x close

ตำรวจลงนามสั่งฟ้องแล้ว คดี พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ชน หมอมุก

   


ตร. เตรียมสั่งฟ้อง 'พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์' แล้ว (ไอเอ็นเอ็น)

          ผบก.น.1 ยืนยันลงนามความเห็นสั่งฟ้อง "พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์" ที่ขับรถชน "หมอมุก" จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในข้อหาพยายามฆ่าแล้ว

          พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีพันเอกศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่ขับรถชน พันตรีแพทย์หญิงหทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก แพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้รับบาดเจ็บสาหัสว่า

          หลังจากพนักงานสอบสวนได้เชิญพันเอกศักดิ์สิทธิ์มาสอบปากคำเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนสามารถสรุปสำนวนการสอบสวนได้เป็นที่ยุติแล้ว และเมื่อวานที่ผ่านมา ตนได้เซ็นอนุมัติคำสั่งการสรุปสำนวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องพันเอกศักดิ์สิทธิ์ในข้อหาพยายามฆ่าแล้ว พร้อมกับได้นัดผู้ต้องหา โดยส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการศาลทหารในวันพรุ่งนี้

          สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยพันเอกศักดิ์สิทธิ์ได้ขับรถพุ่งชนหมอมุกที่หน้าบ้านพักย่านสามเสน เนื่องจากไม่พอใจที่หมอมุกจอดรถขวางทางออก จากนั้นพันเอกศักดิ์สิทธิ์ได้หลบหนีไปและเมื่อคดีนี้เป็นข่าวครึกโครม พันเอกศักดิ์สิทธิ์ทนกระแสสังคมไม่ไหวจึงเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว


[23 กรกฎาคม] แจ้งข้อหา พ.อ. ชน หมอมุก สัปดาห์หน้า







แจ้งข้อหา พ.อ. ชน หมอมุก สัปดาห์หน้า (ไอเอ็นเอ็น)

          รอง ผบช.น. เผย หลังสอบมารดาหมอมุก ยัน พ.อ.ขับรถชนหมอมุกจริง จากหลักฐานที่ปรากฏสัปดาห์หน้าแจ้งข้อหาพยายามฆ่า

          เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยภายหลังสอบสวน พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดา พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิยา หรือ หมอมุก หลังจากเข้าดูหลักฐานภาพจำลองเหตุการณ์ที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ  ซึ่งจากการสอบปากคำและพยานหลักฐาน สามารถชี้ชัดแล้วว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้ต้องสงสัยเป็นคนขับรถที่ใช้ก่อเหตุจริง ซึ่งภาพวงจรปิดจากสถานีรถไฟฟ้าซอยอารีย์ ประจักษ์พยานปรากฏชัดเจนว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เป็นคนขับรถคันดังกล่าวไปรับภรรยา บุตรสาว และเพื่อนของบุตรสาวก่อนก่อเหตุ ประกอบกับภาพในขณะจอดหน้าร้านและตอนก่อเหตุ 

          ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ และเรียกเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาพยายามฆ่า เนื่องจากภาพระบุชัดเจนว่า มีการขับรถกระชาก และมีการออกตัวเร็วผิดปกติ เจตนาที่จะให้หมอมุกหล่นจากบริเวณกระโปรงรถด้านหน้า อย่างไรก็ตามหากจะมีจะการตั้งโต๊ะเจรจา ทางพนักงานสอบสวนจะเป็นคนกลางในการเจรจาเรื่องค่าเสียหายให้



[22 กรกฎาคม] จับตาแจ้งข้อหา คดีหมอมุก ได้หรือไม่ (ไอเอ็นเอ็น)

          มารดา และญาติ หมอมุก จะเข้า พบ ตำรวจ อีกครั้ง ในเวลา 10.00 น.วันนี้ ต้องจับตา ว่า พงส.สน.พญาไท จะแจ้งข้อหาในคดีหมอมุก ได้หรือไม่

          ภายหลังจากที่ แพทย์หญิง พรรณกร อิ่มวิทยา แม่ของหมอมุก ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากภาพกราฟิก การจำลองลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเทียบเคียงกับการออกตัวของรถและความเร็วที่พุ่งชน เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุด ในคดีขับรถชน พ.ต.แพทย์หญิง หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก จนทำให้ได้รับบาด อาการเจ็บสาหัส มีอาการทางสมองอย่างรุนแรง เหตุเกิดเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมานั้น ในวันนี้เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ได้เชิญทางแพทย์หญิงพรรณกร เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม โดยแม่ของหมอมุก จะเดินทางมาที่ สน.พญาไท พร้อมกับ นายกอสล้าง วรรณรสพากย์ ญาติผู้พี่ของหมอมุก และทนายความจากสภาทนายความ อย่างไรต้องติดตามกันว่า ในวันนี้จะมีความคืบหน้าทางคดีอย่างไร รวมถึง ต้องจับตาดูว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะสามารถสรุปแจ้งข้อกล่าวหาคนที่ขับรถชนหมอมุก ในความผิดพยามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและสามารถแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุได้หรือไม่







[15 กรกฎาคม] ญาติหมอมุกมีหลักฐานเด็ด พลิกคดี

          ญาติหมอมุก เผย ดูหลักฐานเด็ดทางคดี พบ ขัดแย้งกับการให้ปากคำของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมปรึกษาทนาย ดำเนินการ ไม่เข้าใจตำรวจปักใจเชื่อ พ.อ.ศักสิทธิ์ เป็นคนก่อเหตุ

          นายกอสล้าง วรรณรสพากษ์ ญาติผู้พี่ของหมอมุก เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ตนได้เข้าพบ พันตำรวจโท โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผู้กำกับการสืบสวน สน.พญาไท เพื่อไปรับหนังสือให้เชิญมารดาของหมอมุก ไปสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับ ดูหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่บุตรสาว พันเอกศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ลงมาจากประตูทางออกสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จนกระทั่งเกิดเหตุ ซึ่งมีกว่า 40 ชอต ที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ในวันอังคารที่ 19 กรกฎาคมนี้ โดยเบื้องต้น ตนได้ประสานไปยัง ทีมทนายความ ทราบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับคดีอีกเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งตนกับทีมทนายความ จะนัดคุยกันนอกรอบอีกครั้ง ก่อนจะยืนยันการเข้าพบทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์

          อย่างไรก็ตาม นายกอสล้าง กล่าวอีกว่า ตนยังมีข้อสงสัยถึงหลักฐานบางอย่างที่ทนายความ ระบุว่า มีความขัดแย้งกัน เกี่ยวกับที่มาที่ไปของรถที่ใช้ก่อเหตุ รวมถึง สาเหตุว่า ทำไม พนักงานสอบสวน ถึงปักใจเชื่อว่าเป็น พันเอก ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขับรถในวันเกิดเหตุ 



หมอมุก

หมอมุก

หมอมุก

หมอมุก

หมอมุก


[11 กรกฎาคม] หมอมุก อาการดีขึ้น-เดินเยี่ยมให้กำลังใจทหาร

           "หมอมุก" เยี่ยมให้กำลังใจทหารพรานบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่ยะลา แม่เผย อาการหมอมุก ดีขึ้น เพราะกำลังใจจากคนที่ส่งให้

           เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ได้เดินออกมาจากห้องพักพิเศษ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยมี พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดา พาออกมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมของผู้ป่วย โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้าประคอง จากนั้น พญ.พรรณกร ก็ได้พา หมอมุก ลงลิฟท์ มายังหอผู้ป่วยศัลยกรรมทั่วไปชาย ซึ่งอยู่ที่ชั้น 13 และพาไปเยี่ยมอาการของ นายณรงค์ รัตนานันท์รัศมี อายุ 33 ปี อาสาสมัครทหารพราน ที่นอนพักรักษาตัว จากการถูกสะเก็ดระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่ ที่ จ.ยะลา ต้องเข้าเฝือกทั้งแขนและขา

           โดย หมอมุก ได้ทักทายให้กำลังใจ ด้วยการยิ้มและชู 2 นิ้ว ให้กับอาสาสมัครทหารพราน แต่ไม่ได้พูดอะไร โดย พญ.พรรณกร กล่าวต่อว่า อาการทั่วไปของ หมอมุก ขณะนี้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูสุขภาพดี และก้าวเดินเป็นจังหวะมากขึ้น อาการตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว พูดคุยรู้เรื่อง เรียกว่าปาฏิหาริย์มีจริง เพราะกำลังใจจากทุกคนที่ส่งมาให้จะทำให้ หมอมุก หายเป็นปกติได้ ส่วนเรื่องคดีมอบมหายให้สภาทนายความ ทำหน้าที่ดูแลแทน ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย



หมอมุก เดินไกล 100 เมตร ยกมือไหว้สื่อชู 2 นิ้ว


[8 กรกฎาคม] หมอมุก เดินไกล 100 เมตร ยกมือไหว้สื่อชู 2 นิ้ว 

          ผอ.กองอุบัติเหตุ ร.พ.พระมงกุฎ เผย หมอมุก เดินได้ 100 เมตร ยิ้ม ชู 2 นิ้วสู้ตาย ให้นักข่าว โดยแพทย์จะดูลำคอ เพื่อให้ออกเสียงได้

          พ.อ.นพ.ธีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชการฉุกเฉิน ร.พ.พระมงกุฎ เปิดเผยความคืบหน้าอาการ พ.ต.พ.ญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก แพทย์ประจำ ร.พ.พระมงกุฎ ว่า วันนี้หมอมุก มีพัฒนาการดีขึ้นมาก สามารถเดินได้ไกลเป็นระยะทาง 100 เมตร โดยมีความมั่นคงและต่อเนื่องเป็นจังหวะดี ซึ่ง หมอมุก ก็เข้าใจในคำสั่งได้ดี ขณะที่ หมอมุก ยกมือไหว้สื่อมวลชน ชู 2 นิ้ว และโบกมือ พร้อมทั้งการทำกิจกรรมบำบัด หมอมุก ก็สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร ส่วนการพูด ยังไม่สามารถพูดเป็นคำ มีแต่เพียงเสียงหัวเราะ อย่างไรก็ตาม พ.อ.น.พ.ธีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชการฉุกเฉิน ร.พ.พระมงกุฎ กล่าวต่อว่า วันนี้ จะมีแพทย์หูคอจมูกมาเช็กในเรื่องลำคอ ว่าเส้นเสียงมีปัญหาอะไรหรือไม่ ที่ส่งผลกระทบต่อการออกเสียง พร้อมทั้ง วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท จะเดินทางเข้าสอบปากคำ พ.อ.น.พ.เสกสรรค์ ชายทวีป แพทย์นิติเวช กองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน ร.พ.พระมงกุฎ อีกด้วย


แพทย์เผยอาการหมอมุกดีขึ้น ชูนิ้วไอเลิฟยูทักสื่อ

หมอมุก


[5 กรกฎาคม] แพทย์เผยอาการหมอมุกดีขึ้น ชูนิ้วไอเลิฟยูทักสื่อ


         ผอ.อุบัติเหตุ ร.พ.พระมงกุฎเกล้า เผยอาการหมอมุก ดีขึ้นมาก เดิน ยิ้ม และหัวเราะ ทักทายสื่อมวลชน พร้อมทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ด้วย

         พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เปิดเผยความคืบหน้าอาการล่าสุดของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ว่า มีความคืบหน้าอีก 1 ระดับ หมอมุก สามารถใช้มือขวาตักข้าวทานเอง พร้อมกันนี้ การบ้วนปาก แปรงฟัน ทำเองได้โดยไม่สำลัก และการทานผลไม้ ก็สามารถแยกเมล็ดเองได้ นอกจากนี้ หมอมุก ยังสามารถทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู พร้อมทั้ง เดินด้วยไม้เท้าจากห้องพัก มาหาสื่อมวลชนหน้าห้องศัลยกรรม ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ไม่มีกังวล 

