

พระสงฆ์วัดท่าโขลง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องออกบิณฑบาตท่ามกลางน้ำท่วม
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์
ดร.อานนท์ คาดน้ำท่วมปีนี้หนักสุดในประวัติศาสตร์ เผยจะเกิดพายุในเดือน ต.ค.นี้อีก 3 ลูก ขณะที่กรมชลเตือนน้ำในเขื่อนวิกฤต เขื่อนป่าสักฯ หนักสุด
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า จากภาพถ่ายดาวเทียมพบว่าภายในเดือนตุลาคมนี้จะมีเกิดพายุขึ้นอีก 3 ลูก ซึ่งแม้ว่าพายุจะไม่ได้พัดเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะที่ผ่านมาเพียงแค่ร่องความกดอากาศต่ำที่พัดผ่านเข้ามาก็ทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วทุกพื้นที่ จนมีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100-200 มิลลิเมตรภายใน 24 ชั่วโมงแล้ว และหลังจากนั้นก็ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า สถานการณ์อุทกภัยปีนี้น่าจะรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย
ด้านกรมชลประทานเปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนต่าง ๆ ว่า ขณะนี้น้ำในเขื่อนส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะวิกฤตโดยเฉพาะที่เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำถึงร้อยละ 93 เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 99 เขื่อนแควน้อย มีปริมาณน้ำร้อยละ 94 และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำเกินความจุของอ่างมากที่สุดถึง 135 เปอร์เซ็นต์
2 เขื่อนใหญ่ยันยังไหวหากพายุนาลเกไม่ซ้ำผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี เผยระดับน้ำในเขื่อนอยู่ที่ร้อยละ 87 ไม่น่าห่วง ด้านเขื่อนภูมิพลใกล้เต็มความจุ ผู้อำนวยการยืนยันไม่มีปัญหาเคยรับ 100 % มาแล้ว 4 ครั้ง
นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงระดับน้ำที่เขื่อนรับอยู่ขณะนี้ โดยยืนยันว่า อยู่ที่ร้อยละ 93 ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อีก เพราะปัจจุบันมีการผันน้ำเข้า-ออก ตามอัตราส่วนที่ยังไม่น่าเป็นห่วง โดยหากว่าพายุ "นาลเก" ที่เพิ่งจะพัดผ่านประเทศฟิลิปปินส์มา ไม่พัดเข้าประเทศไทยตรง ๆ ก็คาดว่าอีก 2 วัน การผันน้ำจากเขื่อนน่าจะมีปริมาณน้ำไหลออกมากว่าเข้า แต่หากว่าพายุลูกดังกล่าวเข้ามาตรง ๆ ก็คงต้องพิจารณาการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนตามปริมณน้ำที่ไหลเข้าอีกครั้งหนึ่ง โดยยืนยันว่า เขื่อนยังมีความแข็งแรง และเคยผ่านสถานการณ์รับน้ำเต็มความจุ 100 % มาแล้วถึง 4 ครั้ง จึงไม่น่าเป็นปัญหาอะไร
ด้านนายกิตติ ตันเจริญ ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ เปิดเผยเช่นกันว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นห่างจาก อ.ทองผาภูมิ ไปในเขตประเทศพม่า เมื่อคืนที่ผ่นมานั้น แม้จะมีขนาดความแรงประมาณ 4.7 ริกเตอร์ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อความแข็งแรงของตัวเขื่อน เนื่องจากที่ผ่านมา เคยผ่านสถานการณ์แผ่นดินไหวที่มีขนาดความแรงเกินกว่า 5 ริกเตอร์มาแล้ว โดยที่โครงสร้างของเขื่อนไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

