x close

แม่พนิชเปิดใจห่วงลูกชาย ยันว่าอยู่ฝั่งไทย



เขมรจับคนไทย
พนิช วิกิตเศรษฐ์







สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์

          มารดา "พนิช" เผยความรู้สึก หลังลูกชายได้รับการประกันตัว ยันลูกชาย เข้าใจว่าอยู่ในฝั่งไทย

          หม่อมหลวง สมพงษ์วดี (จักรพันธุ์) วิกิตเศรษฐ์ มารดา นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยถึงความรู้สึก กรณีที่นายพนิช ถูกทางการกัมพูชาจับกุม พร้อมคนไทยอีก 6 คนว่า ช่วงตอนที่ทราบข่าวก็รู้สึกตกใจและเป็นกังวล เพราะนายพนิชมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิต และจะต้องทานยาต่อเนื่อง แต่ก็ได้ฝากยาผ่านไปให้ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แล้ว และภายหลัง นายพนิช ก็ได้รับประกันตัวออกมา ตนก็รู้สึกดีใจ ซึ่งก็ต้องฝากขอบคุณทุกฝ่ายที่คอยช่วยเหลือ

          ส่วนกรณีเรื่องความเป็นอยู่นั้น ทราบว่า นายพนิช ถูกคุมขังด้านล่าง ไม่มีอากาศหายใจ ถูกแมลงสาบไต่ใบหน้า ศีรษะตลอดเวลา จึงทำให้เกิดอาการแพ้ และคันไปทั้งตัว ส่วนที่ต้องตัดผมนั้น เนื่องจากจะได้ง่ายต่อการรักษาที่ถูกแมลงสาบกัด

          นอกจากนี้ หม่อมหลวง สมพงษ์วดี กล่าวต่ออีกว่า นายพนิช ยืนยันว่า เข้าใจว่าในช่วงที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่นั้นอยู่ในฝั่งไทย เพราะมีคนคอยนำทางไป อีกทั้งยังเห็นทหารไทยคอยโบกไม้โบกมือให้ตลอดเวลา และที่เดินทางไปนั้น เพราะต้องการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ชาวบ้านร้องเรียนมา

          อย่างไรก็ดี หม่อมหลวง สมพงษ์วดี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้บอกกับตนเองว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะมีอะไรที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากรัฐบาลไทยช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ศาลกัมพูชาไม่ให้ประกันตัว 5 คนไทย  [14 มกราคม]

          ศาลกัมพูชาไม่ให้ประกันตัว 5 คนไทย ทนายยื่นอุทธรณ์แล้ว ด้าน ณฐพร โตประยูร อ้าง กัมพูชา ส่งผู้มีอำนาจเทียบสมเด็จฮุนเซน ดูแลคดี 7 คนไทยด้วยตนเอง ขณะเตรียมเข้าเยี่ยมคนไทยที่ยังถูกคุมขังอีก 5 คน ในวันนี้

          ความคืบหน้าคดี 7 คนไทยถูกกัมพูชาจับกุมตัว กรณีล่วงล้ำไปในดินแดนของกัมพูชานั้น วานนี้ ศาลกัมพูชาได้ให้ประกันตัวนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ และนางนฤมล จิตรวะรัตนา ออกมาเป็น 2 คนแรก ขณะที่อีก 5 คนไทยที่ยังอยู่ในเรือนจำ ต้องรอลุ้นว่า วันนี้จะได้รับการประกันตัวหรือไม่

         อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ เปิดเผยว่า ทางเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ได้รายงานว่า ศาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้ประกัน 5 คนไทยดังกล่าว แต่ไม่ได้มีการระบุเหตุผล ซึ่งทางทีมทนายก็ได้ยื่นอุทธรณ์โดยทันที โดยจะต้องรอดูความคืบหน้าในสัปดาห์ต่อไป ว่าจะเป็นอย่างไร

