
สมคิด เลิศไพฑูรย์

กิตติศักดิ์ ปรกติ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สมคิด เลิศไพฑูรย์ และิ เฟซบุ๊ก กิตติศักดิ์ ปรกติ
อธิการบดี มธ.ตั้งคำถาม 15 ข้อ ถามกลับแนวคิดนิติราษฎร์ ด้านอาจารย์นิติฯ มธ.เตือนนิติราษฎร์อย่าทำสังคมไขว้เขว ชี้ยกศาลประชาชนเยอรมันเทียบศาลไทยไม่ได้ เพราะศาลประชาชนเยอรมันฮิตเลอร์ตั้งเอง ไร้อิสระ
จากกรณีที่กลุ่มอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในนาม "คณะนิติราษฎร์" เสนอแนวคิดให้ลบล้างผลพวงจากการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และเสนอแนวทางหลายด้านที่ทำให้สังคมเกิดการถกเถียงในวงกว้าง ล่าสุด ก็มีเสียงแสดงความไม่เห็นด้วยออกมาจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งอาจารย์ในคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เอง
โดย ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ตั้งคำถาม 15 ข้อจากข้อเรียกร้องของกลุ่มนิติราษฎร์ ในเฟซบุ๊ก Somkit Lertpaithoon เพื่อให้กลุ่มนิติราษฎร์ในฐานะ "นักกฎหมาย" ตอบคำถามต่อไปนี้
1.เราสามารถยกเลิกกฎหมายที่ถูกยกเลิกไปแล้วได้หรือไม่ เช่น การยกเลิก รธน.2549
2.ถ้าตำรวจจับคนร้ายที่ทำผิดจริงมา แต่ไม่ได้สอบสวนโดยละเอียด ต่อมาคนร้ายถูกฟ้องศาล มีการโต้แย้งว่ากระบวนการของตำรวจไม่ถูกต้อง แต่ศาลเห็นว่าไม่เป็นไร ศาลก็พิพากษาไป ตกลงคำพิพากษาของศาลใช้ได้หรือไม่
3.ถ้ามีคนเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมในช่วง คมช.ไม่ถูกต้อง ก็ให้ดำเนินการใหม่ คนอีกกลุ่มเห็นว่าการตัดสินคดีซุกหุ้น ศาลตัดสินผิดโดยสิ้นเชิง คนกลุ่มหลังจะขอให้ยกเลิก รธน.2540 ตั้งศาล รธน.ใหม่ แล้วพิพากษาคดีซุกหุ้นใหม่ จะได้หรือไม่
4.ประชาชนจะลงมติแก้ รธน.ที่ถูกยกเลิกไปแล้วได้หรือไม่
5.รธน.2550 ได้รับการลงประชามติโดยประชาชน ในทางกฎหมายเราจะพูดได้หรือไม่ว่า ประชาชนลงมติโดยไม่ถูกต้อง หรือ รธน.2550 ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของประชาชน?
6.คตส.ตั้งโดย คมช. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ตั้งโดย คมช.ใช่หรือไม่
7.การดำเนินการตามแนวคิดของนิติราษฎร์ ไม่มีผลทางกฎหมายต่อนายกฯ ทักษิณเลยใช่หรือไม่
8.มาตรา 112 ขัดแย้งกับ รธน.จริงหรือ และขัดกับ รธน.2550 ที่จะถูกยกเลิกใช่หรือไม่
9.ประเทศทั้งหลายในโลกรวมทั้งเยอรมัน เขาไม่คุ้มครองประมุขของประเทศเป็นพิเศษแตกต่างไปจากประชาชนใช่หรือไม่
10.ถ้ามีคนไปโต้แย้งนิติราษฎร์ในที่สาธารณะ เขาจะไม่ถูกขว้างปาและโห่ฮาเหมือนกับหมอตุลย์ใช่หรือไม่
11.ถ้าเรายกเลิกกฎหมายที่ถูกยกเลิกไปแล้วได้ เราจะล้มเลิกการกระทำทั้งหลายและลงโทษคณะรัฐประหารกี่ชุด สุจินดา ถนอม ประภาส สฤษดิ์ จอมพล ป. อ.ปรีดี หรือจะลงโทษเฉพาะคณะรัฐประหารที่กระทำต่อนายกฯ ทักษิณ
12.ความเห็นของนักกฎหมายที่เห็นไม่ตรงกับนิติราษฎร์แต่ดีกว่านิติราษฎร์ รัฐบาลนี้จะรับไปใช่หรือไม่
13.ศาล รธน.ช่วยนายกฯ ทักษิณคดีซุกหุ้นถือว่าใช้ได้ แต่ไม่ช่วยคดียึดทรัพย์ถือว่าใช้ไม่ได้ เป็นตุลาการภิวัตน์ใช่หรือไม่
14.บทบัญญัติว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชนตาม รธน.2550 แย่กว่า รธน.2540, 2475 ที่นิติราษฎร์จะนำมาใช้ใช่หรือไม่
15.คมช.เลว ส.ส.ร.ที่มาจาก คมช.ก็เลว รธน.2550 ที่มาจาก ส.ส.ร.ก็เลว แต่รัฐบาลที่มาจาก รธน.เลว เป็นรัฐบาลดีใช่หรือไม่ ส.ส.ร.ที่มาจากรัฐบาลชุดนี้ และที่ อ.วรเจตน์จะเข้าร่วม ก็เป็นส.ส.ร.ที่ดีใช่หรือไม่
เช่นเดียวกัน นายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้เขียนบทความเรื่อง "สิ่งที่คล้ายกันพึงได้รับการปฏิบัติอย่างเดียวกัน แต่ไม่พึงปฏิบัติอย่างเดียวกันกับสิ่งที่ต่างกัน" ลงในเฟซบุ๊ก Kittisak Prokati เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเช่นกัน โดยแสดงท่าทีติงติงแนวคิดของคณะนิติราษฎร์ ซึ่งบางคนก็เป็นเพื่อนร่วมคณะนิติศาสตร์ และหลายคนก็เป็นลูกศิษย์ ว่า นักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชนไม่ควรนำสิ่งที่เทียบกันไม่ได้มาเทียบกัน หรือแสดงความเห็นโดยไม่ชี้แจงให้ชัดว่าเป็นความเห็น ทำให้คนหลงเชื่อว่าเป็นความรู้ จะทำให้คนหลงทางและไขว้เขวได้
ทั้งนี้ ในบทความของนายกิตติศักดิ์ ตอนหนึ่งระบุถึงประเด็นการลบล้างคำพิพากษาของศาลที่คณะนิติราษฎร์ อ้างว่า ขัดต่อหลักความยุติธรรมอย่างร้ายแรง ว่า ก่อนอื่นต้องพิเคราะห์กันเสียก่อนว่าสิ่งที่เรียกว่า การอ้างอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนขึ้นลบล้างคำพิพากษานั้น ในเชิงหลักการเป็นสิ่งที่ทำได้หรือไม่
"หลักของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น ดำรงอยู่ได้ไม่ใช่เพราะตั้งอยู่บนฐานของเสียงข้างมากเฉย ๆ แต่เพราะเป็นเสียงข้างมากที่ยืนยันหลักการถือกฎหมายเป็นใหญ่ หรือที่เรียกกันว่าหลักนิติธรรม นั่นคือนับถือว่า ข้อพิพาททั้งปวงต้องได้รับการวินิจฉัยจากศาลยุติธรรมที่ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย กล่าวอีกอย่างก็คือ อำนาจสูงสุดแม้จะเป็นของประชาชน แต่ก็จำกัดโดยกฎหมายเสมอ และกฎหมายที่ว่านี้มีอยู่อย่างไรก็ต้องตัดสินโดยผู้พิพากษาซึ่งเป็นอิสระ"
ส่วนประเด็นการลบล้างผลพวงการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่คณะนิติราษฎร์บอกว่าทำได้ โดยยกตัวอย่าง "ประกาศความเสียเปล่า" ที่รัฐสภาเยอรมนีเคยตรากฎหมายลบล้างคำพิพากษาในสมัยนาซีนั้น นายกิตติศักดิ์อธิบายว่า กรณีคำพิพากษาของ "ศาลประชาชนในยุคนาซี" อันที่จริงไม่ใช่เป็นเพราะนั่นเป็นคำพิพากษาที่ขัดต่อความยุติธรรมธรรมดา แต่เป็นเพราะกรณีดังกล่าวไม่อาจนับเป็นคำพิพากษาได้เลยต่างหาก