         ทั้งนี้ พ.อ.นพ.พีระพล กล่าวอีกว่า วันนี้ในช่วงบ่าย จะมีโปรแกรมการสอนพูด โดยจะมีแพทย์นักพูด มาสอนการพูดให้ หมอมุก เพราะขณะนี้ หมกมุก ยังพูดไม่ได้ มีเพียงแต่หัวเราะมีเสียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ตั้งความหวังไว้ว่า ภายใน 1 สัปดาห์ หมอมุก จะสามารถพูดได้เป็นปกติ 

         นอกจากนี้ ในส่วนของรูปคดี สัปดาห์หน้า พ.ญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดา หมอมุก และญาติ จะเข้าไปพบกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อดูภาพลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งตั้งทนายความไปดูในเรื่องคดีอีกด้วย



หมอมุก


[4 กรกฎาคม] ลูกสาว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เข้าให้ปากคำคดีหมอมุกแล้ว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย ladyEdnaMode , ครอบครัวข่าว 3, รายการเรื่องเล่าเช้านี้, youtube.com โพสต์โดย thaitvnewstube, ครอบครัวข่าว 3


           ลูกสาว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เข้าให้ปากคำกับตำรวจในฐานะพยานในคดีหมอมุก หลังเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว ขณะที่อาการหมอมุกโดยรวมดีขึ้น

           วันนี้ (4 กรกฎาคม) ที่ สน.พญาไท น.ส.พินพิสุทธิ์ ภู่กลั่น อายุ 19 ปี บุตรสาวของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน ในฐานะพยานที่เห็นเหตุการณ์ขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยวรรณ อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก โดยมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ร่วมสอบปากคำ

           โดยหลังจากที่ น.ส.พินพิสุทธิ์ เดินทางมาถึง ได้เดินเข้าห้องสอบสวนอย่างเร่งด่วนทันที ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย ได้กล่าวก่อนสอบสวนพยานว่า เบื้องต้นจะสอบสวนว่าก่อนเกิดเหตุได้ทำอะไรอยู่ที่ไหน ตรงกับคำให้การของบิดาหรือไม่ รวมถึงนำดีเอ็นเอของ น.ส.พินพิสุทธิ์ ไปตรวจพิสูจน์ ทั้งนี้ในส่วนของเพื่อน น.ส.พินพิสุทธิ์ คาดว่าอีกสองวันจึงจะเรียกมาสอบปากคำ ซึ่งคาดว่า อีก 2-3 วัน น่าจะเสร็จเรียบร้อย และสามารถแจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีได้ทันที โดยไม่ต้องรอสอบปากคำหมอมุก

           ส่วนอาการของหมอมุก ขณะนี้สามารถกินอาหารปั่นได้แล้ว ทำให้มีแรงมากขึ้น ขยับมือได้ ซึ่งอาการโดยรวมยังอยู่ในช่วงฟื้นฟู จากนี้คาดว่าอีกประมาณ 3 เดือน อาการหมอมุกน่าจะดีขึ้น ซึ่งวันนี้ทีมกายภาพได้เข้ามาทำกายภาพบำบัดให้หมอมุกตามปกติ


[2 กรกฎาคม] หมอมุก อาการทรงตัว แพทย์สั่งงดเยี่ยม 2 วัน

          แพทย์งดเยี่ยมอาการหมอมุก 2 วัน ให้พักผ่อนเต็มที่ งดทำกายภาพบำบัด หวังให้ร่างกายฟื้นฟูเต็มที่ ขณะสามารถลุกนั่งบนเตียงได้ พร้อมหัดการกลืนอาหาร ส่วนการพัฒนาสมองเริ่มดีขึ้น แพทย์แนะให้เล่นกับเด็กพัฒนาสมอง

          วันนี้ (2 กรกฎาคม) พ.ญ.พรรณกร อิ่มวิทยา แม่ของหมอมุก เปิดเผยว่า วันนี้แพทย์จะไม่ทำกายภาพบำบัด พ.ต.พ.ญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เนื่องจาก หมอมุก ได้ทำกายภาพมาหลายวันแล้ว แพทย์จึงต้องการให้หมอมุกพักผ่อนร่างกายอย่างเต็มที่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมกันนี้ แพทย์ยังสั่งให้งดเยี่ยมหมอมุกเป็นการชั่วคราว 2 วัน เพื่อไม่เป็นการรบกวนการพักผ่อนของหมอมุก

          ทั้งนี้ แม่ของหมอมุก ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ เป็นช่วงพักผ่อนร่างกาย โดยจะเริ่มทำกายภาพบำบัดในวันจันทร์นี้ตามเวลาปกติ

          ด้าน พ.อ.น.พ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎ เปิดเผยความคืบหน้าอาการล่าสุดของ หมอมุก ว่า ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ อาการของหมอมุกยังคงทรงตัว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดยเมื่อเช้า หมอมุก สามารถช่วยเหลือตัวเอง ลุกนั่งบนเตียงได้ แต่ต้องมีญาติคอยช่วยเหลือ พร้อมกันนี้ แพทย์ยังต้องคอยช่วยเหลือ เรื่องของการกิน เนื่องจากหมอมุกยังมีการสำลักอยู่ และการบ้วนน้ำก็ไม่สามารถทำได้เท่าที่ควร แพทย์จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

          ส่วนทางด้านสมองต้องรอการฟื้นฟูความจำของสมองให้หายปกติ ขณะที่พัฒนาการทางด้านสมอง ถือว่า เป็นปกติในระยะเริ่มแรก โดยแพทย์แนะนำให้มารดาหมอมุกนำเด็กมาเล่นด้วย เนื่องจาก หมอมุกมีการตอบสนองกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ทั้งนี้ แพทย์ยังตั้งความหวังเอาไว้ว่าในเวลา 2-6 เดือน สมองจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และกลับมาเป็นปกติอย่างแน่นอน

          อย่างไรก็ตาม ในการเข้าเยี่ยมเสาร์-อาทิตย์ แม่หมอมุกจะสแกนคนเข้าเยี่ยม เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการพักผ่อนของหมอมุก นอกจากนี้ ยังมีกำลังพลทหารของโรงพยาบาลพระมงกุฎ เฝ้าดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

หมอมุก



[1 กรกฎาคม] หมอมุก พูดได้แล้ว เดินได้ไกล 5 เมตร

         อาการหมอมุกดีขึ้น ยิ้มและพูดได้ ชมพยาบาลว่าสวย ตักอาหารรับประทานเอง เดินได้ 5 เมตร ขณะที่ ช่วงบ่ายแพทย์ ย้ายออกจากห้องไอซียูแล้ว

         วันนี้ (1 กรกฎาคม) พ.อ.น.พ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชศาสตร์ฉุกเฉิน เปิดเผยอาการล่าสุดของ พ.ต.พ.ญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ที่ถูกรถพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่าอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน

         ล่าสุด นักกายภาพบำบัด ได้ทำกายภาพบำบัดให้หมอมุก เป็นเวลาประมาณ 30 นาที โดยมี พ.ญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุก คอยให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ซึ่งหมอมุกมีสีหน้าสดใส สามารถพยุงให้ยืน และเดินได้ประมาณ 5 เมตรแล้ว และยังสามารถหัวเราะได้ด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถเปล่งเสียงชมพยาบาลที่ดูแลว่า สวย และสามารถตักอาหารอ่อนรับประทานเองได้ ประมาณ 4-5 คำ ถือว่าสมองฟื้นฟูได้ดีขึ้น

         ทั้งนี้ ช่วงบ่าย ทางโรงพยาบาลจะย้ายหมอมุกจากห้องไอซียูไปพักฟื้นที่ห้องฟื้นฟูพิเศษ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 14 ต่อไป ซึ่งจากนี้จะมีนักกิจกรรมบำบัด เข้ามาช่วยเหลือให้หมอมุกสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเช้ามีคนนำกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยม พร้อมเขียนอวยพรให้กำลังใจอย่างไม่ขาดสาย


หมอมุก


[30 มิถุนายน] แม่หมอมุก ลั่นไม่ยอมความคนผิด หลังพยายามฆ่าลูก

         คดี "หมอมุก" ใกล้สรุป "อำนวย" ชี้สำนวนเสร็จกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ รอผลตรวจกองพิสูจน์หลักฐาน อีก 2 วันเฉลยใครขับรถชน แย้มเบื้องต้นเป็นผู้ชาย ฟุ้งมีหลักฐานชัดเจน พร้อมรอกุญแจสำคัญคำให้การ พญ.หทัยพร ที่อาการดีวันดีคืนมัดซ้ำ

          ความคืบหน้าอาการของหมอมุกในช่วงเช้าวันนี้ (30 มิถุนายน) พบว่า หมอมุกมีอาการดีขึ้น สมองที่บวมยุบลง พัฒนาการในการขยับร่างกายดีขึ้นมาก โดยหมอมุกสามารถยืนได้นานขึ้น และใช้ช้อนตักน้ำในแก้วจิบเองได้ นอกจากนี้ หมอมุกยังสามารถเปิดหนังสือดูรูปภาพเองได้โดยไม่กลับหัว

          ด้าน พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาหมอมุก กล่าวว่า ตนเองจะไม่ยอมความกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด เพราะเห็นว่าในช่วงที่เกิดเหตุลูกสาวนอนร้องขอความช่วยเหลือนานกว่า 10 นาที แต่ผู้ก่อเหตุยังพยายามจะขับรถพุ่งชนลูกสาวอีก แต่มีผู้ชาย 3 คนมาขวางไว้ แสดงให้เห็นว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนโหดร้าย ใจดำ มีเจตนาฆ่าหมอมุก จึงตั้งใจจะดำเนินคดีต่อไป

         ขณะที่เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดี พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก ถูกรถพุ่งชนได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี

         พล.ต.ต. อำนวยกล่าวว่า ขณะนี้สำนวนการสอบสวนคืบหน้าไปมากถึง 85 เปอร์เซ็นต์ และอีก 1-2 วัน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) จะนัดพนักงานสอบสวนไปดูผลการตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากที่มีการส่งภาพต่างๆ จากกล้องวงจรปิดของ กทม.ที่จับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ไปตรวจสอบ

         "เบื้องต้นสามารถแยกแยะเห็นตัวละครได้ โดยน่าจะชัดเจนอย่างหนึ่งแล้วว่าคนขับเป็นผู้ชาย โดยมีภาพทำไว้ 40 กว่าช็อต เห็นภาพชัดเลยว่าใครอยู่ตรงไหน ใครขึ้นรถทางซ้าย ใครขึ้นฝั่งคนขับ ใครเขียนอะไรตรงไหน และยืนคุยกันตรงไหน ส่วนใครเป็นคนขับผมรู้ตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่อยากสรุป ซึ่งจะสรุปได้ก็ต่อเมื่อหลักฐานทุกอย่างชัดเจน เพราะนอกจากภาพวงจรปิดที่ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจ ยังมีการตรวจสอบดีเอ็นเอ ลายพิมพ์นิ้วมือที่เขียนข้อความปรากฏบนกระจกรถ พยานแวดล้อม พยาน 2 ปากที่เห็นคนขับและเห็นเหตุการณ์" พล.ต.ต.อำนวยกล่าว

         รอง ผบช.น.กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทดลองภาพจำลองว่าขับรถในลักษณะนี้ ความเร็วขนาดนี้ มีการกระชากออกตัวแบบนี้ บาดแผลบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ และจะดูไปถึงเรื่องของความผิดว่ามีเจตนา หรือเพียงแค่ประมาทชนคนได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือพยายามฆ่า ซึ่งขณะนี้ก็ชัดเจนแล้วระดับหนึ่ง

         เมื่อถามว่า มีการนัดสอบปากคำบุตรสาว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยเมื่อใด พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า มีการนัดหมายแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยวันเวลาสถานที่ได้ เพราะว่าเป็นเรื่องสิทธิเด็กและสตรี

        "กุญแจดอกสำคัญ ผมกำลังให้พนักงานสอบสวนติดต่อกับทางโรงพยาบาล เพราะอาการหมอมุกดีวันดีคืน แพทย์ยืนยันว่าสามารถให้ปากคำได้เมื่อใด ความจำกลับคืนมาปกติแล้ว พนักงานสอบสวนจะเข้าสอบปากคำทันที เพราะเป็นกุญแจดอกสำคัญยืนยันตัวผู้กระทำความผิด รวมถึงรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นอีก 15 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือในส่วนนี้" รอง ผบช.น.กล่าว

         วันเดียวกัน (29 มิถุนายน) ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาหมอมุก กล่าวว่า อาการล่าสุดหมอมุกดีขึ้นมาก สามารถทานน้ำแข็งเองได้ โดยตักจากกระบอกน้ำแข็งเองแล้วเคี้ยว เพราะโดยปกติหมอมุกเป็นคนชอบทานน้ำแข็งมาก และนักกายภาพมาช่วยเหลือหมอมุก โดยพยุงให้จับเครื่องช่วยพยุงตัวเอง ซึ่งหมอมุกก็สามารถยืนได้และยืนเต็มฝ่าเท้า ฉะนั้นโอกาสที่จะเดินได้นั้นมีสูงมาก รวมทั้งแพทย์ยังมาช่วยฝังเข็มกระตุ้นให้อีกทาง

         พ.อ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชศาสตร์ฉุกเฉิน กล่าวว่า หมอมุกสดใสขึ้นมาก สามารถยืนได้นานประมาณ 5 นาที โดยไม่มีอาการเหนื่อย และจะพยายามให้ยืนได้มากขึ้นในวันต่อ ๆ ไป ซึ่งเบื้องต้นพบว่าแขนและขาไม่มีอาการอ่อนแรง จึงคาดว่าจะสามารถเดินได้ตามปกติ ส่วนอาการสมองไม่มีการอักเสบแล้ว รอเพียงให้เวลาฟื้นตัวเท่านั้น แต่ที่น่าเป็นห่วงมีเพียงอาการไข้ยังมีเล็กน้อย









หมอมุก

หมอมุก

หมอมุก

หมอมุก



[29 มิถุนายน] หมอมุกยืนได้แล้ว แม่ปลื้มสวมกอดทั้งน้ำตา

          หมอมุกยืนได้แล้ว แม่ปลื้มสวมกอดทั้งน้ำตา อีกทั้งยังตักน้ำแข็งกินได้เอง ด้านแพทย์เชื่อว่าจะกลับไปเดินได้ตามปกติ ขณะที่ความคืบหน้าของคดีความคืบหน้าไปถึง 85 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือเพียงสอบปากคำลูกสาว พ.อ. ศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น

         วันนี้ (29 มิถุนายน) ผู้สื่อข่าวรายงานอาการคืบหน้าล่าสุดของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ที่ห้องผู้ป่วยหนัก (ไอซียู)  โรงพยาบาลพระมงกุฎ โดยในช่วงเช้านักกายภาพบำบัดได้ให้ หมอมุก ลุกยืนบนเครื่องช่วยพยุง ซึ่งหมอมุกก็ทำได้ดี สามารถพยุงตัวได้ 5 นาที ถึง 2 ครั้ง โดยมี พญ.พรรญกร อิ่มวิทยา มารดายืนให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ทั้งนี้่ พญ.พรรญกร ได้ช่วยกระตุ้นหมอมุกโดยการเรียกให้หมอมุกเงยหน้ามอง หมอมุกก็ได้ทำตามพร้อมยิ้มให้กับ พญ.พรรญกร ด้วย ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มให้ผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก ถึงกับดึงหมอมุกไปสวมกอดทั้งน้ำตา

        หลังจากที่หมอมุก ทำกายภาพบำบัดเสร็จ ทาง พญ.พรรณกร ได้เปิดเผยถึงอาการของหมอมุกว่า ขณะนี้หมอมุกสามารถตักน้ำแข็งซึ่งเป็นของโปรดจากกระติกทานเองได้แล้ว ส่วนการกายภาพบำบัดก็เป็นไปได้ด้วยดี หมอมุก สามารถยืนได้เต็มฝ่าเท้า ทั้งนี้ตนคิดว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่หมอมุกจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีการกระตุ้นด้วยการฝังเข็มอีกด้วย คาดว่าคงอีกไม่นานหมอมุกจะสามารถย้ายออกจากห้องไอซียูได้

        พร้อมกันนี้ พญ.พรรณกร ยังได้กล่าวอีกว่า ทางครอบครัวอิ่มวิทยา ไม่ได้ต้องการเงิน หรือรับบริจาคเงินจากประชาชนแต่อย่างใด เพราะขณะนี้ตนก็ได้รับความช่วยเหลือจากทางโรงพยาบาล และกลุ่มเพื่อน ๆ อีกหลายแห่งอยู่แล้ว ถ้าหากพบว่ามีใครนำชื่อหมอมุกไปขอรับบริจาคนั้น อย่าไปเชื่อเพราะไม่เป็นความจริงและอาจจะถูกหลอกได้ อย่างไรก็ตาม ตนของขอบคุณผู้สื่อข่าวและประชาชนทุกคนที่คอยให้กำลังใจตนมาตลอด นับว่าเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดในขณะนี้

       ทางด้าน พ.อ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและ เวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า อาการของหมอมุกวันนี้ ดีขึ้นตามลำดับ หมอมุกมีสีหน้าสดใสมากขึ้น และหลังจากที่เมื่อวานหมอมุกสามารถลุก-นั่งได้แล้ว วันนี้หมอมุกก็สามารถพยุงตัวยืนเต็มเท้าได้ 5 นาที ถึง 2 ครั้ง โดยไม่มีอาการเหนื่อยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ตนก็จะพยายามให้หมอมุกได้ยืนมากขึ้นในวันต่อ ๆ ไป พร้อมทำกายภาพบำบัดแขน และขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนคาดว่า หมอมุกจะกลับมาเดินได้ตามปกติอย่างแน่นอน

      ทั้งนี้ ทางคณะแพทย์ฯ ได้ทำรายงานอาการป่วยของหมอมุก ส่งไปยังสำนักพระราชวัง เพื่อกราบบังคมทูลฯ ถวายรายงานแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามพระบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ และทรงมีความสนพระทัยต่ออาการของหมอมุก โดยทรงรับสั่งให้คณะแพทย์รายงานความคืบหน้าอาการของหมอมุกมาโดยตลอด

      สำหรับความคืบหน้าด้านคดีความ ทาง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. รับผิดชอบด้านการสอบสวน กล่าวว่า มีความคืบหน้าประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลักฐานดังกล่าวนั้น มีภาพจากกล้องวงจรปิด ดีเอ็นเอ ลายมือแฝงในรถยนต์ รวมถึงพยานบุคคล ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพ ผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน ว่า คนขับเป็นผู้ชายอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอสอบพยานอีกปากคือ ลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า สถานที่สอบปากคำเป็นที่ใด เวลาใด เพราะติดในเรื่องสิทธิเด็กและสตรี


พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ พาแม่เยี่ยมหมอมุก พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง


          พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น เข้าเยี่ยมหมอมุก  พร้อมมอบหลักฐานกล้องถ่ายรูป และเสื้อผ้าที่ใส่ในวันเกิดเหตุ ลั่น ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง และยืนยันว่าเป็นคนชนหมอมุกจริง
 
          วานนี้ (28 มิถุนายน) พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น  ผอ.กองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมทนายความ โดยนำหลักฐานเป็นกล้องถ่ายรูปแคนนอน รุ่น IXUS 75 ที่ใช้ถ่ายภาพหมอมุกในวันเกิดเหตุไว้จำนวน 1 รูป พร้อมเสื้อผ้าที่ใส่ในวันเกิดเหตุ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะนำไปตรวจสอบ และหาเส้นใยว่าตรงกับที่อยู่ภายในรถหรือไม่

         พร้อมกันนี้ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า ได้เดินทางไปเยี่ยมอาการหมอมุก และพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าเป็นคนขับรถชนหมอมุกเอง ไม่ได้รับผิดแทนผู้ใดอย่างแน่นอน ส่วนลูกสาวของตนยังไม่พร้อมให้ปากคำแต่อย่างใด

        ทางด้าน พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผู้กำกับการ สน.พญาไท กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานกำลังทำการรวบรวมหลักฐาน และสอบสวนให้เป็นไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ยังไม่สามารถเข้าไปสอบปากคำหมอมุกได้ เพราะต้องรอให้หมอมุกอาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน

        ขณะที่แพทย์หญิงพรรณกร อิ่มวิทยา แม่ของหมอมุก กล่าวว่า แม่ของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ได้มาเยี่ยมหมอมุก และนำพระแก้วมรกตจำลอง ขนาด 12 นิ้วมามอบให้บูชา โดยตนและแม่ของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้พูดคุยกันในฐานะหัวอกคนเป็นแม่ โดยแม่ของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ บอกว่า หากต้องการความช่วยเหลือสิ่งใดก็ได้บอกทันที ซึ่งตนก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น

       สำหรับอาการของหมอมุก ขณะนี้ดีขึ้นมาก ทางทีมแพทย์ได้ทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมอง โดยเน้นซีกขวาเป็นหลัก เพราะซีกขวาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ทั้งนี้ทางทีมแพทย์จะย้ายหมอมุกออกจากห้องไอซียูภายใน 2-3 วันนี้ 


หมอมุก

แม่หมอมุก


[28 มิถุนายน] หมอมุก อาการดีขึ้น-แม่ไม่หวั่นโดนโทรขู่

           มารดา "หมอมุก" เผย อาการลูกสาว ดีขึ้น เป็นเรื่องมหัศจรรย์ รอลุ้น ออกจากห้องไอซียู พร้อมระบุ ไม่หวั่น โทรศัพท์ข่มขู่ และไม่โกรธคนก่อเหตุ

           วันนี้ (28 มิถุนายน) แพทย์หญิงพรรณกร อิ่มวิทยา มารดา พันตรีแพทย์หญิง หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก กล่าวถึงอาการล่าสุดของลูกสาวว่า ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างมากที่อาการของ หมอมุก ดีวันดีคืน ซึ่งในวันนี้ นอกจากหมอมุกจะลุกนั่งได้แล้ว ยังสามารถยกแขนขึ้นเหนือหัว ได้ทั้ง 2 ข้าง รวมไปถึงการบิดตัวไปมา และมีการฝึกกลืนน้ำ แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่สามารถพูดได้ เนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อนของหมอมุกจะเดินทางมาทำการฝังเข็มให้กับหมอมุกด้วย

           แพทย์หญิงพรรณกร กล่าวต่อว่า มีแนวโน้มที่จะนำตัวหมอมุกจากห้องไอซียู ในเร็ว ๆ นี้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นวันใด ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะหยุดทำงานเอาเวลาทั้งหมดมาดูแลหมอมุกแทน

           ส่วนในเรื่องของคดีนั้น ขณะนี้หมอมุกยังไม่สามารถให้การได้ คงต้องรอให้อาการหายดี โดยส่วนตัวของตนนั้น ก็ไม่ขอพูดถึงในเรื่องของคดีความ และกรณีที่มีโทรศัพท์ข่มขู่ ซึ่งขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงไม่รู้สึกเจ็บแค้นกับคนที่ขับรถพุ่งชนลูกสาว เนื่องจากอยากอยู่กับปัจจุบันมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณกำลังใจจากประชาชนทุกคน ที่ส่งกำลังใจมาให้ทั้งในและนอกประเทศ


มือลึกลับโทร.เข้าห้องฉุกเฉิน เตือน หมอมุก ระวังตัว!

           มือลึกลับโทร.เข้าห้องฉุกเฉินเตือนให้ระวัง "หมอมุก" อาการดีขึ้นอาจมีคนมาทำร้าย รพ.สั่งดูแลความปลอดภัยเข้ม ผลทำกายภาพบำบัดตอบสนองดี นศ.เกษตรฯ พับกระเรียนพันตัวมอบเป็นกำลังใจ ตำรวจส่งเจ้าหน้าที่คุ้มครองแม่หมอมุกแล้ว ผกก.สน.พญาไท ไม่ฟันธงคนขับเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย รอผลตรวจพิสูจน์หลักฐาน 2-3 วัน

           ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วันที่ 27 มิถุนายน ตลอดทั้งวันได้มีคนนำกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยมพร้อมเซ็นหนังสือให้กำลังใจ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก แพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกรณีถูกรถพุ่งชนและกำลังนอนรักษาตัวอยู่ โดยมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จำนวนหนึ่งเดินทางมาเยี่ยม พร้อมกับพับนกกระเรียน 1,000 ตัวมามอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ

           พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุก กล่าวว่า เห็นอาการลูกดีขึ้นตนก็ดีใจ ตอนนี้ร่างกายซีกขวาเขาไม่ค่อยมีแรง ตนก็ช่วยบีบนวดให้ ซึ่งในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ รพ.ได้ติดต่อคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มมารักษาให้หมอมุกด้วย ส่วนความคืบหน้าทางคดีเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. มีตำรวจมาคอยดูแลไปรับไปส่ง และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มาดูแลความปลอดภัยให้ด้วย หลังจากที่ได้รับแจ้งจากพยาบาลเวรกลางคืนว่า มีคนโทรศัพท์มาเตือนว่าตอนนี้หมอมุกเริ่มหายเป็นปกติ ให้ระวังจะมีคนมาทำร้าย จึงทำให้ รพ.ต้องนำป้ายห้ามเยี่ยมมาติดหน้าประตูห้องไอซียู

           ด้านนายกอสล้าง วรรณรสพากย์ ลูกพี่ลูกน้องของหมอมุก กล่าวว่า ตนและ พญ.พรรณกร ได้รับแจ้งจากพยาบาลผลัดกลางคืนว่า เมื่อประมาณ 06.00 น. มีชายเสียงคล้ายคนมีอายุโทรศัพท์เข้ามาที่ห้องฉุกเฉิน และเตือนให้ระวังตอนนี้หมอมุกอาการดีขึ้นแล้ว อาจจะมีคนมาทำร้าย ซึ่งยังไม่เข้าใจเจตนาของผู้ที่โทร.เข้ามา ซึ่งได้รายงานให้ ผอ.รพ.ทราบแล้ว หลังจากนี้จะทำหนังสือขอความอนุเคราะห์จาก ผอ.รพ.เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผลัดกันเข้าเวรยามให้เพิ่ม มากขึ้น

           นอกจากนี้ ตนได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไทแล้ว ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบมาคอยดูแลความ ปลอดภัยอย่างเข้มงวดด้วยเช่นกัน

           ด้าน พ.อ.นพ.อารมย์ ขุนภาษี ผู้อำนวยการกองเวชศาสตร์ฟื้นฟู กล่าวว่า คณะนักกายภาพบำบัดได้เข้ามาทำกายภาพบำบัดให้กับคุณหมอเป็นวันแรก ผลปรากฏว่ามีการตอบสนองที่ดี บ่งบอกถึงอาการที่ดีขึ้นมาก ซึ่งยังต้องประเมินวันต่อวันถึงพัฒนาการต่อไป

           ส่วนความคืบหน้าของคดี พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท ได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก แต่จะต้องสอบไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ผลยังไม่ชี้ชัดว่าบุคคลใดเป็นผู้ขับรถพุ่งชนหมอมุก แม้กระทั่งตัว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กล่ำ ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่เข้ามอบตัว ก็ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาใด ๆ และหากหมอมุกอาการดีขึ้น จะรีบให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำโดยทันที ซึ่งจะได้ข้อสรุปว่าในวันที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร และบุคคลใดเป็นผู้ที่ขับรถชนหมอมุกกันแน่

           พ.ต.อ.สมาน กล่าวว่า ส่วนลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ และเพื่อนบุตรสาว ยังไม่ได้รับการติดต่อจะเข้ามาให้ปากคำแต่อย่างใด โดย พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ได้อ้างว่าติดงานที่ต่างจังหวัด และอยากจะขอเดินสายทำบุญไหว้พระก่อน ซึ่งถ้าหากลูกสาวจะมาก็คงมาพร้อมกับ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับเรื่องหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อื่นๆ เช่น ผลตรวจลายนิ้วมือ, ผลตรวจดีเอ็นเอนั้น ผลการตรวจพิสูจน์จากสำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.) ยังไม่ออกมา ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีก 2-3 วัน

           ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า คนที่ขับรถตัวจริงเป็นลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนิสัยใจร้อนคล้ายผู้ชาย พ.ต.อ.สมาน กล่าวว่า ไม่รู้ว่าผู้สื่อข่าวได้ข่าวมาจากไหน เพราะอาจจะเป็นแค่ข่าวลือ แต่ถึงอย่างไรขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่า คนขับรถพุ่งชนหมอมุกที่แท้จริงเป็นใคร เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น


หมอมุก


[27 มิถุนายน] ตำรวจพร้อมให้ตรวจภาพหมอมุกขวางรถ หากพบตัดต่อ

          ผกก.สน.พญาไท ยัน คดีหมอมุก ทำตามหลักฐาน รอสอบปากคำลูกสาว พ.อ.เพิ่ม พร้อมให้ตรวจภาพหมอมุก หาก พบพิรุธมีการตัดต่อ

          พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผู้กำกับการ สน.พญาไท เปิดเผยความคืบหน้า การติดตามคลี่คลายคดี พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้ที่ออกมายอมรับว่า ขับรถชนหมอมุกนั้น ขณะนี้ในส่วนของ พนักงานสอบสวน ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการตามกฎหมาย โดยจะพิจารณาจากสำนวนและพยานแวดล้อม รวมถึง พยานหลักฐานที่ได้ ทั้งนี้ยังเหลือการสอบปากคำพยานที่เหลือในคดี โดยทาง พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน รายงานงานเบื้องต้นได้ประสานงานมานัดวันเข้ามาให้ถ้อยคำแล้ว แต่ทางพยานยังไม่ได้กำหนดวันและเวลาที่ชัดเจน จึงอาจจะต้องให้เวลายืดออกไปก่อน อีกทั้ง ผลสรุปหลักฐานการตรวจร่องรอยของตัวรถ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะพยายามเร่งรัดต่อไป

          อย่างไรก็ตาม จากกรณีภาพถ่าย ขณะที่ หมอมุก กำลังยืนกอดอกขวางหน้ารถที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ นำมาเป็นหลักฐานให้ทางพนักงานสอบสวน ก่อนหน้านี้ มีกูรูจากทางเว็บไซต์ ระบุว่า อาจจะเป็นภาพตัดต่อนั้นทาง พ.ต.อ.สมาน กล่าวว่า หากสังคมคลางแคลงใจในประเด็นนี้ก็อาจจะต้องให้มีการตรวจสอบ แต่ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานด้วย


จ่อขอกำลังตำรวจคุ้มครอง แม่หมอมุก พยานคนสำคัญ

         "หมอมุก" อาการกระเตื้องตามลำดับ แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว "พญ.พรรณกร" ขอบคุณคนไทยทั่วประเทศที่ห่วงใย ญาติเตรียมขอตำรวจคุ้มครองแม่หมอมุก เหตุกลับบ้านคนเดียวระยะทางไกลทั้งที่เป็นพยานสำคัญ

         เมื่อวันอาทิตย์ มีความคืบหน้าอาการ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก แพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ถูกรถพุ่งชนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โดย พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและฉุกเฉิน รพ.พระมงกุฎเกล้า ระบุว่า คณะแพทย์ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจให้หมอมุกแล้ว เพราะอาการโดยทั่วไปดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย หมอมุกเริ่มมีอาการตอบสนอง รู้สึกตัวมากขึ้น สามารถพยักหน้า ตอบรับ ประสาทรับรู้เริ่มเร็วขึ้น สามารถประคองนั่งได้ สามารถบีบจับ อาการไข้น้อยลง ภาวะเลือดดีขึ้น แต่ยังต้องพักฟื้นอยู่ในห้องไอซียูโดยสวมหน้ากากออกซิเจนธรรมดาไว้ "อาการ โดยรวมถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี และมีการฟื้นตัวเร็ว โดยในวันที่ 27 มิ.ย.จะเริ่มทำกายภาพบำบัดให้หมอมุกต่อไป" พ.อ.นพ.พีระพล กล่าว

         ขณะที่ พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาหมอมุก ที่ยังคงดูแลอย่างใกล้ชิด ในช่วงเช้าได้เดินทางจาก รพ.ไปทำบุญที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ย่านบางพลัด ก่อนกลับมาในช่วงเที่ยง และได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพอาการของหมอมุก โดย พญ.พรรณกร เผยว่า ดีใจที่อาการของลูกสาวดีขึ้นมาก และขอขอบคุณสื่อมวลชน และคนไทยทั่วประเทศที่ให้ความสนใจติดตามอาการบาดเจ็บ ของลูกสาว ทุกวันนี้เดินทางไปไหนก็จะมีคนถามอาการและอวยพรให้หายไว ๆ

         นาย กอสล้าง วรรณรสพากย์ ลูกพี่ลูกน้องหมอมุก กล่าวว่า ทุกวันมารดาหมอมุกเดินทางไป-กลับที่บ้านด้วยรถโดยสารประจำทาง และต้องเดินเท้าไกลเพื่อเข้าบ้าน ซึ่งได้ปรึกษากับทนายความว่า พญ.พรรณกร และ พ.ต.พญ.หทัยพร อยู่ในฐานะพยานและผู้เสียหาย น่าจะได้รับการคุ้มครองจากตำรวจ จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท เพื่อขอตำรวจพร้อมยานพาหนะมาคุ้มครองดูแลในฐานะพยาน คาดว่าจะได้รับคำตอบภายในวันที่ 27 มิ.ย.นี้        

         ตลอดทั้งวันมีประชาชนที่ทราบข่าวยังคงเดินทางมาเยี่ยมหมอมุก อาทิ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์, หลวงพ่อสำราญธรรม ซึ่งเป็นพระที่หมอมุกและมารดาให้ความเคารพ ก็ได้เดินทางมาจากจังหวัดมหาสารคาม เพื่อเข้าเยี่ยมอาการพร้อมสวดเจริญภาวนาเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมขอเสื้อกาวน์ที่ปักชื่อหมอมุก ซึ่งเป็นชุดทำงานไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ สืบชะตาก่อนเดินทางกลับด้วย เช่นเดียวกับนางพะเยา สุกใส อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นร่างทรงของท้าวหิรัญฮูพนาสูร ได้เดินทางมาเพื่อขอรูปถ่าย และวันเดือนปีเกิดของหมอมุกเพื่อนำไปทำพิธีต่ออายุ


[26 มิถุนายน] หมอมุก อาการดีขึ้น ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว


          แพทย์ถอดเครื่องหายใจ "หมอมุก" แล้ว เผย ฟื้นตัวเร็ว แต่ยังต้องพักฟื้นในห้อง ICU พรุ่งนี้ ทำกายภาพบำบัด

          พันเอกนายแพทย์ พีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฏ เปิดเผยถึงความคืบหน้า อาการ พันตรี แพทย์หญิง หทัยพร หรือหมอมุก อิ่มวิทยา แพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยระบุว่า เมื่อช่วงเช้าเวลา 08.00 น.ที่ผ่านมา คณะแพทย์ ได้ทำการถอดเครื่องช่วยหายใจให้กับหมอมุกแล้ว ทั้งนี้อาการโดยทั่วไปดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดีส่วนหมอมุก เริ่มมีอาการตอบสนอง รู้สึกตัวมากขึ้น สามารถพยักหน้ารับตอบรับ ประสาทรับรู้เริ่มเร็วขึ้น สามารถประคองนั่งได้ สามารถบีบจับ อาการไข้น้อยลง ภาวะเลือดดีขึ้น แต่ยังต้องพักฟื้นอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู. โดยสวมหน้ากากออกซิเจนธรรมดาไว้

          อย่างไรก็ตาม พันเอกนายแพทย์ พีระพล กล่าวว่า อาการโดยรวมของหมอมุก ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี และมีการฟื้นตัวเร็ว โดยในวันพรุ่งนี้จะเริ่มทำกายภาพบำบัดให้กับหมอมุกต่อไป


หมอมุก


[25 มิถุนายน] หมอมุก อาการดีขึ้น ตำรวจเผยคดีคืบกว่า 80% แล้ว

          แพทย์เผยอาการหมอมุกดีขึ้น คาดถอดเครื่องช่วยหายใจใน 1-2 สัปดาห์ ด้านตำรวจบอกคดีคืบหน้ากว่า 80% แล้ว รอผลพิสูจน์ดีเอ็นเอ

          วานนี้ (24 มิถุนายน) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เผยถึงความคืบหน้าคดี พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก ว่า เจ้าหน้าที่ต้องพิสูจน์ใน 2 ประเด็น คือ 1.กระทำว่าผิดอย่างไร และ 2.ใครเป็นคนกระทำผิด ซึ่งผลการตรวจดีเอ็นเอจะเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าใครกระทำ และขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปถึง 70-80% แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ไม่รู้สึกกดดันหรือยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด และยืนยันว่า พนักงานสอบสวนจะดำเนินการตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ ไม่อยากเร่งรัด

          ขณะที่ความคืบหน้าอาการของหมอมุก ล่าสุด พ.อ.นพ.พีรพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า อาการของหมอมุกดีขึ้นกว่าวันก่อน ๆ มาก เนื่องจากไข้ลดลงเหลือ 37.5 องศาเซลเซียส จากเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ไข้ขึ้นสูงถึง 38.9 องศาเซลเซียส ทำให้แพทย์กังวลถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่อาการล่าสุดทำให้สบายใจได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากยังไม่พบการติดเชื้อใด ๆ และไม่พบภาวะสมองบวมด้วย ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดี

          "ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะอาการยังไม่นิ่ง ต้องรอให้อาการคงที่กว่านี้ก่อน และต้องรอให้ถอดเครื่องช่วยหายใจเพื่อประเมินถึงการสื่อสารและการรับรู้ว่าเป็นเช่นไร โดยคาดว่าจะสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้อีก 1-2 สัปดาห์ เพราะขณะนี้อาการคนไข้ดีขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งคนไข้ยังตอบสนองต่อการเรียกชื่อได้ดีและรวดเร็วขึ้น โดยหันมามองทันที ขณะเดียวกันยังสามารถลืมตาและกำมือได้รวดเร็วขึ้นเมื่อ พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาบอกให้ลองทำ" พ.อ.พีรพลกล่าว

          ด้าน พญ.พรรณกร มารดาของหมอมุก กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้จับมือบุตรสาวแล้วมีการตอบรับด้วยการบีบนิ้วตอบ นอกจากนี้ลูกสาวยังมีอาการดีขึ้น สามารถกลอกตาขวาได้มากขึ้น ซึ่งทางทีมแพทย์ ก็มีความเห็นจะลดระดับการใช้เครื่องช่วยหายใจในวันนี้ เพื่อทดลองว่า จะสามารถหายใจได้เองหรือไม่ และหากทำได้ ก็จะถอดเครื่องช่วยหายใจออก ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีมาก ส่วนเรื่องคดีขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

          ขณะที่นายกอสล้าง วรรณรสพากย์ ลูกพี่ลูกน้องหมอมุก กล่าวว่า ขอความเป็นธรรมและเมตตาสงสารครอบครัวหมอมุกบ้าง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง ทุกวันนี้ พญ.พรรณกร หรืออาแดง ต้องนั่งรถประจำทางออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อมาโรงพยาบาลเยี่ยมลูกทุกวัน ตกค่ำหากลูกยังไม่หลับ อาแดงก็ไม่ยอมกลับบ้าน อยากขอร้องให้คู่กรณีตัวจริงออกมายอมรับ อย่าซ้ำเติมกันอีกเลย เพราะอาแดงไม่ได้ให้ความสนใจ หรืออยากรู้เรื่องเกี่ยวกับคดีด้วยซ้ำ ตอนนี้สิ่งที่แกเป็นห่วงคืออาการลูกสาวซึ่งกำลังเจ็บหนักอยู่เท่านั้น

          วันเดียวกัน พระอาจารย์ระพิน ปัญญานันทโภ เลขานุการเจ้าอาวาส วัดสกุลปักษี จ.สุพรรณบุรี ได้เดินทางมาเยี่ยมหมอมุก พร้อมมอบเหรียญหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม ให้ พญ.พรรณกร นำไปฝากเก็บไว้ใกล้เตียงพักฟื้นของหมอมุก โดยพระอาจารย์ระพินระบุว่า รู้จักกับหมอแดงและหมอมุกมานาน เนื่องจากเป็นคนใจบุญ ชอบทำบุญ หากที่วัดมีงานเทศกาลเชิญแม่ลูกคู่นี้ไปก็จะไม่ขัด ทั้งคู่จะเดินทางไปช่วยตลอด พอทราบข่าวจึงเดินทางนำวัตถุมงคลมามอบให้พร้อมอวยพรให้หายจากอาการบาดเจ็บไว ๆ

          ขณะที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เดินทางเข้าเยี่ยมหมอมุกเช่นกัน โดยกล่าวว่า เป็นเรื่องเลวร้ายมากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และขอให้ผู้ก่อเหตุกล้าออกมายอมรับผิด

          นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า ยังมีเพื่อนซึ่งเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนจิตรลดา รุ่นที่ 24 ได้รวบรวมเงินช่วยเหลือมามอบให้กับหมอมุกจำนวนหนึ่ง ซึ่งแม่ของหมอมุกจะนำไปไถ่ชีวิตโคกระบือ จำนวน 5 ตัว และวันนี้ แพทย์อนุญาตให้สื่อมวลชน เข้าไปถ่ายภาพหมอมุกได้ภายในห้องไอซียู




พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์


[24 มิถุนายน] หลุดปาก! พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ บอกไม่ได้โต้เถียงกับ หมอมุก

          พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ พาภรรยาเข้าให้ปากคำ พร้อมโชว์ภาพถ่ายหมอมุกยืนขวางรถ ในวันก่อนเกิดเหตุ ก่อนหลุดตอบนักข่าวไม่ได้โต้เถียงกับหมอมุก 

          วานนี้ (23 มิถุนายน) พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งเข้ามอบตัวสารภาพว่า เป็นผู้ขับรถพุ่งชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก แพทย์ รพ.พระมงกุฎเกล้า จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท พร้อมกับนางสภาวัลย์ ภู่กลั่น ภรรยา โดยมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1, พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท และ พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท เข้าร่วมสอบปากคำในคดีนี้

          ทั้งนี้ นางสภาวัลย์ เดินทางมาด้วยสภาพที่สวมหมวก มีผ้าปิดหน้าปิดตาอย่างมิดชิด และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่าจะขอให้การในชั้นสอบสวนเท่านั้น แต่ยังได้ยอมรับว่า อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย ส่วนทางด้านลูกสาวและเพื่อนที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่ได้เดินทางมาด้วยเนื่องจากติดภารกิจต้องเรียนหนังสือ

          ขณะที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ได้กล่าวยืนยันว่า ตนเองเป็นผู้ขับรถในวันเกิดเหตุจริง และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว จึงขอรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยังได้หยิบภาพถ่ายในวันก่อนเกิดเหตุ ซึ่งเป็นภาพของหมอมุกยืนกอดอกขวางหน้ารถมาวางให้ผู้สื่อข่าวดู ก่อนจะยกมือไหว้ และฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนขึ้นรถกลับออกไปทันที อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำกับ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ว่า ได้โต้เถียงกับ หมอมุก จริงหรือไม่ แต่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ กลับตอบว่า "ไม่ครับ ผมไม่รู้จักเค้า"

          ด้าน พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยภายหลังสอบปากคำ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ และภรรยา ว่า นางสภาวัลย์ได้นำภาพถ่ายก่อนเกิดเหตุมาเป็นหลักฐาน ส่วนคำให้การเป็นไปในลักษณะเดียวกับที่ทาง พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ให้เมื่อคราวก่อน แต่มีบางข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก ซึ่งอย่างน้อยสังคมจะได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดตรงนี้ได้ ส่วนลูกสาวและเพื่อนคาดว่าจะเรียกตัวมาสอบสวนภายใน 2-3 วันนี้ 

          "เบื้องต้นยังไม่แจ้งข้อหาใคร เพราะต้องสืบพยานหลักฐานให้ได้ข้อสรุปก่อน ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ใน 2 ครั้ง พบว่าคำให้การไม่ตรงกัน ฉะนั้นต้องสอบประจักษ์พยานหลายปากเพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน หากพบว่าไม่ตรงกันและมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จะต้องหาคนขับรถตัวจริงมาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป" พล.ต.ต.วิชัยกล่าว

          ขณะที่ นายกอสล้าง วรรณรสพากย์ ลูกพี่ลูกน้องของหมอมุก กล่าวว่า ทางญาติของหมอมุก รวมทั้ง พญ.พรรณกร ผู้เป็นมารดา ไม่เคยให้ข่าวว่าใครเป็นผู้ขับรถชนหมอมุก ไม่ทราบว่าสื่อมวลชนเอามาข้อมูลมาจากไหน 

          "เท่าที่พูดคุยกัน พญ.พรรณกร บอกผมว่า เห็นคนร้ายลดกระจกรถลงมา แต่หน้าตาก็ไม่เหมือน พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ามอบตัวกับตำรวจแต่อย่างใด ผมอยากบอกว่าครอบครัวหมอมุกถือเป็นครอบครัวทหารที่ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติมาโดยตลอด ดังนั้นเชื่อว่าทางกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติน่าจะให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวนี้อย่างถึงที่สุด" นายกอสล้าง กล่าว




หมอมุก



หมอมุก


[23 มิถุนายน] สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชทานดอกไม้เยี่ยมหมอมุก


          ผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อัญเชิญดอกไม้เยี่ยม "หมอมุก" และทรงรับไว้ในพระราชานุเคราะห์ มารดาปลาบปลื้ม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณสูงสุด ขณะที่ญาติและเพื่อนร่วมงาน เข้าเยี่ยมไม่ขาดสาย

          ท่านผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทาภิวัฒน์ ผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อัญเชิญดอกไม้ของใช้พระราชทาน มอบแก่ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุรถพุ่งชน เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา และทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ด้วย

          โดย พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา กล่าวว่า ตนรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก ที่ตนและลูกสาวได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุด ซึ่งขณะนี้ลูกสาวก็ได้เป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์แล้ว อย่างไรก็ตาม บรรยากาศหน้าห้องไอซียู ก็มีบรรดาญาติสนิทมิตรสหาย เดินทางมาเยี่ยมดูอาการ พร้อมลงชื่อในสมุดเยี่ยม รวมไปถึงสื่อมวลชนจากหลายสำนัก ให้ความสนใจได้ร่วมถ่ายภาพและทำข่าว





พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์โชว์ภาพ หมอมุก ยืนกอดอก

           พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ได้กล่าวยืนยันต่อสื่อมวลชน ยอมรับว่าตนเป็นผู้ขับรถในวันเกิดเหตุจริง ตนรู้สึกเสียใจและขอรับผิดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมหยิบภาพถ่ายในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นภาพของหมอมุกยืนกอดอกขวางหน้ารถของตน ก่อนจะยกมือไหว้และฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนขึ้นรถกลับออกไปทันที

ภรรยา พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น เข้าให้ปากคำคดีหมอมุก

          วันนี้ (23 มิถุนายน) นางสภาวัน ภู่กลั่น ภรรยาของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ขับรถยนต์ชน พันตรีแพทย์หญิงหทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก บาดเจ็บสาหัส ได้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพยานในที่เกิดเหตุ ส่วนลูกสาว และเพื่อนของลูกสาวที่อยู่ในเหตุการณ์ ติดภารกิจเรียนหนังสือ ซึ่งตำรวจคงจะนัดมาอีกครั้ง

          สำหรับการเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนครั้งนี้ นางสภาวัน มีลักษณะค่อนข้างเครียด พูดน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่ผู้สื่อถามว่าในวันเกิดเหตุอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยใช่ไหม นางสภาวันตอบคำเดียวว่า "ใช่" เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ต่อสื่อมวลชน เนื่องจากกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนอยู่


อาการ หมอมุก ยังคงทรงตัว

          อาการล่าสุดของ พ.ต.พ.ญ.หทัยพร หรือ หมอมุกนั้นยังคงทรงตัว สามารถจับ-บีบมือแม่ได้ ส่วนอาการสมองบวมไม่ห่วงแล้ว แพทย์ไม่ได้ให้ยาลดบวมของสมองแล้ว กะโหลกศีรษะที่เปิดเอาไว้ก็ดีขึ้น ขณะนี้อยู่ในช่วงรอการพักฟื้นให้อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังคงต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ จะไม่มีการผ่าตัดใด ๆ แล้ว โดยโอกาสที่หมอมุกจะกลับมาเหมือนเดิมยังมีหวังอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ต้องประคองอาการไปก่อน อาจจะต้องใช้เวลา 1-2 ปี เพราะมีอาการทางสมอง และมียังมีอีกหลายอย่างประกอบด้วย


พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กล่ำ
พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น เข้ามอบตัว คดีขับรถชน หมอมุก




[22 มิถุนายน] แม่หมอมุก ยัน พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คนขับตัวจริง

แม่หมอมุกยัน พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คนที่ขับรถชนลูกสาว มั่นใจคนก่อเหตุมีอายุน้อยกว่านี้

          จากกรณีที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่า ตนเองคือคนขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ได้สร้างความกังขาให้หลาย ๆ ฝ่าย ถึงขนาดมีข่าวลือออกมาว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ออกมารับผิดแทน พ.ท. "ศ." นายทหารสังกัดกองพลน้อยที่ 1 กองทัพบก ซึ่งมีบิดาคือ พล.อ."อ." เป็นนายทหารนอกราชการ

          เกี่ยวกับประเด็นนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุก ว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เป็นคนเดียวกับที่ขับรถชนหมอมุกในคืนวันเกิดเหตุหรือไม่ โดย พญ.พรรณกร กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรูป พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มาให้ตนดู ตนมั่นใจว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คนที่ขับรถชนลูกสาวอย่างแน่นอน เพราะจากที่ตนอยู่ในเหตุการณ์ จำได้ว่าคนที่ขับรถชนลูกสาวนั้นมีอายุน้อยกว่านี้ จึงไม่น่าจะเป็น พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่เข้ามามอบตัวแต่อย่างใด

          ขณะที่อาการของหมอมุก ล่าสุดนั้น นพ.อ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุหัวหน้าประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เปิดเผยว่า ในวันนี้หมอมุกมีอาการทรงตัว และเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ความดันในสมองลดลงสู่ระดับปกติ แต่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจบางส่วน


หึ่ง! สลับตัวคนชน พ.อ. รับแทน พ.ท. ลูกบิ๊กนายพล


          "พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์" โผล่มอบตัวเป็นคู่กรณี "หมอมุก" ปัดขับรถชน อ้างทะเลาะกันเจอโดนโดดขวางเลยสลัดตก "ตำรวจ" ไม่เชื่อ เหตุให้การขัดหลักฐานภาพวงจรปิด กองพิสูจน์หลักฐานพบพิรุธ เปลี่ยนก้านปัดน้ำฝน สะพัด! ผอ.กองกลางรับแทน "พันโท ศ." ลูกชายพลเอกนอกราชการ "ประยุทธ์" ลั่นกระชากคอคนผิดลงโทษ แพทย์เผย พญ.หทัยพร อาการดีขึ้น

          ความคืบหน้ากรณี ข่าวหมอมุก ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.) พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ. กล่าวถึงผลการตรวจรถยนต์นิสสัน รุ่นซันนี่ นีโอ ทะเบียน วค 1355 คันก่อเหตุพุ่งชน พ.ต.พญ.หทัยพร ว่า พบพิรุธในการเปลี่ยนแปลงก้านปัดน้ำฝน โดยด้านขวาที่มีการหักติดพร้อมรอยกะเทาะไปกับตัวหมอมุกระบุหมายเลข 6300 แต่ก้านปัดน้ำฝนอันที่อยู่กับรถคันที่ก่อเหตุเป็นอันอื่นที่ไม่มีการระบุ หมายเลขที่ชัดเจนมาสวมใส่แทน อีกทั้งมีการนำนอตใหม่มาใช้

          "กองพิสูจน์หลักฐานยังพบข้อมูลที่จะสามารถยืนยันได้ว่ามีการหักของที่ปัดน้ำฝนอย่างแน่นอน คือพบมูลนกตกอยู่บริเวณใต้ฐานของที่ปัดน้ำฝน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะตกอยู่ในบริเวณดังกล่าวหากก้านปัดน้ำฝนไม่หัก ฉะนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า นกได้ถ่ายมูลขณะที่มีการรอเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน รวมทั้งพบพิรุธตรงกระจังหน้ารถมีการเปลี่ยนแปลงนำลวดมามัดบริเวณนอตที่หลุด ออกไป และสติกเกอร์ติดกระจกหน้ารถมีร่องรอยการเช็ดถูจากผ้า แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นรอยการติดสติกเกอร์หรือไม่" พล.ต.ท.จรัมพร กล่าว  

          เมื่อถามว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่เข้ามอบตัวคดีนี้อ้างว่าหมอมุกเป็นผู้ที่กระโดดขึ้น มาบนกระโปรงรถกองพิสูจน์หลักฐานมีการตรวจพบหรือไม่ ผบช.สพฐ.กล่าวว่า จากการตรวจสอบบริเวณกระโปรงรถ ไม่พบรอยบุบใด ๆ ทั้งสิ้น แต่พบเพียงแค่รอยกะเทาะจุดเล็ก ๆ ที่เกิดจากแรงกระชากด้วยความเร็วเท่านั้น รวมทั้งสอบถามแพทย์ที่ดูอาการหมอมุกระบุว่าหมอมุกได้รับบาดเจ็บแค่ที่ศีรษะ เท่านั้น สำหรับส่วนอื่นของร่างกายยังไม่พบรอยบาดแผล

          ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ยืนยันว่าไม่ต้องเป็นห่วงคดี พ.ต.พญ.หทัยพร เพราะผู้เสียหายเป็นกำลังพลของกองทัพบก ซึ่งต้องดูแลอย่างเต็มที่ และจะไม่มีใครมาทำร้ายอีก ขณะนี้การสอบสวนพยานหลักฐานต่าง ๆ ชัดเจน โดยพยานหลักฐานทางวัตถุพยานก็มีอยู่ ไม่ต้องกลัวจะตรวจไม่พบ

          "ทุกอย่าง ต้องมีหลักฐาน ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ว่าจะกล่าวอ้างว่าใครเป็นคนชน หรือเป็นรถของใคร หากลูกน้องเจ็บไม่มีการยกเว้น ไม่ว่าใครจะทำต้องถูกลงโทษ ถ้าเป็นทหารด้วยกันมีระเบียบวินัยที่จะดำเนินการอยู่ ต้องเข้าใจขั้นตอนระเบียบกฎหมาย ถ้าไม่สอนให้คนรู้จักกฎหมายก็ไม่มีวันเกรงกลัวกฎหมาย" ผบ.ทบ.กล่าว

          ขณะเดียวกัน มีรายงานจากพยานบุคคลคาดว่าบุคคลที่ขับรถพุ่งชนหมอมุก น่าจะเป็น พ.ท. "ศ." นายทหารสังกัดกองพลน้อยที่ 1 กองทัพบก ซึ่งมีบิดาคือ พล.อ."อ." เป็นนายทหารนอกราชการ เดิมเป็นฝ่ายเสธ.ของ "เสธ.อ.(ใหญ่)" โดย พล.อ."อ." สนิทกับครอบครัวหมอมุก ส่วน พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่เข้ามอบตัว เป็นนายทหารที่เสธ.อ.(ใหญ่) ให้การสนับสนุนเติบโตในราชการ จึงคาดว่าน่าจะออกมารับแทนลูก พล.อ."อ."

          ส่วนอาการ พ.ต.พญ.หทัยพร รวมทั้ง พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา อายุ 70 ปี มารดาหมอมุก เข้าดูอาการบุตรสาว ซึ่งหมอมุกอาการดีขึ้นสามารถบีบมือมารดาได้แล้ว โดย นพ.บุญ โชติ เคียงกิตติวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมประสาท กล่าวว่า อาการหมอมุกดีขึ้น ลืมตาได้บางครั้ง ขยับแขนได้บางครั้ง และมีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ยังไม่รู้สึกตัว ความดันในสมองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะนี้จะต้องระวังเรื่องภาวะติดเชื้อ ภาวะชัก เกลือแร่ต่ำ



คู่กรณีเขียนต่อว่า หมอมุก บนกระจกรถ

ข่าวหมอมุก
คู่กรณีเขียนต่อว่า หมอมุก บนกระจกรถ

ข่าวหมอมุก
เปิดหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด วินาทีชน หมอมุก

ข่าวหมอมุก
เปิดหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด วินาทีชน หมอมุก


แม่หมอมุกโต้คู่กรณี-เพื่อนชี้เป็นไปไม่ได้ โดดขึ้นรถ


      
   ทางด้าน พญ.พรรณพร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุก ได้ออกมากล่าวว่า ในวันเกิดเหตุลูกสาวของตนไม่ได้ลงไปโต้เถียงกับคู่กรณีแต่อย่างใด แต่เมื่อคู่กรณีเข้ามอบตัวแล้ว ตนก็ไม่ถือโทษโกรธ เพราะอายุมากแล้ว ทั้งนี้เรื่องคดีความคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป

        ขณะที่ นางธัศนีย์ ทองปัน ผู้ช่วยพยาบาลโรงพยาบาลมงกุฎ เพื่อนของหมอมุก ได้เปิดเผยถึงกรณีที่คู่กรณีได้กล่าวว่า หมอมุกกระโดดขึ้นกระโปรงรถนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากหมอมุกมีน้ำหนักตัวเกือบ 90 กิโลกรัม

ตำรวจยันไม่แพะคดี หมอมุก ทหารล้มคดีไม่ได้


          ผกก. สน.พญาไท ยัน ไม่มีการจับแพะ คดี "หมอมุก" ลั่น ทหารยศใด ก็ล้มคดีไม่ได้ ขณะที่ "พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์" ประสาน นำภรรยา และลูก ให้ปากคำพยานยืนยันเหตุการณ์

          พันตำรวจเอก สมาน รอดกำเนิด ผกก. สน.พญาไท เปิดเผย ความคืบถึงหน้าคดีคนร้ายขับรถพุ่งชน พ.ต.พญ. หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการจับแพะมารับโทษแทนแน่นอน ส่วนกระสแข่าวที่ว่าผู้ที่ก่อเหตุจริง ๆ นั้น เป็น เสธ. อักษร ต. ลูกน้องคนสนิทของเสธ อ. คนดัง นั้นไม่เป็นความจริง เพราะตั้งแต่ทำคดีนี้มา ก็ไม่มีนายทหารคนใดเข้ามากดดัน หรือวิ่งเต้นแต่อย่างใด อีกทั้งพยานหลักฐานต่าง ๆ ก็สามารถยืนยันผู้ก่อเหตุได้

          ซึ่งในเช้าวันนี้ (22 มิถุนายน) ทางพันเอกศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้อำนวยการกองกลางสำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย อายุ 51 ปี ที่ให้การว่า เป็นผู้ก่อเหตุ ขณะนี้จะนำภรรยาและบุตรสาวมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ แต่ยังไม่ระบุเวลา ขณะที่แหล่งข่าวชุดสืบสวนที่ทำคดีดังกล่าว กล่าวว่า จากหลักฐานที่มีอยู่พอเชื่อถือได้ว่า พันเอกศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ก่อเหตุ มากกว่า 50 % แต่ต้องรอหลักฐานส่วนอื่นมาประกอบ ส่วนเรื่องรถคันก่อเหตุที่อ้างว่า หม้อน้ำรั่ว จนไม่สามารถขับได้นั้น วันที่นำรถมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สน.พญาไท พันเอกศักดิ์สิทธิ์ ก็ขับรถมาเองจากบ้านพัก ย่านแจ้งวัฒนะ จนถึง สน.พญาไท และไม่มีท่าทีรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุ

          ส่วนเรื่อง หมอมุกกระโดดขึ้นหน้ารถ จากหลักฐานการตรวจพิสูจน์ก็สามารถยืนยันได้ อีกทั้งบาดแผลจากการบาดเจ็บ จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในคดีนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวเชื่อว่าประชาชนจะสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นเช่นไร อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวนั้น ภายในวันศุกร์จะมีความชัดเจนมากขึ้น




พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น

พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น เข้ามอบตัว คดีขับรถชน หมอมุก

พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น

พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น เข้ามอบตัว คดีขับรถชน หมอมุก


[21 มิถุนายน] มอบตัวแล้ว! พันเอกชนหมอมุก อ้างหมอพุ่งใส่รถเอง
  
          อาการ พญ.ยังโคม่า นอนไอซียู สมองบวมยังไม่ได้สติ ขณะที่ล่าสุด พันเอกชนหมอมุก เข้ามอบตัวแล้ว โต้ไม่ได้พุ่งชน แต่หมอมุกโมโหโดดใส่รถเอง

          จากกรณีที่ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา (หมอมุก) นายแพทย์ รพ.พระมงกุฎฯ บุตรสาว พ.ต.ประสิทธิ์ อิ่มวิทยา นายทหารที่พลีชีพในสมรภูมิเขาค้อเมื่อปี 2520 ถูกรถยนต์นิสสัน ทะเบียน วค 1355  พุ่งชนอย่างแรง ขณะถอยรถเข้าบ้าน เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 11 มิ.ย.2554 บริเวณหน้าร้านอาหาร แขวงสามเสน เขตพญาไท ซึ่งปรากฏว่า พ.ต.พญ.หทัยพร มีอาการสมองบวม จึงทำให้ต้องผ่าตัดและพักฟื้นในห้องไอซียู รพ.พระมงกุฎฯ ปัจจุบันยังไม่ได้สติ

          ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (21 มิ.ย.)  พล.ต.พิสุทธิ์ เปาอินทร์ รองปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่อ้างว่าเป็นผู้ขับรถยนต์ชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท แล้ว  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน

          โดย พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยอมรับว่า ตนพร้อมภรรยา ลูกสาวและเพื่อนลูกสาวได้เข้าไปรับประทานอาหารดังกล่าวจริง หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ออกมาที่รถ เพื่อจะเดินทางกลับ แต่ปรากฎว่าพบรถของหมอมุกจอดขวางอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถขับรถออกไปได้ อีกทั้งรถหมอมุกก็ไม่ได้ใส่เกียร์ว่างไว้ ทำให้ลูกสาวของตนโมโห เลยเขียนคำที่ไม่สุภาพลงบนกระจกรถ และเมื่อหมอมุกเดินออกมาก็ได้มีการโต้เถียงกันเล็กน้อยถึงเรื่องการจอดรถ

          หลังจากนั้น ตนก็ได้โทรไปยัง 191 เพื่อให้มาเคลียร์ที่เกิดเหตุ แต่โทรไม่ติด ทั้งนี้เมื่อหมอมุกขยับรถแล้ว ตนก็ได้ขับรถออกมา แต่หมอมุกทุบรถของตน ตนเลยจะถ่ายทะเบียนรถของหมอมุกไว้ แต่หมอมุกได้ยืนขวางรถและเมื่อตนกำลังขับรถออก หมอมุกก็ได้กระโดดขึ้นบนฝากระโปรงรถ พร้อมกับเกาะที่ปัดน้ำฝนและดึงติดมือไปด้วย ตอนนั้นตนตกใจมาก และหยุดรถทันที ก่อนถอยหลังให้หมอมุกตกลงมาจากรถ ไม่ได้มีเจตนาจะไปชนซ้ำอย่างแน่นอน

          อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการสอบปากคำเสร็จแล้ว ทางพนักงานได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาโดยไม่ต้องประกันตัว เพราะผู้ต้องหาเป็นคนติดต่อขอมอบตัวเอง



คลิป ข่าวหมอมุก พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น เข้ามอบตัว ยันไม่ได้ชน หมอมุก



แม่หมอมุก วอนคนก่อเหตุออกมาสู้อย่างลูกผู้ชาย

          ส่วนความคืบหน้าวานนี้ (20 มิ.ย.) แม่หมอมุก พร้อมด้วยเพื่อนของลูกสาว เข้าพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท ที่ห้องประชุมชั้น 2 โดยมารดาของหมอมุกได้นำภาพถ่ายบุตรสาวขณะที่นอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู มอบให้พนักงานสอบสวนก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำไปสอบปากคำเพิ่มเติมถึงรูปพรรณ ของรถและผู้ก่อเหตุ พร้อมทั้งเปิดเผยว่า มาให้ปากคำเพิ่มเติมและมาติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ อยากขอความเป็นธรรมกับตำรวจ ให้คนที่ก่อเหตุออกมาสู้กันอย่างลูกผู้ชาย พ่อก็เป็นทหารเหมือนกัน

          แม่หมอมุก เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ตนและหมอมุกเดินทางกลับจากการไปนมัสการหลวงพ่อที่ รพ.วิชัยยุทธ เมื่อมาถึงที่บ้านพักบริเวณเสาวรสคลินิก ถ.เศรษฐศิริ ประมาณ 21.00 น. หมอมุกซึ่งขับขี่รถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ษต 4045 กรุงเทพฯ พบรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน รุ่นซันนี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน วค 1355 กรุงเทพฯ จอดขวางหน้าบ้าน จึงจดทะเบียนรถไปให้ร้านอาหารสามเสนวิลล่า ที่จะให้ลูกค้าที่มาใช้บริการจอดรถริมถนน        

          "หลังจากนั้นหมอ มุกก็จอดรถดึงเบรกมือและเข้าห้องน้ำ กระทั่งคนขับรถคันที่จอดขวางมาเลื่อนรถ ชายลักษณะคล้ายนายทหารได้กลับรถไปจอดรถที่ฝั่งตรงข้ามริมทางรถไฟ ชายในรถมองกลับมาที่หมอมุก ขณะที่หมอมุกเดินไปเพื่อเตรียมจะถอยเข้าบ้าน ได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่นก่อนที่จะเห็นรถคันดังกล่าวกลับรถมาพุ่งชนลูกสาวจน ลอยไปไกลกว่า 30 เมตร ต่อหน้าต่อตา"

          เธอบอกว่า ได้วิ่งเข้าไปดู มีพยานเก็บที่ปัดน้ำฝนของรถคันก่อเหตุที่ติดอยู่กับร่างของหมอมุกไว้เป็นหลักฐาน เรื่องนี้คนขับจงใจกระทำ และจะต้องมีคนคุ้มครองหรือเป็นคนมีสี ถึงกล้าทำผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้ จุดเกิดเหตุหน้าบ้านตนเป็นจุดขาวแดงห้ามจอด แต่ก็จอดกันเป็นประจำ สำหรับอาการของหมอมุกตอนนี้ยังเบาใจไม่ได้ ก็ได้เพื่อนคอยดูแลกัน ตนยังมีความหวัง คงมีปาฏิหาริย์ให้ลูกฟื้นได้ตอนนี้กังวลเรื่องจะถูกมุ่งปองร้าย


ตำรวจยันให้ความเป็นธรรม ไม่เข้าข้างทหาร

          ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดีว่า พนักงานสอบสวนรับคดีไว้แล้ว ส่วนเรื่องการดำเนินคดีทางตำรวจให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายที่ล่าช้าเพราะขั้นตอนทางเอกสาร ในทางราชการ       

          ต่อมา พล.ต.พิสุทธิ์ เปาอินทร์ รองปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย นำรถนิสสัน ซันนี่นีโอ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน วค 1355 กรุงเทพฯ มาที่ สน.พญาไท จากนั้นเชิญแม่หมอมุก มาดูรถคันดังกล่าว พบว่า ที่บริเวณกระจกด้านหน้าที่มีสติกเกอร์ผ่านเข้า-ออก กองทัพบก แผ่นที่แปะอยู่ด้านหน้าซ้ายเพียง 1 อัน เป็นบัตรผ่านเข้า-ออก กองบัญชาการกองทัพไทย ระบุทะเบียนรถ วค 1355 กรุงเทพฯ ส่วนรถคันก่อเหตุมีสติกเกอร์แปะอยู่ด้านหน้าจำนวนหลายแผ่น และบริเวณที่ปัดน้ำฝนมีสีไม่เท่ากัน เหมือนเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ นอกนั้นตัวรถเหมือนกับรถคันก่อเหตุมาก   


ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก-วงจรปิดมัดจงใจฆ่า
 
          พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก. พญาไท กล่าวว่า ตอนนี้สอบปากคำพยานที่เกิดเหตุและผู้เสียหาย และพนักงานสอบสวนจะอายัดรถไว้เพื่อส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน ส่วนหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดเจนว่า ผู้ร้ายได้จอดรถฝั่งตรงกันข้าม ก่อนขับมากลับรถตรงไฟแดง ถนนเศรษฐศิริ แล้วชะลอดูผู้บาดเจ็บก่อน พอเห็นผู้บาดเจ็บมายืนอยู่ข้างรถ จึงเร่งความเร็วพุ่งชน แล้วปิดไฟหน้า ขับรถผ่าไฟแดงแยกเศรษฐศิริ หลบหนีไป ส่วนหลักฐานสำคัญคือ ที่ปัดน้ำฝน ที่กระเด็นออกมาติดตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ตำรวจได้ตั้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยประสงค์ชีวิตแล้ว


คลิป ข่าวหมอมุก รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ 21 มิ.ย.54 โพสต์โดย thaitvnewstube


กรมยุทธฯ ปัดพัลวัน บอกรถวิ่งแค่ในกรม

          ส่วน พล.ต.พิสุทธิ์ กล่าวว่า รถคันนี้เบิกจากกรมยุทธบริการมาใช้งานในสำนักงานปลัดบัญชีทหาร ส่วนขั้นตอนการนำรถออกไปใช้ต้องมีการลงชื่อเบิกไปทุกครั้ง มีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ เท่าที่ทราบจากทหารที่ดูแลรถคันนี้อยู่ แจ้งว่ารถคันดังกล่าวเกิดมีปัญหาในเรื่องหม้อน้ำรั่วซึมตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้วและใช้วิ่งอยู่แค่ภายในกรมฯ เท่านั้น ไม่ได้ออกไปไหน      

