
เขาพระวิหาร

เขาพระวิหาร
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
กัมพูชาเปิดเอกสารการประนีประนอมระหว่างไทย-กัมพูชา อ้าง สุวิทย์ ลงนามยอมรับกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ด้านนายกฯ ยืนยัน สุวิทย์ ไม่เคยลงนามให้ไทยเสียดินแดน เนื่องจากติดบันทึกข้อตกลง MOU 2543
จากกรณี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ในฐานะตัวแทนประเทศไทย เดินทางไปเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ประเทศบราซิล และกลับมาแถลงผลถึงความสำเร็จในการขอเลื่อนการพิจารณาแผนจัดการปราสาทเขาพระวิหาร ไปเป็นการประชุมปีหน้า ที่ประเทศบาห์เรน ขณะที่ นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กัมพูชา ก็ได้แถลงข่าวว่าได้รับชัยชนะ เนื่องจากคณะกรรมการมรดกโลกได้รับแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารของฝ่ายกัมพูชาแล้วนั้น
ล่าสุด ได้มีการนำเอกสารที่ทางกัมพูชาอ้างว่า ฝ่ายไทยลงนามสนับสนุนแผนบริหารจัดการดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
มติการประนีประนอมเสนอโดยประธานที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 34 (34 com 7B.66)
คณะกรรมการมรดกโลก
ลงท้ายด้วยลายเซ็น นาย สุวิทย์ คุณกิตติ 29/07/2010 นาย ซก อาน 29/07/2010 Juca Ferreira BSB 29/07/2010
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบมีความเป็นไปได้ว่า การที่คณะกรรมการมรดกโลกเลื่อนการพิจารณาแผนจัดการเขาพระวิหารไปเป็นปีหน้านั้น เป็นเพราะกัมพูชายื่นเอกสารผิดระเบียบ เนื่องจากต้องยื่นให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาก่อนหกสัปดาห์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเนื้อหาในเอกสารดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับ ดังนั้น ทางรัฐบาลไทยจึงจำเป็นต้องจัดทำเอกสารโต้แย้งในทันที
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ออกมายืนยันในกรณีนี้อีกครั้ง ว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่เคยลงนามให้ไทยเสียดินแดนในระหว่างการประชุมมรดกโลกที่บราซิลแต่อย่างใด เพราะยังติดสัญญา MOU ปี 2543 และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดซับซ้อน
สำหรับกรณีของ นายวีระ สมความคิด ภาคีเครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ ยื่นคำขาดให้รัฐบาลยกเลิก MOU ปี 2543 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย โดยหากเป็นการผนึกกำลังกันก็จะทำให้ประสบความสำเร็จ แต่หากสะท้อนถึงความขัดแย้ง ก็จะมีผลกระทบให้ทำงานยากขึ้น
ด้าน นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ก็ออกมาชี้แจงในกรณีดังกล่าวว่า ตนเองก็ยังสงสัยว่าชัยชนะของกัมพูชาคือตรงไหน ในเมื่อการลงนาม 5 ข้อ ของตนเองนั้น เป็นเพียงการลงนามรับทราบ เรื่องทั่ว ๆ ไป อย่างเช่น ผลประชุมกรรมการมรดกโลก หรือ รายงานการส่งเอกสาร เป็นต้น และที่ได้ทำการลงนามไปเป็นเพียงแค่ร่างสัญญาเท่านั้น ไม่มีภาระผูกพันทางกฎหมายแต่อย่างใด และตนขอยืนยันว่า ทางเราได้ส่งเอกสารไปคัดค้านอย่างชัดเจน ว่าต้องแบ่งแยกดินแดนให้ชัด และการลงนาม 5 ข้อ ดังกล่าว ก็ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบแต่อย่างใด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







