เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก @eMrWhite, @WasitaPaan, @noppatjak, เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3
พนักงานสอบสวน สน.วิภาวดี เผยเจ้าของรถซีวิค ที่สาววัย 17 ขับไปชนรถตู้มาให้ปากคำกับตำรวจแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ หวั่นเสียรูปคดี เล็งตรวจสอบรถต่อไป
พ.ต.ท.วิจิตร ด่านธำรงกุล พนักงานสอบสวน สน.วิภาวดี เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการเข้ามอบตัวของเจ้าของรถซีวิค ที่สาววัย 17 ปี นำไปขับขี่จนเกิดอุบัติเหตุชนรถตู้ สายหมอชิต - ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต จนเป็นเหตุทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต 9 ศพ ว่า เจ้าของรถคันดังกล่าว ได้เดินทางมาให้การกับพนักงานสอบสวน สน.วิภาวดี เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ ทางพนักงานสอบสวน จะได้ดำเนินการนัดเจ้าของรถคันดังกล่าวมาสอบปากคำอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถกำหนดวัน และเวลาที่แน่ชัดได้
ทางด้าน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลันทปุระ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานแล้วว่า ทางเจ้าของรถซีวิคนั้น ได้เดินทางมาให้การกับพนักงานสอบสวน แต่รายละเอียดในสำนวนนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงว่า จะทำให้เสียรูปคดี สำหรับในส่วนของการตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของรถคันดังกล่าวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการตรวจสอบว่า เป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีผู้ใดเป็นผู้ครอบครองแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
[13 มกราคม] กรมพินิจฯ ชี้โทษสาวซีวิค อาจแค่ถูกคุมประพฤติ
กรมพินิจฯ เรียกสาวซีวิควัย 17 มาตรวจสุขภาพจิต-ร่างกาย ก่อนสรุปสำนวนส่งศาล เผยที่ผ่านมาผู้ต้องหาเยาวชนกว่า 80% แค่ถูกคุมประพฤติ เว้นแต่คดีอุกฉกรรจ์ ด้านพระเอกณัฎฐ์ พี่ชายบอกไม่ขอพูดเรื่องคดีนี้อีก เพราะคนละส่วนกัน ขณะที่เจ้าของรถเก๋งคันก่อเหตุเลื่อนให้ปากคำตำรวจ
นายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ ได้นัดหมายให้เยาวชนหญิง อายุ 17 ปี ที่ขับรถยนต์ซีวิคชนรถตู้บนทางด่วนโทลล์เวย์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ มาพบนักจิตวิทยา และแพทย์ เพื่อทำการตรวจสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตของเยาวชนแล้ว
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานคุมประพฤติของสถานพินิจกรุงเทพฯ จะเป็นผู้พิจารณาว่า ยังเหลือประเด็นที่ต้องเรียกเยาวชนอายุ 17 ปี มาสอบสวนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า อาจจะต้องเรียกบุคคลใกล้ชิดมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเยาวชนให้รอบด้าน ครบถ้วน เนื่องจากบิดา มารดา ครู และบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการช่วยเหลือ และการบำบัดฟื้นฟู
จากนั้น เมื่อพนักงานคุมประพฤติ เห็นว่าประเด็นครบถ้วนแล้ว ก็จะเสนอความเห็น ให้คณะกรรมการสหวิชาชีพของสถานพินิจฯ ทำความเห็น แล้วออกรายงานข้อเท็จจริงเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน ส่งให้กับพนักงานสอบสวน เจ้าของคดี เพื่อส่งต่อไปยังพนักงานอัยการใช้ประกอบการยื่นฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัว คาดว่าจะดำเนินการได้ทัน 30 วัน
ด้านนายสุนทร เพิงมาก รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ทางสถานพินิจฯ จะทำความเห็นเสนอศาลอีกหนึ่งฉบับ พร้อมเสนอแนะวิธีลงโทษ และวิธีปฏิบัติต่อเยาวชน เพื่อให้ศาลพิจารณาด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในกรณีที่ผู้ต้องหาเป็นเยาวชน กฎหมายจะเน้นให้แก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และคุ้มครองสวัสดิภาพมากกว่าการลงโทษ โดยมีผู้ต้องหาเยาวชนราว 18-20 เปอร์เซ็นต์ ที่ถูกศาลลงโทษให้เข้าอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ขณะที่ผู้ต้องหาเยาวชนอีกราว 80 เปอร์เซ็นต์จะถูกปล่อยตัวไป แต่ให้คุมประพฤติ โดยต้องมารายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนด อย่างไรก็ตาม มีผู้ต้องหาเยาวชนบางรายที่ก่อคดีร้ายแรง ศาลก็อาจจะลงโทษให้ควบคุมตัวในเรือนจำ