         ส่วน กรณีที่ศาลได้ให้ประกันตัว 2 คนไทยก่อนหน้านี้ นายธานี กล่าวว่าน่าจะเป็นเพราะ เรื่องเหตุผลในเรื่องสุขภาพ และมนุษยธรรมมากกว่าเหตุผลอื่น อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ศาลยังไม่มีการนัดไต่สวนบุคคลใดเพิ่มเติม

         นอก จากนี้ นายธานี ยังกล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เดินทางไปขอเยี่ยมคนไทย ที่ถูกควบคุมตัวว่าทางกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานเรื่องให้แล้ว แต่ต้องรอการวินิจฉัยและคำสั่งศาลอีกครั้ง ยืนยันว่าทางกระทรวงการต่างประเทศ ไม่เคยขัดขวางในเรื่องนี้

          ด้านนายณฐพร โตประยูร กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในการพยายามให้ความช่วยเหลือ กลุ่มคนไทยทั้ง 7 คน ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัว ระบุว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับนางนฤมล จิตรวะรัตนา หลังจากได้รับการประกันตัวเมื่อวาน ซึ่งได้แจ้งว่าปัญหาที่ 7 คนไทยพบ คือ การสื่อสารกับทนายความที่กระทรวงการต่างประเทศ จัดหาให้  ซึ่งไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ ทำให้สื่อสารกันลำบาก และลูกความบางส่วนก็ไม่มีความไว้ใจในตัวทนายความ 

          นอกจากนี้ นายณฐพร ยังเปิดเผยด้วยว่า เท่าที่ทราบคดี 7 คนไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมครั้งนี้ ทางการกัมพูชาส่งผู้ใหญ่ที่ถือว่า เป็นบุคคลที่มีอำนาจในประเทศใกล้เคียงสมเด็จฮุนเซน มาควบคุมดูแลคดีด้วยตนเอง และยืนยันว่า การที่กัมพูชาให้ประกันตัวนายพนิช และนางนฤมล ก่อนนั้น เนื่องจากบุคคลทั้งสองมีอาการป่วย

          อย่างไรก็ตาม ตนได้ประสานงานกับสภาทนายความกัมพูชา เพื่อขอเข้าเยี่ยมคนไทย ที่ยังถูกคุมขังอีก 5 คน ในวันนี้ ซึ่งตนจะได้สอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับคนไทยทั้ง 5 คนต่อไป และเชื่อว่า หากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน และสามารถสื่อสารกับศาลกัมพูชาได้อย่างเข้าใจ คดีนี้ก็จะใช้เวลาเพียงไม่นาน  แต่หากติดขัดประการใด หรือไม่สามารถช่วยคนไทยที่เหลืออีก 5 คนได้ อาจมีความจำเป็นต้องติดต่อประสานงาน จากกลุ่มสมาคมอาเซียน หรือกาชาดสากล เพื่อขอความช่วยเหลือต่อไป



พนิช - นฤมล ได้ประกันตัวแล้ว รอลุ้นอีก 5 คน  [13 มกราคม]

          ผู้พิพากษาศาลแขวงพนมเปญแจ้งข้อหา "วีระ-ราตรี" ฐานจารกรรม ทั้งสองปฏิเสธให้การผ่านล่ามเขมร ขณะที่สถานทูตไทยจัดหาล่ามให้แล้ว "ชวนนท์" ปัดบีบ 7 คนไทยสารภาพ แค่ให้พูดตามข้อเท็จจริง ขณะที่ล่าสุด พนิช - นฤมล ได้ประกันตัวแล้ว แต่ห้ามออกนอกประเทศ รอลุ้นอีก 5 คน

          สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างการเปิดเผยของทนายจำเลยระบุว่า เมื่อวันพุธ ผู้พิพากษาศาลแขวงกรุงพนมเปญได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่คนไทย 2 คนในกลุ่ม 7 คนที่ถูกจับ คือ นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ และนางราตรี ไทยพัฒนาไพบูลย์ เลขานุการส่วนตัวของนายวีระ ในข้อหา "รวบรวมข้อมูลที่อาจกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติของกัมพูชา" ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 446

          "ผู้พิพากษาไต่สวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่คนไทยทั้งสองในความผิดฐานจารกรรม" พิช วิเชกา ทนายจำเลยของ 7 คนไทยเปิดเผยภายหลังการไต่สวนคนทั้งสองเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงเมื่อวันพุธ และว่า จนถึงขณะนี้ศาลยังไม่ได้กำหนดวันไต่สวนคนไทยทั้ง 7 คน

          นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ทนายความชาวกัมพูชากำลังหารืออยู่กับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เกี่ยวกับแนวทางการสู้คดีหลังจากนี้ ส่วนอีก 5 คนที่ไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น ศาลกัมพูชายังไม่ได้มีคำสั่งอะไรเพิ่มเติมว่าจะนัดไต่สวนต่อหรือจะพิจารณาคดีในวันใด ดังนั้นคงต้องรอฟังผลเรื่องการขอประกันตัวจากศาลต่อไป

          นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายวีระไม่ได้ให้การใดๆ  กับศาลกัมพูชา โดยให้เหตุผลจะให้ปากคำผ่านเฉพาะล่ามที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ จัดหาให้เท่านั้น โดยทางสถานทูตไทยก็ยินดีจัดหาล่ามให้ แต่ติดกฎระเบียบของศาลกัมพูชาปกติจะใช้ล่ามของทางศาล อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางสถานเอกอัครราชทูตไทยได้ยื่นขออนุญาตดำเนินการตามข้อเรียกร้องดังกล่าวแล้ว ขึ้นอยู่กับศาลกัมพูชาจะพิจารณา

          "เรากำลังเร่งรัดกระบวนศาลให้เร็วที่สุด เมื่อมีคำตัดสินคดีแล้ว รัฐบาลของสองประเทศก็จะเจรจาให้การช่วยเหลือ 7 คนไทย ส่วนแนวทางจะแลกตัวผู้ต้องหานั้นมีกระบวนการปฏิบัติ เคยมีมาแล้วในอดีต แต่ครั้งนี้จะใช้วิธีการนี้หรือไม่ ยังไม่อยากนำไปโยง ต้องดูคำพิพากษาก่อน แต่หากผลคำพิพากษาออกมาแล้วสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การแลกเปลี่ยน และทำได้ก็จะเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง"

          เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ ปฏิเสธกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ระบุว่ามีการสั่งให้คนไทยทั้งเจ็ดรับสารภาพเพื่อเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษว่า เพียงให้พูดไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเข้าไปดูปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านตามแนวชายแดนที่ร้องเรียนมา ไม่ได้มีเจตนาเข้าไปในพื้นที่ที่กัมพูชาดูแล ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ แถลงว่า ได้มีการยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติผ่านองค์การสหประชาชาติในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้ยื่นหนังสือโดยตรงถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อขอให้เข้ามาดูแลในเรื่องของสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาปฏิบัติตามสนธิสัญญาเจนีวา  ฉบับที่ 4 ว่าด้วยการคุ้มครองพลเรือนไทยในยามสงครามและยามสงบ

          "ที่สำคัญ นายการุณ ใสงาม ที่เดินทางไปกรุงพนมเปญแจ้งว่าเป็นการยากลำบากในเรื่องของคดี เนื่องจากทางกัมพูชาอ้างพยานปากสำคัญ โดยอ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรีไทย (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ), รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง (สุเทพ เทือกสุบรรณ), รมว.กลาโหม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ), รมว.การต่างประเทศ (กษิต ภิรมย์) ที่ยอมรับทันทีว่ามีการรุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริง ดังนั้นจึงเป็นการยากที่บุคคลของไทยออกมายอมรับหมดแล้ว และยังมาระบุว่าให้มีการยอมรับเพื่อนำไปสู่การประกันตัว และการขอพระราชทานอภัยโทษต้องพึ่งบารมีของกษัตริย์กัมพูชา" นายไชยวัฒน์กล่าว

          เขาบอกว่า เครือข่ายฯ ยึดมั่นในพระบารมีของกษัตริย์ไทย ถือเป็นการไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของประเทศ ตลอดระยะเวลาทั้ง 4 คนและนายชวนนน์กลับไม่สนใจที่จะดำเนินการในประเด็นเหล่านี้ แต่กลับยินยอมพร้อมใจให้คนไทยยอมรับผิดว่ารุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริง เป็นคำพูดที่ไม่เป็นคุณกับประเทศ อาจนำมาสู่การสูญเสียแผ่นดิน จึงมีมติเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  นอกจากนี้ นายสัก กอแสงเรือง นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้พิจารณารับเรื่องร้องเรียนขอความช่วยเหลือในเรื่องของคดีจากมารดาของนายวีระ สมความคิด

          เวลา 14.00 น. เครือข่ายฯ ได้เดินทางไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานกาชาดสากลประจำประเทศไทย ให้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลคุ้มครองสิทธิพลเมืองระหว่างประเทศให้กับนายวีระและคณะที่ถูกคุมขัง โดยนัดรวมพลังคนไทยบริเวณประตู 4 หน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 13 ม.ค. หากรัฐบาลไม่มีการดำเนินการให้คืบหน้าทางเครือข่ายฯ  จะเดินทางไปกดดันให้ปิดด่านที่อรัญประเทศ

          นายสุริยะใส  กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) กล่าวว่า กัมพูชาอาจยกระดับเอาคำพิพากษาของศาลร้องต่อยูเอ็น เพื่อให้ยูเอ็นเข้าเป็นเจ้าภาพแก้ปัญหาเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นประเทศไทยและคนไทยทั้ง 64 ล้านคนจะตกเป็นจำเลย ไม่ใช่แค่ 7 คนไทยเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยก็จะเสียเปรียบหรือเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ซ้ำรอยกรณีปราสาทพระวิหาร เพราะเราไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการต่อประชาคมโลกว่าจุดที่ 7 คนไทยถูกจับนั้นเป็นดินแดนฝั่งประเทศไทย การใช้ท่าทีตั้งรับแบบนี้ไม่อาจปกป้องดินแดนไทยในพื้นที่พิพาทอีกหลาย ๆ พื้นที่ได้อย่างแน่นอน

          คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยต่อกรณีดังกล่าว โดยเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างรอบคอบและปกป้องสิทธิและเสรีภาพของคนไทยทั้ง 7 คนตามหลักสิทธิมนุษยชน ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอย่างเคร่งครัด และขอให้รัฐบาลไทยดูแลสวัสดิภาพของคนไทยที่ถูกจับกุม  และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งการดำเนินการเพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา

          ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก เดินทางไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่กองกำลังสุรนารี และร่วมโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยนายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศกัมพูชา แต่เป็นการเยี่ยมเยียนให้กำลังใจทหาร ประชาชน และร่วมกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติเท่านั้น

          เมื่อถามถึงกรณีที่อัยการกัมพูชาได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับนายวีระและ น.ส.ราตรี นายสุเทพกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ชี้แจงฝ่ายเดียว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันดูแล เพราะการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันถือว่าดีที่สุด

          ถามว่า ดูแล้วสมเด็จฮุน เซน มีความแข็งกร้าวขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อย่าไปแปลอะไรเกินเหตุ เมื่อซักว่าแสดงว่าขณะนี้รัฐบาลไทยกับกัมพูชายังไม่มีความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง นายสุเทพบอกว่า ใช่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ส่วนกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ระบุว่าอาจจะมีการลดระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศ ต้องถามนายปณิธาน ตนไม่ทราบเรื่อง และไม่ทราบว่าทำไมนายปณิธานพูดอย่างนั้น

          พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ ครม.อนุมัติงบประมาณจำนวน 517 ล้านบาทว่า เป็นงบกลางของรัฐบาลที่ทางกองทัพได้อนุมัติของบประมาณ ซึ่งไม่ใช่งบลับ เป็นงบประมาณที่ขออนุมัติต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่บังเอิญประจวบเหมาะกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพได้ประสานงานพูดคุยกันหารือกันตลอด ส่วนกรณีกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติจะเคลื่อนการชุมนุมไปที่บริเวณ อ.อรัญประเทศ เป็นหน้าที่ของกองกำลังบูรพาและผู้ว่าฯ สระแก้วที่ต้องหารือกัน

