสร้างบ้านพักข้าราชการให้ทหาร ตชด. และตำรวจประจำจังหวัดพระวิหาร จึงได้เรียกหมู่บ้านดังกล่าวว่า บ้านเบ๊าะสะเบา ขึ้นตรงกับ ต.กันตร๊วจ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า โครงการก่อสร้างหมู่บ้านดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. 52 โดยช่วงเริ่มต้นทหารกัมพูชาได้ทำการตัดไม้ทำลายป่าเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อสร้างถนนเชื่อมต่อจาก บ.สะแอม ต.กันตร๊วจ มาถึงซำแต ต.ภูผาหมอก ของไทย พร้อมทั้งทำการจัดแบ่งเป็นล๊อค ๆ เพื่อปลูกบ้านตลอดแนวสองข้างถนนที่ตัดขึ้นใหม่ ซึ่งล่าสุดข้อมูลเมื่อประมาณกลางเดือน ต.ค.52 ที่ผ่านมาพบว่าโครงการได้คืบหน้าไปแล้วและได้เปิดให้ทหารประจำจังหวัดพระวิหารเข้าไปอยู่อาศัยได้แล้วจำนวน 200 หลัง จากโครงการทั้งหมด 600 หลังพร้อมทั้งมีการก่อตั้งโรงเรียน สถานีอนามัยขึ้นอย่างละ 1 แห่งด้วย
แหล่งข่าวเปรียบเทียบโครงการนี้ว่า ลักษณะคล้ายกับบ้านเอื้ออาทรของรัฐบาลไทย สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะเน้นให้เป็นสวัสดิการสำหรับข้าราชการทหาร ตำรวจ และตชด. ระดับผู้บังคับบัญชาขึ้นไป ที่มาปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนเขาพระวิหารเข้ามาจับจอง ซึ่งคาดว่าหากโครงการนี้แล้วเสร็จอาจจะมีการขยายโครงการออกไปตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชาอย่างแน่นอน
ด้าน นายสำเพียร พันแก่น ผู้ใหญ่บ้านโสกข้ามป้อม หมู่ 4 ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเดิมชาวบ้านเรียกว่า ภูบักพริก อยู่ใกล้กับภูกระทิงซึ่งอยู่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก ติดหน้าผาทางลงไปเขมร เมื่อประมาณปี 2519 - 2520 จุดนี้เคยเป็นเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านแต่พอเกิดสงครามภายในขึ้นในเขมรทางการไทยก็สั่งห้ามเข้าไปทำกินอีก พอสงครามเริ่มสงบยังมีทหารเขมรแดงเหลืออยู่บ้างไม่มาก ชาวบ้านขอเข้าไปทำกินได้อีกครั้งก็ถูกทางการไทยเตือนว่าอาจจะถูกทหารเขมรแดงจับตัวหรือถูกฆ่าได้ แต่ชาวบ้านไม่กลัวและพยายามจะเข้าไปทำกิน จึงถูกทางการไทยขู่ว่าจะจับกุมข้อหาเป็นสายลับให้เขมรจึงไม่มีใครกล้าเข้าไป
ต่อมาเมื่อ 10 กว่าปีย้อนหลังไป เขมรแดงถูกกวาดล้างสงครามภายในเขมรสงบลง ชาวบ้านจึงเข้าไปทำกินอีกครั้ง สุดท้ายก็มาเจอปัญหากับทางการไทยอีกคือถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารจับข้อหาบุกรุกป่าอนุรักษ์ ชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกินหลายคนแอบเข้าไปดูไร่นาตัวเองก็ถูกจับดำเนินคดีหลาย 10 คน เมื่อเร็ว ๆ นี้มีลูกบ้านถูกจับทีเดียวยกครอบครัว 7 คน ในนั้นมีเด็กอยู่ด้วย เพียงแค่พวกเขาขับรถเข้าไปในป่าเฉย ๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพอเขมรมาสร้างบ้านเรือนตรงพื้นที่เดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ของไทยจึงไม่กล้าเข้าไปจับกุมเขาและปล่อยให้เขาสร้างบ้านเรือนในป่าอนุรักษ์ได้อย่างไร
"ทหารบอกให้ชาวบ้านช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับทางการ แจ้งความเคลื่อนไหวของทหารเขมรให้ทราบ ผมและลูกบ้านก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร ในเมื่อทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และทหารสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เข้าไป แล้วจะให้เราเอาข่าวจากไหนให้ ตอนนี้ก็เลยได้แต่อยู่เฉย ๆ" ผู้ใหญ่บ้านโสกขามป้อม กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก






