
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
เอแบคโพลล์ชี้เยาวชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลถึงร้อยละ 65.4 ไม่รู้ปีนี้วันมาฆบูชาตรงกับวันที่เท่าไหร่ ขณะที่ร้อยละ 62.7 ไม่รู้หลักธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในวันมาฆบูชา ด้านบ้านสมเด็จโพลเผยคนกรุงไม่รู้มาฆบูชาตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ร้อยละ 35.1 ศรัทธาพระมหาสมปองมากที่สุด
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการ เพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่องความรู้ความเข้าใจของเด็ก-เยาวชนไทยเกี่ยวกับวันมาฆบูชา และความตั้งใจที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ในวันมาฆบูชา โดยศึกษาเยาวชนอายุ 12-24 ปีที่พักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 1,325 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2554 ผลสำรวจพบว่า มีเพียงร้อยละ 34.6 ทราบ และระบุได้ถูกต้องว่าวันมาฆบูชาตรงกับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ส่วนร้อยละ 65.4 ไม่ทราบ
เมื่อสอบถามการรับรู้ในหลักธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในวันมาฆบูชา มีตัวอย่างเพียงร้อยละ 37.3 เท่านั้นที่สามารถระบุได้อย่างถูกต้องว่าคือ "โอวาทปาติโมกข์" นอกนั้นไม่ทราบหรือระบุไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ ผู้ที่ทราบก็มีเพียงร้อยละ 27.7 ที่สามารถสรุปใจความสำคัญของหลักธรรมดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง ว่าหมายถึงการทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
สำหรับกิจกรรมที่จะทำในวันมาฆบูชา ร้อยละ 72.2 ระบุจะทำบุญตักบาตร ร้อยละ 50.9 ร่วมพิธีเวียนเทียน ร้อยละ 42.0 ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว นอกนั้นถวายสังฆทาน ทำความสะอาดบ้านเรือน ปล่อยนก ปล่อยปลา บริจาค ทำทานสงเคราะห์ผู้อื่น เป็นต้น
เยาวชนส่วนใหญ่บอกด้วยว่า สิ่งที่ตั้งใจจะลด ละ เลิกในวันมาฆบูชา ได้แก่ เลิกพูดปด โกหก นินทาว่าร้าย พูดส่อเสียด ไร้สาระ ลดการดื่มเหล้า เลิกสูบบุหรี่ เลิกเล่นการพนัน/อบายมุข เลิกลักเล็กขโมยน้อย เลิกขี้เกียจ เลิกใช้ยาเสพติด เลิกทำสิ่งผิดกฎหมาย เลิกทะเลาะวิวาทกับคนอื่น/ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เป็นต้น นอกจากนี้ สิ่งที่เยาวชนไทยต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ เพื่อส่งเสริมงานพระพุทธศาสนา ร้อยละ 65.7 ระบุจัดให้มีงานนิทรรศการ/กิจกรรมทางศาสนาในวันสำคัญเป็นประจำ ร้อยละ 32.9 รณรงค์ให้กลุ่มเยาวชนหันมาสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนามากขึ้น อาทิ ทำบุญตักบาตร สวดมนต์ ถือศีล 5 เป็นต้น
อีกประเด็นที่น่าสนใจ กลุ่มเด็กและเยาวชนไทยให้ความสำคัญกับวันมาฆบูชา มากกว่าวันวาเลนไทน์ร้อยละ 43.2 ส่วนผู้ที่ให้ความสำคัญวันวาเลนไทน์มากกว่าวันมาฆบูชามีร้อยละ 6.4 ขณะที่ร้อยละ 27.3 ให้ความสำคัญเท่ากันทั้ง 2 วัน
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในโอกาสการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนประกาศตนเป็นพุทธมามกะ โดยไปเวียนเทียนที่วัดใกล้บ้าน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนต้องเข้าไปรับศีล ปฏิบัติธรรม ถือหลักของพระพุทธศาสนา ไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำความดีและทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทำให้บ้านเมืองสงบสุข ที่สำคัญตนอยากจะรณรงค์ให้พุทธศาสนิกชนคนไทย เดินทางไปทำบุญยังสังเวชนียสถาน ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกับพี่น้องชาวมุสลิมที่จะต้องไปร่วมพิธีฮัจญ์ ประเทศซาอุดีอาระเบียปีละ 1 ครั้ง
"ระยะหลังพี่น้องประชาชนให้ความสนใจไปสังเวชนียสถานกันมากขึ้น ปี 2553 มีประชาชนเดินทางไป 50,000 คน โดยก่อนหน้านี้ผมได้เดินทางไปนำเมล็ดพันธุ์ต้นศรีมหาโพธิ์ มาเพาะแจกพุทธศาสนิกชน เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และในวันที่ 17-20 ก.พ.นี้ ผมพร้อมกับผู้บริการกระทรวงวัฒนธรรมจะเดินทางไปเวียนเทียนที่พุทธคยาอีกครั้ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ โดยจะมีการถ่ายทอดสดพิธีเวียนเทียนจากประเทศอินเดียกลับมายังประเทศไทยด้วย เพราะอยากให้พี่น้องได้เห็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ หากพี่น้องคนไหนมีกำลังทรัพย์เพียงพอ ไม่เดือดร้อน ก็อยากให้เดินทางไปสังเวชนียสถานครั้งหนึ่งในชีวิต" นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ นอกจาก "เอแบคโพล" แล้ว ยังมี "บ้านสมเด็จโพล" ที่จัดทำผลสำรวจเกี่ยวกับประเด็นวันมาฆบูชาเช่นกัน โดยศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพล ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนในกรุงเทพมหานคร ทั้งสิ้น 1,147 คน เมื่อวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า ชาว กทม.ส่วนใหญ่จำไม่ได้ว่า วันมาฆบูชาตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 โดยมีชาว กทม.ถึงร้อยละ 55.4 ไม่ทราบว่า "วันมาฆบูชา" ถือเป็น "วันกตัญญูแห่งชาติ" หรือ "วันแห่งความรักอันบริสุทธิ์" ตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2549
ขณะเดียวกันศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพล ยังได้ถามความคิดเห็นชาว กทม. ว่า ศรัทธาพระสงฆ์รูปใด ปรากฎว่า ชาว กทม.ร้อยละ 35.1 ศรัทธาพระมหาสมปอง รองลงมาร้อยละ 34.4 ศรัทธาพระมหาวุฒิชัย หรือ ว.วชิรเมธี ขณะที่ร้อยละ 21.1 ศรัทธาพระพิศาลธรรมพาที หรือ พระพยอม กัลยาโณ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก






