
เด้งเข้ากรุ-จ่าเฉย หุ่นตร. คนไม่กลัว-แค่ขำ! ใช้ตร.จริงยืนแทน (ข่าวสด)
ผบช.น.เข้มสั่งเก็บ "จ่าเฉย" หุ่นตำรวจตามแยกต่าง ๆ ทั่วกรุง หลังชาวบ้านเริ่มชินจนไม่ตกใจกลัวเหมือนตอนแรก และมีการร้องเรียนว่าตำรวจตัวจริงไม่ยอมออกมาทำหน้าที่ และสั่งลอกฟิล์มดำออกจากป้อมตำรวจทั้งหมด เพราะพบว่ามีตำรวจบางส่วนแอบนอนหรือกินเหล้าด้วย เผยออกคำสั่งให้เพิ่มจุดตรวจมากขึ้น หลังจากตั้งบ้างไม่ตั้งบ้างเพราะกำลังไม่พอ พร้อมเปิดโครงการฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้าน ทำคู่ไปกับโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจเพื่อป้องกันอันตรายจากตีนแมว
สั่งปลดประจำการ "จ่าเฉย" หุ่นตำรวจตามสี่แยก เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. กล่าวถึงการออกคำสั่งเก็บหุ่นตำรวจ หรือที่เรียกกันติดปากว่า "จ่าเฉย" ว่า มีประชาชนเขียนจดหมายมาว่าเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปฏิบัติหน้าที่ และชอบแอบอยู่หลังเสาไฟฟ้า เพราะมีหุ่นตำรวจยืนอยู่แล้ว ซึ่งเห็นว่าไม่เหมาะสม จึงสั่งการให้นำหุ่นที่มีรูปตำรวจออกให้หมด และอีกอย่างหลังจากมีหุ่นตำรวจมาพักใหญ่ทำให้ประชาชนเริ่มคุ้นเคยและทำผิดกฎจราจรบ่อย ๆ ทั้งเป็นที่ขบขันกับผู้ที่พบเห็น ซึ่งการจัดเก็บนั้นทราบว่าดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยให้เจ้าหน้าที่ยืนปฏิบัติหน้าที่แทน ส่วนป้อมตามแยกนั้นให้ลอกฟิล์มดำออกให้หมดเช่นกัน เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มักจะแอบหลับและกินเหล้ากันเป็นประจำ
วันเดียวกัน ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก. จร.) ห้องประชุมใหญ่ บก.02 พล.ต.ท. สัณฐาน พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รองผบช.น. และ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แถ้ว ผบก.น.9 เรียกประชุมเจ้าหน้าที่เพื่อเตรียมความพร้อมงานด้านการป้องกันอาชญากรรมในส่วนงานชุมชนสัมพันธ์ "โครงการฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้าน"
โดย พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า เรียกประชุมเจ้าหน้าที่เพื่อมารับทราบข้อมูลของโครงการดังกล่าวให้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง สำหรับเจ้าหน้าที่ของตำรวจนครบาลมีอัตราส่วนเจ้าหน้าที่ 1 คนต่อประชาชน 500 คน และโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจเคยจัดทำมาก่อนและจะยังมีโครงการนี้ต่อไปอีก แต่โครงการฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้านจะมาเสริมเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนอุ่นใจมากยิ่งขึ้นในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีประชาชนฝากบ้านไว้จำนวนมาก ส่วนการฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้านนั้นสามารถช่วยเจ้าหน้าที่ได้มาก เนื่องจากต่างช่วยเหลือดูแลกันก็จะสามารถลดปัญหาอาชญากรรมได้ ส่วนปัญหาที่เพื่อนบ้านไม่ถูกกันนั้นเจ้าหน้าที่ในฐานะทูตสัมพันธไมตรีจะเข้ามาดูแล และทำให้เพื่อนทุกคนเป็นมิตรกันเพื่อให้เพื่อนบ้านมีความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวอีกว่า เชื่อว่าหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จจะสามารถลดปัญหาการเกิดภัยต่าง ๆ ได้ อีกทั้งยังทำให้ประชาชนหรือเพื่อนบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันมีมนุษย สัมพันธ์ที่ดีขึ้น และถ้าโครงการดังกล่าวปฏิบัติทุกพื้นที่เหตุร้ายต่าง ๆ ก็จะลดลง และหากประสบความสำเร็จจะมีการดำเนินการต่อไป เบื้องต้นจะประเมินผลในช่วงเทศกาลปีใหม่ และจะสุ่มตรวจพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกทำกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ โดยเน้นให้ประชาชนที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านหรือชุมชนเดียว กันได้รู้จักชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์เผื่อเวลามีเหตุจะได้โทรศัพท์หากันได้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่และเพื่อนบ้านในขณะที่ไม่อยู่บ้าน และยังช่วยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างทันท่วงทีเพื่อดำเนินการจับกุมคนร้าย สำหรับโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ เดือนธ.ค. 2552 เป็นต้นไป ที่ผ่านมาดำเนินไปแล้ว 25 หมู่บ้าน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก







