สถิติเด็กหายพุ่ง! เจ้าหน้าที่จี้ พม.เร่งแก้ไข


เด็ก



สถิติเด็กหายพุ่ง! จนท.โยนกลอง (ไทยโพสต์)

          เผยญาติคนหายไร้ที่พึ่ง พม.ไม่พร้อมติดตามคนหาย หลังมูลนิธิกระจกเงาปิดศูนย์ข้อมูลไปแล้ว 2 เดือน ยังมีคนโทร.มาแจ้งร้องทุกข์ไม่ขาดสาย ระบุช่วงปิดเทอมรับแจ้งเด็กหายมากที่สุด ติงอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ รับปากช่วยผลักดันเต็มที่ แต่ไม่คืบหน้า จี้รัฐเร่งจัดทำฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบ

          เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข อดีตหัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า หลังจากได้ประกาศปิดตัวโครงการศูนย์ข้อมูลคนหายไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้เกิดการใส่เกียร์ว่างในการติดตามคนหาย ที่ประชาชนแจ้งไว้กับหน่วยงานภาครัฐ คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลือตั้งแต่การรับแจ้งเรื่องร้องทุกข์ การให้คำปรึกษา การจัดทำฐานข้อมูลคนหาย และการประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งตามหาคนหายให้พบเร็วที่สุด แต่กลับไม่มีความพร้อมในการจัดการปัญหาคนหายอย่างเป็นระบบ และ ขาดองค์ความรู้ที่จะช่วยเหลือประชาชนการตามหาตัวคนหายให้เจอได้

          นายเอกลักษณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามูลนิธิสามารถช่วยติดตามคนหาย และพากลับบ้านได้ 70% ของการรับแจ้งเหตุ คนหายส่วนมากเป็นเด็กอายุ 11-15 ปี เดือนละ 30-50 ราย และ มีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาปิดเทอมเป็นช่วงที่มีการแจ้งเหตุเด็กหายมากที่สุด อายุเฉลี่ยเด็กหายก็ยังน้อยลง ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นตามชุมชนเมืองใหญ่ ๆ และพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่มีเวลาดูแลบุตรหลาน ก็จะทำให้เด็กหายไปจากบ้านมีทั้งสมัครใจ และถูกล่อลวง

โดยสาเหตุคนหายเกิดจากปัจจัย ดังนี้

        1. สมัครใจหนีออกนอกบ้าน เพราะปัญหาครอบครัว พ่อแม่ใช้ความรุนแรง หรือไม่เลี้ยงดูเอาใจใส่

        2.ถูกล่อลวงไปกระทำผิดทางเพศจากการชักชวนบนโลกอินเทอร์เน็ต

        3.เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพ ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม

          นายเอกลักษณ์กล่าวว่า แม้มูลนิธิจะยกเลิกศูนย์ข้อมูลคนหายแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีครอบครัวที่ลูกหลานสูญหายได้โทร.มาแจ้งขอความช่วยเหลือ มูลนิธิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้หมายเลขโทรศัพท์ของศูนย์ประชาบดี พม. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ครอบครัวโทร.ไปร้องทุกข์เรื่องคนหายกับภาครัฐโดยตรง แต่ปรากฏว่าหลายครอบครัวต้องผิดหวังที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ โดยเฉพาะหน่วยงานศูนย์ประชาบดีในจังหวัดต่างๆ แค่แนะนำให้ไปที่สถานีตำรวจ ซึ่งทำได้เพียงรับแจ้งความเท่านั้น และไม่สนใจตามตัวคนหายแต่อย่างใด ดังนั้นงานติดตามคนหายจึงเป็นหน้าที่ของ พม.โดยตรง 

          "ผมทำงานติดตามคนหายเป็นเวลา 9 ปี จัดทำฐานข้อมูลและวิธีการจัดการอย่างเป็นระบบ ผมได้หารือนายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อยกโปรแกรมฐานข้อมูลคนหายให้ฟรี พร้อมทั้งติดตั้งระบบการรับแจ้งและติดตามคนหายให้ศูนย์ประชาบดี โดยนายปกรณ์รับปากว่าจะผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่เวลาผ่านมาแล้ว 2 เดือน ปรากฏว่าไม่คืบหน้า ฐานข้อมูลยังไม่พร้อมใช้งาน ทั้งๆ ที่เรื่องคนหายเป็นเหตุเร่งด่วน แต่ภาครัฐใส่เกียร์ว่าง เพราะไม่รู้จะรับมือปัญหาคนหายได้อย่างไร" นายเอกลักษณ์ เผย

          อดีตหัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายกล่าวอีกว่า ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่มีฐานข้อมูลคนหายเช่นกัน จึงทำได้เพียงรับแจ้งความ ซึ่งเป็นวิธีขั้นพื้นฐานที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่วิธีการติดตามคนหาย ภาครัฐจะต้องทำงานอย่างบูรณาการ เชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน เพื่อตรวจสอบข้อมูลคนหายในระบบต่างๆ เช่น โรงพยาบาล เรือนจำ หรือศพไม่ทราบชื่อ อีกทั้งกระบวนการติดตามคนหายมีขั้นตอนแตกต่างกัน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานภาครัฐ จะต้องมีเร่งฝึกอบรมให้ความรู้เรื่องนี้ เพื่อนำไปสู่การพบตัวคนหายได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สถิติเด็กหายพุ่ง! เจ้าหน้าที่จี้ พม.เร่งแก้ไข อัปเดตล่าสุด 21 พฤษภาคม 2554 เวลา 16:02:40 6,187 อ่าน
TOP
x close