          "การชุมนุมหากไม่ส่งผลกระทบและไม่มีความวุ่นวายก็สามารถชุมนุมได้  ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้าไปในพื้นที่ที่ยังเป็นปัญหาเรื่องดินแดนน่าจะไม่ใช่สิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมเกี่ยวกับมาตรการและข้อห้ามต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่" พ.อ.ธนาธิปกล่าว


ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต


          ขณะที่ความคืบหน้าของความพยายามในการประกันตัว 7 คนไทยนั้น ล่าสุดนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลกัมพูชาอนุญาตให้ประกันตัว 2 ใน 7 คนไทยแล้ว ได้แก่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ และนฤมล จิตรวะรัตนา  ในวงเงินประกัน 1 หมื่นบาท โดยมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ แต่ไม่ได้จำกัดว่า ต้องอยู่ในสถานทูตไทยหรือไม่อย่างไร ขณะที่ผู้ต้องหาที่เหลืออีก 5 คน ศาลกัมพูชาจะพิจารณาเป็นรายบุคคลต่อไป ซึ่งนี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี และขณะนี้ทั้ง 2 คนได้เดินทางออกจากเรือนจำเพรย์ซอร์ เพื่อไปพักอยู่ในสถานทูตไทยแล้ว

          ขณะที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เขียนแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กว่า มีแนวโน้มที่จะประกันตัวให้ 5 คน ยกเว้นนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ซึ่งถูกแจ้งข้อหาพยายามประมวลข่าวสาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการป้องกันประเทศ เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา และอยู่ในการไต่สวน



ศาลไต่สวน วีระ-ราตรี เสร็จแล้ว คุมกลับคุก [12 มกราคม]


          ศาลกัมพูชาไต่สวนวีระ-ราตรี เพิ่มเสร็จแล้ว ก่อนคุมกลับคุก เจ้าตัวขอใช้ล่ามจากสถานทูตไทย ด้านกษิตเผยให้เรียกจุดที่ 7 คนไทยโดนจับว่า เดินล้ำแนวหลักเขตที่กัมพูชาดูแลอยู่ ด้านกัมพูชา แจง เหตุไม่รับสายเรียกเข้า10 สายเบอร์ต่างประเทศ อ้างปิดเสียงโทรศัพท์ พร้อมเผยฮุนเซน ไม่เคยเอ่ยชื่อว่า ใครโทรหา

           เมื่อวันที่ 11 มกราคม  นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนไทย มาชี้แจงกรณีที่ 7 คนไทยโดนจับ พร้อมกับกำชับให้เรียกจุดที่คนไทยโดนจับว่า "7 คนไทยเดินล้ำแนวหลักเขตที่กัมพูชาดูแลอยู่" พร้อมยืนยันว่า คนไทยทั้ง 7 ล้ำเข้าไปยังเขตดังกล่าวแค่ 55 เมตร ไม่ได้ล้ำเข้าไป 1,200 เมตร ดังที่กัมพูชากล่าวอ้าง

           ขณะที่ศาลกัมพูชาได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ฐานพยายามประมวลข่าวสารซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการป้องกันประเทศ ตามมาตรา 27 และมาตรา 446 ของกฎหมายกัมพูชา และศาลนัดไต่สวนเพิ่มเติมเฉพาะ 2 คนนี้ ในเช้าวันนี้ (12 มกราคม) โดยล่าสุด นายวีระ ขึ้นศาลแล้ว พร้อมบอก "เขายัดข้อหาผม"  ส่วนนางสาวราตรี ก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