ด้านณัฐฏ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พระเอกหนุ่มซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของเยาวชนผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนจะขอไม่ถึงพูดถึงคดีนี้อีก เพราะในความเป็นจริงคืออยู่คน ละส่วนกัน สนิทกันระดับหนึ่งเท่านั้น หากมาถามตนเป็นเรื่องเป็นราว ตนก็คงตอบอะไร ทำอะไรมากไม่ได้ แต่ยืนยันว่า สภาพจิตใจของน้องสาวเป็นปกติดี
ขณะที่ พ.ต.อ. ชัยวัฒน์ กลันทปุระ รอง ผบก.จร. เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพยานครบแล้ว 6 ปาก แต่ยังเหลือประเด็นอีกเล็กน้อยที่จะต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติม โดยในวันนี้ได้นัดหมายให้เจ้าของรถยนต์คันก่อเหตุมาสอบปากคำกับเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าตัวขอเลื่อนการสอบสวนออกไปภายในเดือนนี้ แต่ยังไม่ระบุวันที่ เบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าของรถ คือ ยินยอมให้ผู้ไม่มีใบขับขี่ มาขับรถของตน มีอัตราโทษปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท
ส่วนเยาวชนหญิงผู้ก่อเหตุนั้น พนักงานสอบสวนคงไม่ต้องเรียกตัวมาสอบอีก แต่จะต้องรอผลการสืบสอบประวัติจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน ซึ่งคาดว่า คงจะใช้เวลาอีกสักระยะ
[12 มกราคม 2554] อธิบดีกรมพินิจฯ เผยยังไม่มีอำนาจควบคุมตัวสาว 17
อธิบดีกรมพินิจฯ เผยยังไม่มีอำนาจควบคุมตัวสาว 17 ขับรถเก๋งชนรถตู้ ตาย 9 ศพ เจ้าตัวมีใบขับขี่อเมริกาเป็นข้อต่อสู้คดี
หลังจากวัยรุ่นหญิงตระกูลดังขับรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค ชนรถตู้บนโทลล์เวย์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 5 ราย ล่าสุด เมื่อเช้านี้ (5 มกราคม) หญิงสาววัย 17 คนดังกล่าวได้เดินทางพร้อมบิดา มารดา และทนายส่วนตัว เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตำรวจได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุทำให้ทรัพย์สินเสียหายมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิต และ ข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งเมื่อเสร็จเรียบร้อยจะต้องส่งตัวไปยังสถานพินิจฯ
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับการควบคุมตัวสาววัย 17 หรือไม่นั้น นายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าวว่า ยังไม่มีอำนาจควบคุมตัว เหตุเพราะเจ้าตัวเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเอง ก็เท่ากับเข้ามอบตัว ซึ่งหลังแจ้งข้อหาเรียบร้อย จะต้องปล่อยตัวกลับไปไม่ต้องมีการพิจารณาเรื่องประกัน
อธิบดีกรมพินิจฯ ยังเปิดเผยอีกว่า คดีนี้จะต้องนำขึ้นศาลเด็กและเยาวชนกลาง เนื่องจากผู้ต้องหามีอายุ 16 ปี 6 เดือน และจากที่มีข่าวว่าตัวผู้ต้องหา มีการนำใบขับขี่อเมริกามายืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ทางเจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ ยังไม่ได้เห็นใบขับขี่ดังกล่าว แต่ถ้าหากมีการนำมาใช้ยืนยัน ทางเจ้าหน้าที่ต้องขอตรวจสอบหลักฐานก่อน และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการสอบสวน หากมีข้อสงสัยประการใด ผู้ต้องหาต้องเข้ามาพบเพื่อตอบคำถามตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการทราบ โดยจะออกหมายนัดให้มาพบเป็นครั้ง ๆ ไป ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการของสถานพินิจฯ แล้ว บิดาและมารดาของผู้ต้องหาก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
โดยหลังจากวัยรุ่นหญิงตระกูลดังคนดังกล่าว ออกมาจากห้องประชุมที่ บช.น.หลังรับแจ้งข้อหา เจ้าตัวได้เปิดปากให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่ไปรอทำข่าวจนแน่นบช.น.ว่า "หนูขอไปพูดที่สถานพินิจแล้วกันค่ะ ตอนนี้หนูขอไปก่อน เดี๋ยวไปพูดที่สถานพินิจ" และ "ขอโทษค่ะ หนูเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นอุบัติเหตุ"...