"เพราะนั่นคือองค์กรนาซีที่ใช้ชื่อว่า ศาลประชาชน โดยแฝงอยู่ในรูปของศาล และอ้างศาลเป็นเครื่องมือก่อการร้ายและก่ออาชญากรรม ดังนั้นการนำกรณีนี้มากล่าวถึงในการสนับสนุนข้อเสนอให้ลบล้างคำพิพากษาของศาลไทยนั้น ทำให้น่าคิดว่ากรณีองค์การก่อการร้ายของนาซีเยอรมันจะเทียบกันกับกรณีของศาลไทยได้หรือ"
นายกิตติศักดิ์ ระบุด้วยว่า ศาลประชาชนยุคนาซีไม่ใช่ศาลยุติธรรม แต่เป็นศาลพิเศษที่ฮิตเลอร์ตรากฎหมายตั้งขึ้น และตั้งขึ้นเพราะศาลยุติธรรมเยอรมันในเวลานั้นไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจการชี้นำของฮิตเลอร์ ดังนั้นฮิตเลอร์เลยอ้างอำนาจประชาชนใช้รัฐสภา แก้ไขกฎหมายวิธีพิจารณาความเสียใหม่ แล้วตั้งศาลประชาชนขึ้นมา โดยโอนคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐทั้งหมดมาไว้กับศาลประชาชนนี้ แล้วจำกัดเขตอำนาจศาลยุติธรรมพิจารณาคดีอาญาทั่ว ๆ ไปเท่านั้น ส่วนองค์คณะของผู้พิพากษา 3 ใน 5 เป็นเจ้าหน้าที่ของพรรคนาซี ซึ่งฮิตเลอร์แต่งตั้งเข้ามา ดังนั้น เมื่อมองจากเพียงแค่องค์ประกอบก็เห็นได้ชัดแล้วว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ผู้พิพากษาไม่ได้เป็นอิสระ แต่เป็นสาวกของฮิตเลอร์ ที่ตั้งขึ้นตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ
"เพียงเท่านี้เราก็จะเห็นได้ว่า กรณีที่เยอรมันตรากฎหมายลบล้างคำพิพากษาศาลประชาชนนาซีนั้น ยากที่จะนำมาเทียบกับกรณีของไทย เพราะตุลาการในศาลแผนกคดีอาญานักการเมืองนั้นไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของคณะปฏิวัติรัฐประหาร แต่มาจากการเลือกตั้งของผู้พิพากษาศาลยุติธรรม เป็นผู้พิพากษาอาชีพที่มีที่มาจากผู้พิพากษาอาชีพเท่านั้น คณะปฏิวัติรัฐประหารไม่มีอำนาจคัดเลือกหรือแต่งตั้งแต่อย่างใด" นายกิตติศักดิ์ระบุ และตั้งคำถามกลับไปด้วยว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองของไทยซึ่งมีผู้พิพากษาเป็นผู้พิพากษาอาชีพทั้งหมด และมีกระบวนการพิจารณาที่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้ได้เต็มที่ตามกฎหมาย เลือกทนายความของตนเองได้อย่างอิสระ จะไปเทียบกับการตัดสินขององค์การก่อการร้ายที่แฝงอยู่ในรูปของศาลนาซีได้อย่างไร
ในตอนท้ายบทความ นายกิตติศักดิ์ ยังได้ให้ข้อคิดต่อกลุ่มคณะนิติราษฎร์ว่า "บางทีเราอาจต้องคอยเตือนตัวเองไว้บ้างว่า ยามที่เราคอยเตือนผู้อื่นไม่ให้ตกหลุมทางความคิด โดยระวังอย่าปักธงคำตอบไว้ล่วงหน้าแล้วค่อยหาเหตุผลตามหลังนั้น เรากำลังตกอยู่ในหลุมนั้นเช่นกันหรือเปล่า"
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก สมคิด เลิศไพฑูรย์, เฟซบุ๊ก กิตติศักดิ์ ปรกติ






