
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือสั่งตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบทางหลวง หลังเครือข่ายขนส่งร้องเรียนว่า ปล่อยปละละเลยหน้าที่ หรือมีการเรียกรับส่วย ด้านนายกสมาคมขนส่งอีสาน คาดรถบรรทุกจ่ายส่วยสติ๊กเกอร์อีสาน กว่า 30% เบิกทางตำรวจ แบกน้ำหนักเกิน-ลดต้นทุน
วานนี้ (8 กันยายน 2554) พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือสั่งการด่วนที่สุดให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่กลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ประกอบการขนส่งทุกภูมิภาค ร้องเรียนเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวง ที่ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด รวมทั้งอาจมีการปล่อยปละละเลย หรือละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ หรือรู้เห็นเป็นใจในการเรียกรับส่วยในรูปแบบของสติกเกอร์ ซึ่งอาจโยงใยต่อการลักลอบลำเลียงยาเสพติด รวมถึงของผิดกฎหมายในทุกเส้นทางด้วย หากพบข้อบกพร่อง ให้เร่งแก้ไข และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ พร้อมให้รายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ดนัยธร ยังระบุด้วยว่า กรณีดังกล่าว เป็นการสะท้อนถึงความเดือดร้อนของประชาชน ที่อาจมีปัจจัยมาจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมไปถึงการปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจในการควบคุมดูแลของผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบ ส่งผลต่อภาพลักษณ์การปฏิบัติงานในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงต้องเร่งตรวจสอบให้ทราบผลโดยเร็วที่สุด
ด้าน นายขวัญชัย ติยะวานิช นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคอีสาน ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า ขณะนี้ปัญหาการเรียกรับส่วยจากบรรดาผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่ต้องการแบกน้ำหนักเกินจากที่กฎหมายระบุไว้ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศ ได้หวนกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง เฉพาะในพื้นที่ 19 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะนี้ประเมินว่า มีผู้ประกอบการขนส่งบางส่วนซึ่งคาดว่าน่าจะมีรถบรรทุกสินค้า ทั้งรถบรรทุก 18 ล้อ และ 24 ล้อ รถบรรทุกคอนเทนเนอร์ และรถบรรทุกชนิดต่าง ๆ ประมาณ 30% หรือ ประมาณ 4 - 5 พันคัน จากจำนวนรถบรรทุกสินค้าทั้งหมดที่มีอยู่ทั้งภาคอีสานกว่า 10,000 คัน ที่จ่ายส่วยให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้อำนวยความสะดวกเปิดทางให้สามารถแบกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนดเอาไว้ได้
ทั้งนี้ ลักษณะของการจ่ายส่วย จะจ่ายเป็นเงินตอบแทนเพื่อแลกกับป้ายสติ๊กเกอร์ นำมาติดไว้ด้านหน้ารถและมีการใช้สัญลักษณ์เปลี่ยนไปมาในแต่ละเดือน ซึ่งผู้ประกอบการที่จะจ่ายส่วย จะต้องจ่ายเป็นเงินโดยเดือนละประมาณ 3 - 4 พันบาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการปราบปรามและเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้มาโดยตลอด
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือสั่งตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบทางหลวง หลังเครือข่ายขนส่งร้องเรียนว่า ปล่อยปละละเลยหน้าที่ หรือมีการเรียกรับส่วย ด้านนายกสมาคมขนส่งอีสาน คาดรถบรรทุกจ่ายส่วยสติ๊กเกอร์อีสาน กว่า 30% เบิกทางตำรวจ แบกน้ำหนักเกิน-ลดต้นทุน
วานนี้ (8 กันยายน 2554) พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือสั่งการด่วนที่สุดให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่กลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ประกอบการขนส่งทุกภูมิภาค ร้องเรียนเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวง ที่ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด รวมทั้งอาจมีการปล่อยปละละเลย หรือละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ หรือรู้เห็นเป็นใจในการเรียกรับส่วยในรูปแบบของสติกเกอร์ ซึ่งอาจโยงใยต่อการลักลอบลำเลียงยาเสพติด รวมถึงของผิดกฎหมายในทุกเส้นทางด้วย หากพบข้อบกพร่อง ให้เร่งแก้ไข และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ พร้อมให้รายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ดนัยธร ยังระบุด้วยว่า กรณีดังกล่าว เป็นการสะท้อนถึงความเดือดร้อนของประชาชน ที่อาจมีปัจจัยมาจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมไปถึงการปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจในการควบคุมดูแลของผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบ ส่งผลต่อภาพลักษณ์การปฏิบัติงานในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงต้องเร่งตรวจสอบให้ทราบผลโดยเร็วที่สุด
ด้าน นายขวัญชัย ติยะวานิช นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคอีสาน ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า ขณะนี้ปัญหาการเรียกรับส่วยจากบรรดาผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่ต้องการแบกน้ำหนักเกินจากที่กฎหมายระบุไว้ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศ ได้หวนกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง เฉพาะในพื้นที่ 19 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะนี้ประเมินว่า มีผู้ประกอบการขนส่งบางส่วนซึ่งคาดว่าน่าจะมีรถบรรทุกสินค้า ทั้งรถบรรทุก 18 ล้อ และ 24 ล้อ รถบรรทุกคอนเทนเนอร์ และรถบรรทุกชนิดต่าง ๆ ประมาณ 30% หรือ ประมาณ 4 - 5 พันคัน จากจำนวนรถบรรทุกสินค้าทั้งหมดที่มีอยู่ทั้งภาคอีสานกว่า 10,000 คัน ที่จ่ายส่วยให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้อำนวยความสะดวกเปิดทางให้สามารถแบกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนดเอาไว้ได้
ทั้งนี้ ลักษณะของการจ่ายส่วย จะจ่ายเป็นเงินตอบแทนเพื่อแลกกับป้ายสติ๊กเกอร์ นำมาติดไว้ด้านหน้ารถและมีการใช้สัญลักษณ์เปลี่ยนไปมาในแต่ละเดือน ซึ่งผู้ประกอบการที่จะจ่ายส่วย จะต้องจ่ายเป็นเงินโดยเดือนละประมาณ 3 - 4 พันบาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการปราบปรามและเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้มาโดยตลอด
[8 กันยายน] ตำรวจทางหลวง ยันไม่มีส่วย หลังถูกประท้วง
ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจทางหลวง ชี้แจง กรณีถูกผู้ประกอบการ ร้องเรียนเรื่องส่วย ยันไม่นิ่งนอนใจ หากพบทำตามกฎหมายแน่ ชี้ภาพเป็นภาพเก่า ก่อนรับตำแหน่ง
พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวชี้แจง หลังมีผู้ประกอบการขนส่งจากสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ชุมนุมหน้ากองบังคับการตำรวจทางหลวง เรียกร้องให้ ลาออกจากตำแหน่งหลังปล่อยให้ปัญหาส่วยทางหลวง กลับมาระบาดอีกครั้ง โดยเฉพาะปัญหาการติดสติ๊กเกอร์รถที่ให้ส่วย การปล่อยให้รถบรรทุกป้ายดำ บรรทุกน้ำหนักเกินโดยไม่มีการจับกุม ว่ากรณีดังกล่าวเคยชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการตำรวจ และผู้ประกอบการรถบรรทุกไปแล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่กลุ่มผู้ประกอบการบางรายไม่พอใจ ถึงกับต่อว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมนำภาพถ่ายบันทึกการเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งระบุเมื่อปลายปี 2553 โดยเป็นข้อมูลเก่าก่อนมารับตำแหน่ง ยืนยันหลังมีการร้องเรียน ไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นก่อนรับตำแหน่งหรือไม่ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้ตำรวจทางหลวงทุกท้องที่ทั่วประเทศ กวดขันจับกุม ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามที่มีการร้องเรียน
โดย ช่วง 7 เดือนแรก ของปีนี้ ตำรวจทางหลวง จับกุม และปรับผู้ฝ่าฝืนไปกว่า 1,500 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับส่วย ถูกสั่งย้ายไปแล้ว 1 ราย นอกจากนี้ ในวันศุกร์นี้ เวลา 10.00 น. จะมีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสารวัตรและผู้กำกับการ สถานีทางหลวง ในพื้นที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือตอนล่าง และภาคอีสานตอนบน พื้นที่ที่มีการร้องเรียนปัญหาส่วยมากที่สุด เพื่อเร่งแก้ปัญหา