[2 มกราคม] อาลัยแน่นวัด! พิธีเผา 3 เหยื่อรถตู้ตกโทลเวย์
จากกรณีเกิดอุบัติเหตุสยองขวัญ สาววัย 17 ขับรถเฉี่ยวชนกับรถตู้โดยสาร บนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ทำให้รถตู้พลิกคว่ำ ผู้โดยสารจำนวนมากกระเด็นตกลงมายังถนนเบื้องล่าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกรงว่าคดีจะเป็นมวยล้ม เพราะเด็กสาวมีนามสกุลใหญ่ และทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียก นางสาวแพร มาสอบปากคำแล้ว ในวันที่ 5 มกราคม เวลา 12.00 นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่วัดเกาะนัมมทาปทวลัญชาราม อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี มีพิธีพระราชทานเพลิงศพของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง หรือ ดร.เป็ด อายุ 33 ปี นักวิจัยสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเศร้าโศก มีเพื่อนที่ร่วมงาน อาจารย์ นักศึกษาจากสถาบันที่ ดร.ศาสตรา เคยร่ำเรียนมา รวมทั้งญาติ ๆ มาร่วมงานจำนวนมาก ขณะที่ นางสาวถวิล เช้าเที่ยง อายุ 62 ปี มารดาบุญธรรมของ ดร.ศาสตรา นั่งร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เพราะยังทำใจไม่ได้และอาลัยกับการจากไปของลูกชาย ทั้งนี้ ไม่มีญาติของ นางสาวแพร มาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ที่วัดบางพระราชวรวิหาร ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายอุกฤษฏ์ รัตนโฉมศรี นักวิจัยไบโอเทคสำนัก งานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย โดยมีเพื่อน ๆ และญาติ ๆ เดินทางมาร่วมไว้อาลัยครั้งสุดท้ายกว่า 500 คน ท่ามกลางความโศกเศร้า ซึ่งต่างเสียดายในความรู้ความสามารถ ที่ยังทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก ทางด้าน นางสุภัชส์ศวีร์ รัตนโฉมศรี อายุ 28 ปี ภรรยาของ นายอุกฤษฏ์ รัตนโฉมศรี ระบุตกใจที่สูญเสียสามีไปอย่างไม่มีวันกลับ อยากให้คู่กรณีออกมาขอโทษอย่างจริงใจ ไม่ใช่ให้ครอบครัวไปขอโทษแทน ส่วนในเรื่องของรูปคดีถ้ามีความยุติธรรมก็พร้อมจะยอมรับ แต่ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะดำเนินการทวงความยุติธรรมให้ถึงที่สุด
ส่วนที่วัดสุปัฏนารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มีพิธีฌาปนกิจศพ นางสาวสุดาวดี นิลวรรณ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เหยื่ออุบัติเหตุดังกล่าวอีกคนหนึ่ง โดยมีคณาจารย์ เพื่อนนักศึกษา และแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานจำนวนมาก บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเศร้าสะเทือนใจ โดยเฉพาะช่วงที่ พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ ผกก.สภ.เขื่องใน บิดาของ นางสาวสุดาวดี กล่าวคำไว้อาลัยให้บุตรสาวด้วยเสียงอันสั่นเครือ
โดยระบุว่า สำหรับลูกนุ่นในความรู้สึกของพ่อ เมื่อยามเด็กลูกเป็นเทพธิดาองค์น้อย ๆ ของพ่อ พอโตขึ้นมาลูกก็เป็นนางฟ้าของครอบครัว เป็นคนจิตใจดี ร่าเริง แจ่มใส ฉลาด เก่ง มีความกล้าและเชื่อมั่นในตัวเองสูง ลูกอยากเรียนกฎหมายที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยากเป็นรุ่นน้องพ่อ ลูกก็ทำได้ ลูกกับพ่อและแม่วางแผนกันไว้ว่า ถ้าลูกเรียนจบแล้วจะขอเรียนเนติบัณฑิตไทยให้จบภายใน 1 ปี แล้วจะขอไปเรียนต่อปริญญาโทกฎหมายต่างประเทศ เพื่อกลับมาสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาสนามจิ๋ว แต่สุดท้ายความตายที่พ่อไม่เคยคาดคิด ก็มาพรากลูกไปจากเรา พ่อเสียใจและเป็นทุกข์มาก ตลอดระยะเวลาที่ลูกอยู่บนโลกนี้ 20 ปี 6 เดือน 13 วัน ช่างสั้นเหลือเกิน แต่คงถึงเวลาที่นางฟ้าต้องกลับสวรรค์แล้ว ไปเถอะนางฟ้าของพ่อ
สำหรับความคืบหน้าในส่วนของคดีความนั้น พ.ต.ท.พิทักษ์ นิยมพฤกษ์ รองผู้กำกับการงานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิตทางพิเศษ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร กล่าวถึงกรณีที่ นางสาวแพร จะเดินทางรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 5 มกราคมนี้ ที่ สน.วิภาวดี ว่า สำหรับมาตรการเตรียมความพร้อมในการรับทราบข้อกล่าวหานั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวนจำนวน 3 นาย เพื่อทำการสอบปากคำผู้ต้องหาในการเข้ามอบตัว แต่เนื่องจากผู้ต้องหายังเป็นเยาวชนอยู่ จึงต้องประสานนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ทนายความ อัยการ และบุคคลที่เยาวชนไว้ใจ ซึ่งอาจจะเป็นบิดา มารดา หรือญาติที่ไว้วางใจเข้ามาร่วมในการสอบปากคำด้วย