          ทางด้าน นายณฐพร โตประยูร และนายการุณ ใสงาม ซึ่งเป็นทนายความของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เข้าพบกับนางสาวราตรี ทันทีที่ได้พบทีมกฎหมาย สีหน้าของนางสาวราตรีได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที โดนนายการุณ กล่าวว่า เรื่องการตัดสินคดีนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ โดยศาลได้ทำการไต่สวนเสร็จสิ้นแล้ว ต้องรอเวลาที่ศาลจะทำการนัดวันตัดสินคดีอีกครั้ง


เขมรจับคนไทย


          ขณะที่นายณฐพร กล่าวว่า จะทำหนังสือถึงสภาทนายความเร่งให้ความช่วยเหลือให้ตนและทีมงาน เข้ามาช่วยเหลือด้านคดีกับ 7 คนไทย โดยขณะนี้ ทั้ง 7 คน มีการร้องขอให้นายณฐพร เป็นทนายความแล้ว 3 คน ประกอบด้วย นางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ นายวีระ สมความคิด และ นางนฤมล จิตรวะรัตนา และขณะนี้ อยากร้องขอให้ทางการไทยหาล่ามแปลภาษากัมพูชาให้ ซึ่งที่ผ่านมาใช้ล่ามที่เป็นชาวกัมพูชาและเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หวั่นว่าจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ จึงขอให้ทางการไทยช่วยเหลือ
 
          ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เปิดเผยว่า ทางทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลกัมพูชาตามคำขอของนายวีระ สมความคิด ที่จะขอให้ปากคำผ่านล่ามที่สถานทูตไทยจัดไว้ให้เท่านั้น และปฏิเสธจะใช้ล่ามของกัมพูชา



          โดย 7 คนไทยเดินล้ำแนวหลักเขตที่กัมพูชาดูแลอยู่ ประกอบด้วย


          1. นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์

          2. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น

          3. นายกิชพลธรณ์ ชุสนะเสวี

          4. ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ คนสนิท พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

          5. นางนฤมล จิตรตนา

          6. นางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์

          7. นายตายแน่ มุ่งมาจน
 

          อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การเพิ่มข้อหาครั้งนี้จะทำให้การช่วยเหลือบุคคลทั้งสองทำได้ยากมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการขอประกันตัว ส่วนอีก 5 คนที่มีแค่ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเข้าเขตทหารโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ศาลกัมพูชายังไม่ได้มีคำสั่งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ดังนั้นคงต้องรอดูความชัดเจนจากศาลก่อนว่าจะนัดพิจารณาคดีเลยหรืออนุญาตให้ประกันตัว

          ขณะที่ ฟิฟทีนมูฟ เว็บไซต์ของนักเคลื่อนไหวที่เกาะติดสถานการณ์พระวิหาร รายงาน หน่วยงานสื่อและตอบโต้เร็วในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกหนังสือแจงด่วน บนเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 11 มกราคม 2554 ถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ กรณี หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ลงข่าวคลาดเคลื่อนที่ระบุว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ทำการโทรศัพท์หา สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จำนวน 10 สาย แต่ สมเด็จฮุนเซน ไม่รับ โดยแจงว่า ข้อเท็จจริงคือ ฮุนเซน พบสายที่ไม่ได้รับจากต่างประเทศ 10 สาย แต่ที่ไม่ได้รับเนื่องจากตั้งโทรศัพท์เป็นระบบเงียบ และระบุว่า สมเด็จฮุนเซน ไม่ได้เอ่ยถึง นายกษิต ภิรมย์ เลยแม้แต่คำเดียว โดยหนังสือฉบับดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้ …

          หน่วยข้อมูลข่าวสารและโต้ตอบเร็ว สำนักนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เรียกร้องอย่างหนักแน่นให้ บางกอกโพสต์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ระดับมืออาชีพ ตีพิมพ์อย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขการอ้างคำกล่าวที่ผิดพลาดในหัวข้อข่าว "Court slaps 2 Thais with spying charge" ตีพิมพ์เมื่อ 11 มกราคม 2554 เวลา 12.00 น. ในคำกล่าวอ้างที่ว่า ฮุน เซน กล่าวว่า  …

