สุเทพขออย่าถามเรื่องสนธิ-เข้าใจนายกเตือน (ไอเอ็นเอ็น)
รองนายกฯสุเทพ รับคำเตือนจากนายกรัฐมนตรี ขอไม่พูดถึง "สนธิ ลิ้มทองกุล" อีก ย้ำไม่มีเจตนาสร้างความแตกแยก แต่ไม่ต้องการให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มาชี้นำประชาชนจนเกิดความวุ่นวาย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ยอมรับคำเตือนของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ให้ระมัดระวังการวิพากษ์วิจารณ์ ที่จะนำไปสู่การยั่วยุ ให้เกิดการเคลื่อนไหว หรือ สร้างความไม่พอใจ ให้กับกลุ่มการเมืองใดการเมืองหนึ่ง โดยจากนี้จะไม่ขอพูดถึง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และขอร้องสื่อมวลชน อย่าตั้งคำถามเกี่ยวกับ นายสนธิ พร้อมย้ำว่า ตนไม่ได้มีเจตนา สร้างความโกรธเคือง แต่ต้องการให้ทุกฝ่ายช่วยกันรักษาบ้านเมือง ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่ควรให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ชี้นำจนทำให้เกิดความวุ่นวาย เพราะในฐานะที่ดูแลด้านรักษาความมั่นคงมา 2 ปี เห็นว่า ประเทศเสียโอกาสจากความวุ่นวายบ้างแล้ว ขณะเดียวกัน คำเตือนของนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เกิดจากความเกรงใจใคร เป็นพิเศษ แต่เพราะนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้มีการนำคำพูดของคนพูดยั่วยุ
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ ระบุว่า ไม่ได้กังวลว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันที่ 11 ธ.ค. จะนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารเพราะกองทัพต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ และเป็นประชาธิปไตย และการเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็จะไม่นำไปสู่การยุบสภา เพราะขณะนี้ ไม่มีเหตุอะไร ที่ต้องทำให้บ้านเมืองหยุดชะงัก
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เชื่อว่า ผลการตัดสิน คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ถูกนำไปขยายผลไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง เพราะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ยอมรับคำตัดสิน แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ยอมรับ เพราะไม่พอใจ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วงนี้ เป็นเพียงการต่อสู้ทางการเมือง
เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งครั้งใหม่มากกว่า เกมการเมืองนอกสภา สำหรับการดูแลความปลอดภัย ให้กับองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่มีการร้องขอ แต่ในฐานะที่ดูแลด้านความมั่นคง ก็ต้องมีการจัดกำลังไปดูแล เฝ้าระวัง อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ภายหลังให้สัมภาษณ์ นายสุเทพ ได้เดินทางไปยังศาลอาญารัชดา เพื่อเป็นพยานในคดีที่ นายกรัฐมนตรี ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง หมิ่นประมาท นายกรัฐมนตรี ว่าสร้างสถานการณ์ ที่กระทรวงมหาดไทย และการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่พัทยา หลังจากเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ไปให้ปากคำในการไต่สวนแล้ว