โดยตามขั้นตอนหลังจากสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ เนื่องจากยังคงเป็นเยาวชนอยู่และไม่ต้องมีการประกันตัว หลังจากนั้นก็จะนำตัวผู้ต้องหา ส่งไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเพื่อดำเนินการต่อไป
รถตู้ตกโทลเวย์
[1 มกราคม] แม่สาวซีวิคร่ำไห้ กราบเท้าขอโทษแม่ ดร.ศาสตรา
เมื่อวันที่ 1 มกราคม นางลัดดาวัลย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา แม่ของ นางสาวแพร (นามสมมติ) พร้อมด้วยญาติ ได้เดินทางไปที่ วัดเกาะนัมมทาปทวลัญชาราม อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เพื่อขอขมาศพของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง นักวิจัยสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งทันที่ นางลัดดาวัลย์ เห็น นางถวิล เช้าเที่ยง อายุ 62 ปี แม่บุญธรรมของ ดร.ศาสตรา ก็ตรงเข้าไปคุกเข่าลงกราบเท้า นางถวิล 3 ครั้ง พร้อมร่ำไห้กล่าวขอโทษแทนลูก เผยลูกสาวอยากมาด้วยตัวเอง แต่ขณะนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่
ขณะที่ นางถวิล กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ คนเราทุกคนไม่ได้แกล้ง แม่เองก็ให้อภัยกัน ที่เสียใจเพราะลูกฉันเป็นคนดี ฉันไม่ได้แกล้งว่า แต่คนรอบข้างชมเขาทุกคนว่าเขาเป็นคนดีมาก เราอยู่กันมาแค่สองคน ตำรวจมาถามว่าฉันอยู่กับใคร ฉันก็บอกว่าอยู่คนเดียว คุณยังมีลูกที่คอยกินข้าวด้วยกัน แต่ฉันไม่มีแล้ว
ทั้งนี้ นางลัดดาวัลย์ เปิดใจด้วยว่า ลูกสาวยังได้รับบาดเจ็บถูกกระจกรถบาดเจ็บที่ขอบตา และแขนช้ำ ที่สะโพกก็มีบาดแผล ที่สำคัญคือจิตใจย่ำแย่ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมาก เพราะกระแสในอินเทอร์เน็ตแรง พวกเราโดนโพสต์ในเรื่องที่เสียหาย แม้แต่เว็บไซต์ก็เอารูป เอาชื่อ ของลูกสาวไปโพสต์เขียนแบบสะใจ มีข้อความไปในทางไม่ดี ทำให้นอนไม่หลับอยู่ตลอดเวลา จึงอยากให้คุณแม่ถวิลอภัยให้ลูกสาวด้วย ที่ผ่านมาตนได้เดินสายขอโทษผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลแล้ว และเดินทางไปขอโทษญาติศพผู้เสียชีวิต 6 ราย เหลือเพียง 3 ราย ขณะนี้กำลังติดต่อกับญาติอยู่ และทางเรามีเจตนารมณ์ที่จะก่อตั้งกองทุน เด็กเรียนดีแต่ยากจนในจัง หวัดเชียงใหม่ แต่ขอเป็นหลังจากที่ไปบวชชีพร้อมลูกสาว เพื่อไถ่บาปสักระยะหนึ่ง
ขณะที่บรรยากาศงานฌาปนกิจศพ อาจารย์ภิญโญ จินันทุยา หรือ อาจารย์โย ที่เมรุวัดหนองจิก ตำบลบ่อแร่ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เป็นไปด้วยความโศกเศร้าอาลัย พ่อแม่ ญาติ พี่น้อง เพื่อน ๆ และลูกศิษย์ที่มาร่วมพิธีศพกว่า 500 คน ซึ่ง นายโสภณ จินันทุยา บิดาอาจารย์โย ระบุอยากให้ผู้กระทำผิดรับผิดรวมทั้งผู้ปกครอง ออกมาขอโทษต่อผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เป็นธรรมในสังคม ส่วนกรณีที่การโอนเงินให้เพื่อจะช่วยเหลือนั้น ตนมองว่าเป็นการเอาเงินฟาดหัว จึงไม่รับโดยเด็ดขาด แต่อยากจะให้ดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น
ด้านวัดบ้านสวน อำเภอหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ มีพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.จันจิรา ซิมกระโทก หรือน้องป้าย อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเสียชีวิตเป็นรายที่ 9 โดยมีเพื่อน ๆ และญาติๆ รวมทั้งประชาชนกว่า 1,000 คนมาร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่นางปิยะวรรณ ซิมกระโทก อายุ 53 ปี มารดาของน้องป้าย ร่ำไห้ด้วยความเสียใจตลอดเวลา ด้าน นายสะโอด ซิมกระโทก อายุ 55 ปี บิดาของน้องป้าย ระบุเสียใจกับการจากไปของบุตรสาว และไม่พอใจครอบครัวของคนขับรถคู่กรณี เพราะยังไม่เห็นทางครอบครัวของคู่กรณีออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือส่งตัวแทนมาขอขมาศพเลย มีเพียงติดต่อโอนเงินเข้าบัญชีมาช่วยงานศพจำนวน 20,000 บาทเท่านั้น ส่วนเรื่องคดียืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด
ส่วนบรรยากาศงานศพ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ญาติตั้งบำเพ็ญกุศลที่ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร โดย พ.ต.อ.ศรัน นิลวรรณ ผกก.สภ.เขื่องใน บิดาผู้เสียชีวิต เผยงานสวดศพมีเจ้าของรถตู้นำหรีดมาเคารพศพ เพื่อแสดงความเสียใจ ส่วนเรื่องการชดเชยเยียวยาความสูญเสียเอาไว้พูดคุยกันทีหลัง สำหรับฝ่ายรถยนต์ตั้งแต่เกิดเหตุยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ
พล.อ.วิชญ์ ประธานที่ปรึกษากองทัพบก ลุงหญิงสาววัย 17 ที่ซิ่งซีวิคชนรถตู้ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะตนเองที่เป็นผู้ใหญ่ในตระกูล ยันพ่อเด็กพร้อมชดใช้ผู้เสียชีวิต
พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะมีศักดิ์เป็นลุงของ นางสาวแพร (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ที่ขับรถเก๋งซีวิคชนรถตู้บนทางด่วนโทลล์เวย์ เผยว่า เสียใจต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พี่น้องในตระกูล เทพหัสดิน ณ อยุธยา ทุกคน โดยเฉพาะตนเป็นผู้ใหญ่ของตระกูล รู้สึกเสียใจ พ่อเด็กก็พร้อมช่วยเหลือ ดูแล และชดใช้ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนความยุติธรรมที่สังคมกังขาว่าจะช่วยเหลือในฐานะตระกูลใหญ่ ขอให้ไว้วางใจทางตระกูลเรา
"ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องความเป็นธรรม ต้องเกิดขึ้นกับทุก ๆ คน เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นมาแล้ว ทางหลานสาวก็เสียใจ พี่น้องก็เสียใจ เชื่อว่าทุกคนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่เมื่อเป็นอุบัติเหตุขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องมาช่วยกันดีกว่า ตนก็ไม่เคยลงไปยุ่งเกี่ยวในทางคดี" พล.อ.วิชญ์ ระบุ
พล.อ.วิชญ์ กล่าวอีกว่า น้องชายตน ซึ่งเป็นพ่อของเด็กคนนี้บอกแล้ว เรื่องคดีความให้ตำรวจว่ากันไปตามกฎหมาย ขอให้ทุกคนสบายใจได้ รวมทั้งสื่อมวลชน เชื่อว่าสภาพจิตใจของหลานสาวตน ตอนนี้อยู่ในอาการไม่ดีแน่ หากเป็นไปได้ขอให้สื่อหยุดการเสนอข่าวได้แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนขบวนการของกฎหมายแล้ว ขอให้มั่นใจการทำงานของตำรวจ ตระกูลนี้ไม่มีการเข้าไปแทรกแซงการทำงานแน่นอน
ทางด้าน พ.ต.ท.พิทักษ์ นิยมพฤกษ์ รอง ผกก.สน.วิภาวดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และทำการนัดผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 5 มกราคม 2554 ในเวลา 12.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลวิภาวดี พร้อมกับแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ และข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่แล้ว โดยจะไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หลังจากผู้ต้องหาเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการส่งตัวผู้ต้องหา ให้สถานพินิจเป็นผู้ดูแลต่อไป เนื่องจากผู้ต้องหามีอายุยังไม่ถึง 18 ปี บริบูรณ์
ขณะที่เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ร.พ.วิภาวดี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวแพร (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี สาวซิ่งเก๋งซีวิคชนท้ายรถตู้ จนมีผู้เสียชีวิต 9 ศพ พร้อมบิดาและมารดา ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวโรงพยาบาล โดยได้นำกล่องคล้ายกล่องของขวัญ มามอบให้ผู้บาดเจ็บทั้งหมด และสอบถามอาการบาดเจ็บ แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน จากนั้น นางสาวแพร พร้อมครอบครัว ก็เดินทางกลับทันที ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ นางสาวแพร มีสีหน้าที่เคร่งเครียด ขณะที่ในวันนี้ ผู้บาดเจ็บ 1 ราย แพทย์ได้อนุญาตให้เดินทางกลับบ้านแล้ว คือ นายวรัญญู เกตุชู จึงเหลือผู้พักรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 6 ราย
อย่างไรก็ตาม การเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บของนาสาวแพร ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก หลังจาก เกิดอุบัติเหตุท่ามกลางกระแสสังคม ที่จับตาการกระทำของ นางสาวแพร ว่าจะรู้สึกสำนึกกับการกระทำหรือไม่ และเข้าใจถึงการสูญเสียของครอบครัวผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ ยังกล่าวถึง กรณีหลังเกิดอุบัติเหตุแล้วตนมีการโพสต์ข้อความลงในระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ ขอยืนยันว่าไม่มี twitter และ hi5 มีแต่ facebook แต่ก็ปิดไป หลังเกิดเหตุ 1 วัน ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุนั้น ยืนยันว่า ไม่มีการอัพเดตสถานะทาง BB และ facebook ใด ๆ ทั้งสิ้น และขณะนี้ตนเอง อายุ 17 ปีแล้ว ไม่ได้อายุ 16 ปี ตามที่สื่อมวลชนนำเสนอ
[30 ธ.ค.] ตัวแทนสกุลเทพหัสดิน ส่งจดหมายแสดงความเสียใจเหยื่อ แพรวา ซิ่ง
ตัวแทนราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้ออกจดหมายแถลงการแสดงความเสียใจกับเหยื่อรถเก๋งซิ่งชนรถตู้จนเสียชีวิต 9 รายแล้ว
โดยเนื้อหาในจดหมายดังกล่าวมีดังนี้
"สืบเนื่องจากอุบัติเหตุบนทางด่วน เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมานั้น สมาชิกสกุลเทพหัสดินและ ครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ใคร่ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งในการสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวและญาติมิตรของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว"
"ทางสกุลเทพหัสดิน หวังว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจักเป็นอุทาหรณ์ให้แก่สังคม และขออารธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ได้ประทานพรแด่ทุกท่าน ณ โอกาสนี้ด้วย"
โดยความเคารพอย่างสูง
สกุล เทพหัสดิน
และนี่เป็นแถลงการณ์ตอบโต้จากทางกลุ่มเพื่อนหลากสกุลของผู้เสียชีวิตทั้ง 9 สพ จากอุบัติเหตุรถตู้ถูกชนตกโทลล์เวย์
"จากเหตุการณ์อุบัติเหตุรถยนต์ชนรถตู้โดยสารสาธารณะเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 9 ศพ นั้น ทางกลุ่มฯ มีวัตถุประสงค์ในการประกาศแถลงการณ์ดังนี้"
"1. ทางกลุ่มฯ ไม่เห็นด้วยกับการประกาศแถลงการณ์จากราชสกุลเทพหัสดิน อันเป็นรูปแบบแถลงการณ์ที่เป็นทางการและเคร่งครัดตามแบบจดหมายราชการมากกว่าจะเป็นการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งอย่างที่ท่านได้กล่าวไว้"
"2. แม้จะยังไม่มีผลการตัดสินให้คดีถึงที่สุด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้ กระแสสังคมกำลังจับตาท่าทีและการแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่เกิดจากการขับรถโดยประมาทของผู้ขับรถยนต์ตามที่ปรากฎในข่าว ซึ่งเป็นบุคคลที่ควรจะเป็นผู้ออกมากล่าวแสดงความเสียใจด้วยตนเองหรือผ่านทางครอบครัวด้วยการเผชิญหน้ากับสื่อและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยการเผชิญหน้ากับความเป็นจริง"
"อุบัติเหตุและความสูญเสียเป็นสิ่งที่เกินความสามารถของมนุษย์ปุถุชนจะควบคุมได้ แต่คำขอโทษและการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งด้วยความจริงใจ ผ่านคำพูด สีหน้า และแววตา เป็นสิ่งที่ไม่เกินความสามารถที่มนุษย์ปุถุชนที่ไม่บกพร่องทางจิตสำนึกจะทำได้"
ขอแสดงความนับถือ
กลุ่มเพื่อนหลากสกุลของผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ศพ
รถตู้ตกโทลเวย์
รถตู้ตกโทลเวย์
โดยก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวว่า นักศึกษา มธ. เสียชีวิตอีก 1 รายแล้ว โดยแม่แพรวาเปิดใจขอโทษเหยื่ออุบัติเหตุ ยันไม่ได้หนีไปต่างประเทศ ขณะที่ตำรวจออกหมายเรียกสาวขับเก๋งมารับทราบข้อหา 5 ม.ค.นี้ พร้อมประสาน ตม.หวั่นหนีออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ นางลัดดาวัลย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา แม่ของ แพรวา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่งว่า ตอนนี้แพรวาเครียดจัดถึงขั้นบอกกันตนว่า "เอาชีวิตหนูไปเลยไหม ทำไมหนูไม่ตาย" และอยากจะยืนยันว่าสามีของตนไม่มีอิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อมวอนสังคมอย่าตัดสินคนที่นามสกุล ซึ่งขณะนี้กำลังรอตำรวจรวบรวมหลักฐานทั้งหมดก่อนจึงจะออกมาแถลงข่าว
ส่วนทางด้านกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเกี่ยวภาพข่าว ที่ดูเหมือนลูกสาวของตนยืนเล่นบีบีเพื่อแชทกับเพื่อนนั้น ไม่เป็นความจริง ลูกสาวของตนนั้นรีบกดบีบีไปบอกเพื่อนถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และถามเรื่องประกันของรถคันนี้ เพราะรถคันที่รถเป็นของเพื่อนลูก ซึ่งจากเหตุการณ์นั้นตนและครอบครัวทุกข์มาก ไม่สบายใจ และเสียใจเป็นอย่างมากที่ลูกสาวของเราทำให้คนตายถึง 8 ชีวิต ตนต้องขอโทษและยอมรับว่าลูกสาว ผิดที่ขับรถเร็ว เพราะจะรีบเอารถไปคืนเพื่อน ตนไม่เคยอนุญาตให้ลูกสาวขับรถ ไปข้างนอกแบบนั้น พอเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ลูกสาวตนก็ติดอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยออกมา ที่เห็นว่าลูกตนยืนพิงขอบถนน เพราะลูกของตนนั้นถูกกระจกทิ่มที่ก้น จึงนั่งไม่ได้