           เมื่อคืนวันที่ 29 ธันวาคม นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้โทรหาตนประมาณ 10 ครั้ง แต่ตนไม่รับโทรศัพท์" ข้อความนี้ผิดจากข้อเท็จจริง ทำให้เข้าใจผิด ซึ่งนำไปสู่การสร้างความสับสนและเข้าใจผิดระหว่างรัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทย

           โดยความจริงคือ สมเด็จฮุนเซน กล่าวสุนทรพจน์ ระหว่างพิธีมอบปริญญาบัตร ณ สถาบันการศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมาอย่างชัดเจนว่า "…เขาพบสายที่ไม่ได้รับจากโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ ประมาณ 10 สาย ในโทรศัพท์ของเขา โดยที่ไม่ได้รับโทรศัพท์เหล่านั้นเนื่องจากความจริงที่ว่า ก่อนหน้านั้นเขาได้ตั้งโทรศัพท์เป็นระบบเงียบ" นายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ไม่ได้เปิดเผยว่า ใครเป็นคนที่พยายามโทรศัพท์หาเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่ได้พูดถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย กษิต ภิรมย์ เลยแม้แต่คำเดียว

           หน่วยสื่อและตอบโต้เร็ว เรียกร้องว่า ข้อมูลที่ถูกต้องจะถูกตีพิมพ์ในบทความชี้แจงในหน้าเดียวกันในทันที ซึ่งสาธารณชนไทยและนานาชาติ ควรได้รับรู้สถานการณ์ที่ถูกต้องเป็นพื้นฐาน ในอันที่จะช่วยให้เขาสร้างความเข้าใจที่เหมาะสมต่อการจับกุมและดำเนินคดี 7 คนไทย ซึ่งรุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินกัมพูชา เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา


อัยการกัมพูชา แจ้งข้อหา วีระ-ราตรี เพิ่ม  [11 มกราคม]

          ชวนนท์ เผยอัยการกัมพูชา แจ้งข้อหา วีระ-ราตรี เพิ่ม ฐานพยายามประมวลข่าวสาร โดยศาลนัดไต่สวน เฉพาะ 2 คน พรุ่งนี้

          เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2554 นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ล่าสุด อัยการกัมพูชาได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ฐาน “พยายามประมวลข่าวสาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการป้องกันประเทศ ตามมาตรา 27 และ มาตรา 446 ของกฎหมายกัมพูชา” โดยศาลนัดไต่สวนเพิ่มเติมเฉพาะ 2 คนนี้ เช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งการเพิ่มข้อหาครั้งนี้ จะทำให้การช่วยเหลือบุคคลทั้ง 2 ทำได้ยากมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการขอประกันตัว

          นายชวนนท์ กล่าวว่า ส่วนอีก 5 คน ที่มีแค่ข้อหาเข้าเมือง โดยผิดกฎหมาย และเข้าเขตทหาร โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ศาลกัมพูชา ยังไม่ได้มีคำสั่งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ดังนั้น คงต้องรอดูความชัดเจน จากศาลก่อนว่า จะนัดพิจารณาคดีเลย หรือ อนุญาตให้ประกันตัว

          ทั้งนีั เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า

          นายธานี กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินคดีนั้น ศาลยังไม่ได้กำหนดว่าจะมีการไต่สวนหรือพิจารณาคดีเมื่อใด แต่ภายหลังขบวนการตัดสินของศาลแล้ว คนไทยทั้ง 7 สามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ภายใน 30 วัน


ฮุนเซน
ฮุนเซน


          อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์บายอน ของกัมพูชา ว่า ชั่วโมงนี้ ไม่มีใครสามารถเจรจาให้กัมพูชาปล่อยตัว 7 คนไทยได้ เพราะทุกอย่างอยู่ในกระบวนการของศาล และขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย หรือองค์การสหประชาชาติ ก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงคดีนี้ได้แน่นอน



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก 
  
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แม่พนิชเปิดใจห่วงลูกชาย ยันว่าอยู่ฝั่งไทย อัปเดตล่าสุด 15 มกราคม 2554 เวลา 17:32:04 90,425 อ่าน
TOP