          ด้าน พล.ท.อุดม พูลสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธบริการ กล่าวถึงกรณีรถนิสสันทะเบียน วค 1355 ว่า ยอมรับว่าเป็นของกรมยุทธบริการทหาร บก.ทหารสูงสุดจริง เป็นรถที่อยู่ในบัญชีควบคุม ซึ่งรถทั้งหมดของ บก.ทหารสูงสุด จะขึ้นทะเบียนไว้ที่กรมยุทธบริการทหาร และแจกจ่ายไปยังหน่วยต่างในสังกัด ส่วนรถที่เกิดเหตุ ขึ้นบัญชีไว้ที่สังกัดสำนักงานปลัดบัญชีทหาร บก.ทหารสูงสุด โดยส่งมอบไปเมื่อปี 2550 และได้ทำเรื่องขอใช้ จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการส่งคืนแต่อย่างใด ฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน่วยของตน       

          ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) ร.ต.ท.สุดประเสริฐ หลัดทอง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.พญาไท ได้ส่งรถคันดังกล่าวมาตรวจพิสูจน์หาร่องรอยการชน นอกจากนี้ได้ส่งที่ปัดน้ำฝนซึ่งพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่าเป็นของรถคันที่ชนหมอมุก มาตรวจเปรียบเทียบกับรถต้องสงสัย และจะทำการตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะของ พ.ต.พญ.หทัยพร นอกจากนี้ ตรวจเปรียบเทียบที่ปัดน้ำฝนที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ ว่ามีความเก่าหรือใหม่เท่ากันทั้ง 2 ข้างหรือไม่

          ขณะที่ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมบัญชีรถของกรมยุทธบริการทหารมั่นใจว่า รถคันดังกล่าวไม่เคยนำไปใช้แต่อย่างใด เพราะหม้อน้ำรถมีปัญหามานานแล้ว ยังไม่ได้รับการซ่อมแต่อย่างใด ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ามีคนในสำนักงานปลัดบัญชีทหารรู้ว่ารถคันนี้ไม่เคยใช้งาน จนอาจมีการสวมทะเบียนเกิดขึ้น และนำไปสู่เหตุการณ์ดังกล่าว


หมอมุก ยังโคม่า สมองบวมไม่ได้สติ

          ด้านความคืบหน้าอาการของหมอมุกนั้น นายแพทย์ บุญโชติ เคียงกิติวรรณ แพทย์เจ้าของไข้เผยว่า หมอมุก ยังมีภาวะสมองบวม สมองบวมกว่าปกติเล็กน้อย ต้องรักษาตัวในห้องไอซียู และให้ยาลดอาการสมองบวม ซึ่งตอนนี้คนไข้ยังไม่รู้สึกตัว และยังไม่มีการตอบสนอง แต่อาการสมองบวมก็ถือว่าอาการดีขึ้น ขณะเดียวกันคนไข้มีไข้สูง ซึ่งสงสัยว่าอาจมีอาการติดเชื้อ โดยมีการนำเลือดไปเพาะเชื้อ กำลังรอผลพิสูจน์

          สำหรับเรื่องกระบวนการยุติธรรม พล.ต.ต วิชัย ได้ให้คำยืนยันว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด และดำเนินการด้วยความยุติธรรม ตรงไปตรงมา ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองก็กำชับว่า ไม่เข้าข้างคนผิด ต้องทำให้ความจริงกระจ่างให้ได้

         ทางด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กำลังเร่งสอบสวนคดีขับรถชน หมอมุก หรือ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา โดยล่าสุดกำลังตรวจสอบว่า ใครนำรถไปขับกันแน่ ซึ่งจะต้องใช้เวลา 3- 7 วันในการตรวจสอบ ส่วนการเบิกรถมาใช้ได้นั้น ตามระเบียบของราชการทหาร ต้องเป็นระดับผู้บังคับหน่วย ถึงจะเบิกได้เท่านั้น โดยมีหลายระดับ ยศปกติ ก็ตั้งแต่ พ.อ.พิเศษ ขึ้นไป และทางทหารขอย้ำอีกครั้งว่า จะต้องนำตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ไม่มีการช่วยเหลือกันแน่ ตามที่ ผู้บังคับบัญชา สั่งการลงมา

          ส่วน พ.อ.ศิริศักดิ์ ตุ้มทอง หรือ เสธ.ตุ้ม นายทหารฝ่าย เสธ.ประจำกองทัพน้อยที่ 1 กองทัพภาคที่ 1  ได้กล่าวถึงเรื่องราวที่ถูกโยง เข้าไปเกี่ยวพันกับคดีนี้ ว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้ไปไหน หลังจากเลิกงานก็กลับบ้านทันที ไม่ได้ไปดื่มสุราแต่อย่างใด ส่วนที่บอกว่า ตนครอบครองรถมาจากบิดาของตนคือ พล.อ.อำพล ตุ้มทอง นั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่บ้านของตนมีรถใช้เยอะแยะ ไม่จำเป็นที่จะต้องนำรถของบิดาใช้ และบิดาของตนก็ไม่เคยนำรถของทางราชการมาใช้อย่างแน่นอน เนื่องจากเกษียณอายุไปนานแล้ว และต้องส่งรถคืนหลวง เพราะฉะนั้นเป็นไม่ได้ที่ตนจะขับรถพุ่งชน หมอมุก ตามที่เป็นข่าว อีกทั้งทางตำรวจก็ยังไม่ได้ติดต่อมายังทางผู้บังคัญบัญชาของตนเพื่อไปให้ปากคำ เพราะตนไม่ได้ทำอะไร








[20 มิถุนายน] ทหารโหด! ขับรถชน หมอมุก สาหัส ไม่พอใจรถขวาง

      ร้องความเป็นธรรม!  หมอมุกโดนรถทหารพุ่งชน ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คดีความไม่คืบหน้า ด้านญาติเดินหน้าหาหลักฐานเอง พร้อมร้องขอไปยังกองทัพบก ให้ช่วยร่วมมือกับตำรวจด้วย     

        จากเหตุการณ์ที่ พต.พญ. หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ถูกรถคันหนึ่งขับพุ่งชนบริเวณ ถ.เศรษฐศิริ หน้าคลินิกเสาวรส ซึ่งเป็นหน้าบ้านและเป็นคลินิกของหมอมุก เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทำให้หมอมุกได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีเลือดคั่งในสมอง ล่าสุดอาการของหมอมุก ยังไม่ดีขึ้น และเตรียมผ่าตัดสมองเป็นครั้งที่สอง ส่วนเรื่องคดีความยังไม่คืบหน้า และไม่มีการติดต่อจากรถคันดังกล่าว ซึ่งเป็นรถของทหารสังกัดกองทัพบก ทำให้บรรดาญาติของหมอมุกต่างพากันสงสัยว่า เป็นเพราะรถของกองทัพบกหรือไม่ ถึงทำให้คดีความไม่คืบหน้าเสียที

        ทั้งนี้ มารดาของหมอมุก ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ในโรงพยาบาลศิริราช และบรรดาเพื่อน ๆ ของหมอมุก ได้เข้าร้องเรียนต่อรายการข่าว 3 มิติ เพื่ออยากให้เป็นสื่อกลางในการร้องความเป็นธรรมให้กับหมอมุกในครั้งนี้





       จากการสอบสวนของผู้เห็นเหตุการณ์ในคืนนั้น ได้เล่าว่า เวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 11 มิถุนายน ที่หน้าบ้านของหมอมุก ได้มีรถจอดขวางอยู่ หมอมุกและแม่จึงได้จดเลขทะเบียนและให้ทางร้านอาหารช่วยประกาศเพื่อไปเลื่อนรถให้อย่างที่ทำทุกครั้ง สักพักหนึ่งก็มีชายที่คนแถวนั้นทราบดีว่าเป็นทหาร เดินออกจากร้านอาหารสามเสนวิลล่า เพื่อมาเลื่อนรถ แต่รถของหมอมุกจอดประกบอยู่จึงทำให้รถดังกล่าวต้องเข็นรถคันหน้าเพื่อขับรถออก และด้วยความโมโห รถของทหารคันนั้นได้เขียนข้อความไว้บนกระจกด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยที่ไม่รู้ว่า จังหวะนั้นหมอมุกได้เข้าห้องน้ำในบ้าน  และได้จอดรถตรงนั้นเพื่อรอขับเลี้ยวเข้าบ้าน





      จากนั้นทหารคนดังกล่าว เมื่อเข็นรถคันหน้าเพื่อให้รถของตัวเองขับออกไปได้แล้ว ก็ได้ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว และจอดรอหมอมุกที่ฝั่งตรงข้าม เมื่อหมอมุกเดินออกมา ก็วกกลับรถด้วยความเร็วสูง และขับพุ่งชนหมอมุกเข้าอย่างจัง จนตัวหมอมุกกระเด็นไปไกลว่า 30 เมตร แรงถึงขนาดที่มีที่ปัดน้ำฝนของรถทหารทั้งสองข้างติดตัวหมอมุกมาด้วย  ซึ่งจากการลงไปตรวจสอบพื้นที่ของทีมงาน 3 มิติ นั้น ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รถของทหารดังกล่าวเป็นของใคร

      อย่างไรก็ตาม นับจากวันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ล่วงเลยมาแล้วกว่า 9 วัน แต่คดีความยังไม่คืบหน้า ยังไม่มีรถคันดังกล่าวติดต่อมา ทางญาติของหมอมุกจึงได้ค้นหาประวัติของรถดังกล่าวด้วยตัวเอง พบว่า รถคันนั้นเป็นของ กรมยุทธบริการ กองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งมีพลเอกนอกราชการเป็นเจ้าของรถ และได้ให้ลูกชายซึ่งเป็นทหารยศพันโท สังกัดกองทัพบก ไว้ใช้เป็นการส่วนตัว



      สำหรับคดีนี้มีตำรวจ สน.พญาไท เป็นเจ้าของคดี แต่เวลาล่วงเลยมานาน ยังไม่มีการเรียกรถคันดังกล่าวมาดำเนินคดี ทั้ง ๆ ที่รู้หมายเลขทะเบียน และรู้ชื่อของคนขับแล้ว ทางญาติจึงเกรงว่า คู่กรณีอาจจะย้อมสีรถ ทำลายหลักฐาน หรือเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถให้คนอื่นมารับผิดแทน ทั้งนี้บรรดาเพื่อนของหมอมุก จึงอยากร้องเรียนไปยังกองทัพบก เข้ามาตรวจสอบคดีนี้ ร่วมกับตำรวจเพื่อนำผู้ต้องหามาดำเนินคดี

      สำหรับประวัติของ พต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก เป็นทหารสังกัดกองทัพบก บิดาของหมอมุกเป็นทหารยศพันโทที่เสียชีวิตในสมรภูมิรบ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ส่วนมารดาของ หมอมุก เป็นอาจารย์แพทย์ อยู่โรงพยาบาลศิริราช หมอมุกจึงตัดสินใจประกอบอาชีพเป็น แพทย์สังกัดทหารเพื่อดำเนินตามรอยตามบิดาและมารดา ทั้งนี้ หมอมุกได้ประจำการที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และเป็นแพทย์ในโครงการของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ โดยสังกัดอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หมอมุก เป็นแพทย์ปัจจุบัน ที่เชี่ยวชาญในด้านการฝั่งเข็มเป็นอย่างมาก และก่อนที่หมอมุกจะถูกรถชนในครั้งนี้ เธอได้ทำเรื่องขอไปสังกัดที่ 3 ชายแดนภาคใต้อีกครั้ง








ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 

รายการข่าวสามมิติ         



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตำรวจลงนามสั่งฟ้องแล้ว คดี พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ชน หมอมุก อัปเดตล่าสุด 9 สิงหาคม 2554 เวลา 14:50:16 1,175,177 อ่าน
TOP