นางลัดดาวัลย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ต้องย้ายโรงพยาบาลนั้น เป็นเพราะลูกสาวของตนถูกขู่ทำร้ายร่างกาย และขู่ฆ่า ทั้งโทรศัพท์และบุกเข้าไปในห้องพัก ตนจึงขอย้ายแพรวาไปรักษาตัวที่แห่งหนึ่ง และขอยืนยันว่าไม่ได้หนีไปต่างประเทศแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ตนขอกราบขอโทษจริง ๆ ตนไม่คิดจะหนี ถึงแม้ว่าจะหนีคดีความได้ แต่ความผิดที่ก่อมันไม่สามารถหนีได้
ทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎหมาย ตามหลักฐาน ไม่สามารถละเว้นใครไม่ว่าจะนามสกุลใดก็ตาม พร้อมยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักฐานแน่นอน
ล่าสุด มีรายงานว่า เหยื่อผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ชนสยองดัง กล่าว เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย คือ นางสาวจันจิรา ซิมกระโทก อายุ 22 ปี นักศึกษา คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่บาดเจ็บสาหัสแล้วเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวิภาวดี โดยนับเป็นศพที่ 9 จากเหตุการณ์ครั้งนี้
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้แสดงความเป็นห่วงที่ชาวไซเบอร์จำนวนมาก ต่างโพสต์ประณามผู้ขับขี่รถยนต์ชนรถตู้โดยสาร ในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากหากผู้ที่ถูกกล่าวหา มองว่า ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง หรือทำให้เกิดความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ก็มีสิทธิ์ฟ้องร้องดำเนินคดีได้ เนื่องจากคดีนี้ยังไม่ได้ถูกตัดสินหรือแจ้งข้อหา ก็เท่ากับว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำหรับความคืบหน้าของคดี ล่าสุด พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกตัวนางสาว แพรวา เพื่อให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 5 ม.ค. พร้อมกับแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ และข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเรียกเจ้าของรถคันดังกล่าวมาสอบปากคำ พร้อมประสานไปยังสำนักงานตรวจค้นเข้าเมือง หรือ ตม. เพื่อป้องกันการหลบหนี ส่วนในเรื่องของค่าเสียหายนั้น จะเรียกคู่กรณีมาตกลงกันเองว่า จะดำเนินการอย่างไร หากตกลงกันไม่ได้ก็จะเป็นสิทธิ์ที่จะดำเนินการฟ้องร้องกันเอง
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.อำนวย ยังกล่าวยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้มีความกดดันในการทำงานแต่อย่างใด พร้อมกับย้ำว่า จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมที่สุด
[29 ธ.ค.] นายกฯ ยันไม่ปล่อยคดี แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา
ตำรวจแจ้งข้อหาไม่มีใบขับขี่ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา แล้ว ปัดข่าวหนีไปนอก ด้านพระเอกหนุ่ม ณัฏฐ์ พี่ชายแจงรูปน้องสาวคล้ายกดบีบี จริง ๆ โทรหาพ่อ ไม่ได้คุยบีบีเล่น ขณะที่นายกฯ ยันไม่ปล่อยผ่านคดีนี้แน่ ส่วนครูหยุยติงสื่อเสนอชื่อจริงเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี
จากกรณีนางสาว อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ชนท้ายรถตู้โดยสาร มธ.รังสิต-อนุสาวรีย์ชัย บนทางด่วนโทลล์เวย์ฝั่งขาเข้า ก่อนรถเสียหลักพลิกคว่ำพุ่งไปชนขอบปูนข้างทาง ทำให้ประตูรถเปิดออก เหวี่ยงผู้โดยสารกระเด็นตกลงมาเสียชีวิตบนถนนวิภาวดี-รังสิต 8 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ อีก 7 รายนั้น
ล่าสุด พ.ต.ท.พิทักษ์ นิยมพฤกษ์ รอง ผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจร วิภาวดีรังสิต / ทางพิเศษ กก.2 บก.จร. กล่าวว่า ได้สอบปากคำเบื้องต้น นางสาว แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา คนขับรถยนต์คู่กรณีแล้ว ก่อนจะนำคดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้แจ้งข้อหาไม่มี ใบขับขี่แก่ นางสาว แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ไปก่อน 1 ข้อหา เนื่องจากผู้ขับขี่อายุเพียง 16 ปี ส่วนข้อหาอื่น ๆ ยังไม่สามารถแจ้งกับบุคคลใดได้ เพราะต้องสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อน พร้อมกับพิจารณาหลักฐาน พยานแวดล้อมต่าง ๆ ประกอบกัน
อย่างไรก็ตาม กรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า คู่กรณีที่ก่อเหตุ คือ นางสาว แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นบุคคลที่มีนามสกุลดัง จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าดำเนินการนั้น ขอยืนยันว่า ตำรวจจะทำตามหลักฐานกระบวนการยุติธรรม โดยไม่มีการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน
ขณะที่ พ.ต.ท.พิทักษ์ นิยมพฤกษ์ รอง ผกก.สน.วิภาวดี ได้ชี้แจงถึงกระแสข่าวที่ว่า นางสาวอรชร หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้วนั้น ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้นางสาวอรชร หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ยังนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน กทม. เพราะมีอาการบาดเจ็บที่สะโพก เนื่องจากถูกกระจกบาด ริมฝีปากแตก และมีบาดแผลฟกช้ำตามร่างกาย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ นางสาว แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา และผู้ปกครองแล้ว แต่ต้องรอหลักฐานให้แน่ชัดจึงแจ้งข้อหาอื่นได้ โดยญาติต้องเฝ้าดูแลอาการของนางสาว แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อย่างใกล้ชิด เพราะเจ้าตัวยังมีอาการหวาดกลัวกับกระแสสังคม ที่ตำหนิต่อว่าเป็นจำนวนมาก และยังมีบุคคลลึกลับโทรศัพท์มาขู่อาฆาตด้วย
ด้าน ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พระเอกหนุ่มซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของนางสาวอรชร หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้ตนรู้สึกเครียดมากที่น้องสาวถูกรุมประณาม พร้อมกับชี้แจงภาพของน้องสาวที่ปรากฎในอินเทอร์เน็ต ที่เหมือนคล้ายกำลังกดบีบีเล่น หลังจากเกิดอุบัติเหตุว่า จริง ๆ แล้วน้องสาวกำลังโทรศัพท์หาคุณพ่อ ไม่ได้คุยบีบีเล่นอย่างที่เข้าใจกันไป และเจ้าตัวก็เตรียมออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวด้วยว่า เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และกังวลเกี่ยวกับการดำเนินคดี เนื่องจากคนขับ รถเก๋งชนรถตู้ คือ นางสาว อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา วัย 16 ปี ซึ่งอยู่เป็นทายาทนามสกุลดัง โดยนายกฯ ยืนยันว่า จะมีการติดตามคดีนี้อย่างเต็มที่ และไม่มีใครจะมีสิทธิพิเศษอยู่เหนือกฎหมายได้
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับประเด็นการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน เกี่ยวกับคดีนี้ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ออกมาติงว่า สื่อมวลชนไม่ควรเปิดเผยชื่อที่แท้จริงของเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปีออกไป เพราะจะทำให้เยาวชนเกิดความเสื่อมเสีย ซึ่งทางญาติและผู้ปกครองสามารถฟ้องร้องได้ นอกจากนี้ ประชาชนที่เข้าไปต่อว่าเด็กสาวอายุ 16 ปี ทางอินเทอร์เน็ตควรหยุด เพราะอาจถูกฟ้องร้องขึ้นมาภายหลัง ควรปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกฎหมายจะดีที่สุด
นอกจากนี้ ครูหยุย ยังได้แนะนำด้วยว่า ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากอายุไม่ถึงตามกฎหมายกำหนดไว้ ก็ไม่ควรให้ขับรถยนต์ส่วนตัว ส่วนผู้ขับขี่รถตู้โดยสารก็ควรขับอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
คลิปรถเก๋งชนรถตู้ ภาพจำลองรถเก๋งชนรถตู้ ตกโทลเวย์
ข่าวรถเก๋งชนรถตู้ คืบหน้ารถเก๋งชนรถตู้ ในข่าวข้นคนข่าว
แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา สัมภาษณ์สด ในข่าวข้นคนข่าว
คลิป ข่าว รถตู้ตกโทลล์เวย์ รถเก๋งชนรถตู้ ตาย 8 เจ็บ 7
คลิป ข่าววันใหม่ รถตู้ตกโทลเวย์ นาทีสยอง รถเก๋งชนรถตู้
คลิป ข่าว รถตู้ตกโทลเวย์ นาทีสยอง รถเก๋งชนรถตู้ จาก เดลินิวส์
คลิป เสียงจากผู้สูญเสีย ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง เหยื่อรถตู้ตกโทลเวย์