นายกฯ ตรวจประตูระบายน้ำบางโฉมศรีนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจงานปิดช่องขาดประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ท่ามกลางชาวบ้านกว่า 100 คน ยื่นหนังสือเร่งแก้น้ำท่วม ส่งทุกหน่วยงานระดมแก้ปัญหา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานปิดช่องขาดบริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ต.ชีน้ำร้าย
อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โดยมีนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวรายงานแผนการปฏิบัติให้ทราบ ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมารอเพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีระบุว่า หลังจากนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งกองทัพบก กรมชลประทาน พร้อมประสานกองทัพเรือ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างพร้อมกันทันที ทั้งการเตรียมเคลียร์เส้นทาง การลำเลียงกล่องลวดตาข่ายเหล็กเกเบี้ยน [GABION] เพื่อโยนลงไปเพื่ออุดช่องประตูระบายน้ำ ทั้งทางบกและทางเรือ ส่วนกระแสน้ำที่มีความแรงนั้น ให้ทางกองทัพเรือจัดเรือขนาดใหญ่ลงมาช่วยขวางการไหลของน้ำก่อนที่จะโยนกล่องลวดตาข่ายเหล็กเกเบี้ยนลงไป
อย่างไรก็ตาม กลุ่มชาวบ้าน จ.ลพบุรี จำนวนกว่า 100 คน ที่มาปักหลักชุมชุนตั้งแต่เช้า ได้ยื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุดอีกด้วย หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้นั่งรถรางพ่วงท้ายรถแทรกเตอร์ เพื่อ
มอบสิ่งของบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย

เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม 2 ตุลาคม
น้ำป่าทะลักท่วมบ้าน 200 หลังเกาะคา จ.ลำปางน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านประชาชนเกาะคา จ.ลำปาง เดือนร้อนกว่า 200 หลัง บางจุดท่วมสูง 2 เมตร
เกิดเหตุน้ำป่าจากลำห้วยแม่ฮวกและลำห้วยแม่ยาว ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา จ.ลำปาง มีบ้านเรือนประชาชน จำนวน 4 หมู่บ้าน คือ หมู่ 1 บ้านข้าวซ้อน หมู่ 2 บ้านไหล่หิน หมู่ 3 บ้านแม่ฮวก หมู่ 4 บ้านมะกอกนาบัว ถูกน้ำท่วมน้ำป่าไหลหลาก รวมกันทั้งสิ้น 200 หลังคาเรือน
ส่วนบ้านหมู่ ที่ 1ข้าวซ้อน หนักสุด มีบ้านเรือนชาวบ้าน 50 หลังจมน้ำป่าสูง 2 เมตร ชาวบ้านกำลังแตกตื่นจากสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก
ส่วนน้ำป่านั้นได้เริ่มไหลหลาก ตั้งแต่เวลา 02.00 น. เป็นต้นมา ชาวบ้านต้องตื่นมาช่วงกลางดึก เพื่อขนย้ายข้าวของหนีน้ำป่าที่กำลังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากฝนตกหนักยาวนานหลายชั่วโมง ส่วนระดับน้ำถือว่าวิกฤติและหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ด้านนายศรีโรจน์ นิมมานพัชรินทร์ นายอำเภอเกาะคา และนายธรรมรักษ์ เชียงพรม นายก อบต. ไหล่หิน รีบลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านเป็นการด่วนแล้ว
ชาวพรหมพิรามอ่วมน้ำทะลักหลังเขื่อนผันน้ำ ชาวบ้าน ในเขต อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กว่า 200 หลังคาเรือน เดือดร้อนหนัก หลังเขื่อนนเรศวร ผันน้ำน่านออก เข้าท่วมหมู่บ้านโดยนายน้อย ม่วงทอง อายุ 50 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.หนองแขม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนเองและคนในหมู่บ้าน ต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากชลประทานใช้เขื่อนนเรศวร ผันแม่น้ำน่านออกสู่ ต.หนองแขม เพื่อรักษาเขตเศรษฐกิจของเมืองพิษณุโลก ทำให้มีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านพักอาศัย ประกอบกับมีฝนตกลงมาอย่างหนัก น้ำไม่สามารถระบายออกได้ และขณะนี้น้ำเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น จึงอยากขอร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ สูบน้ำออกจากหมู่บ้านเป็นการเร่งด่วน
ทางด้าน นายสุพจน์ หวาเกตุ ผู้ใหญ่บ้าน ได้กล่าวว่า หลังจากที่น้ำเริ่มเข้าท่วมในหมู่บ้าน ตนเองได้เคยไปติดต่อขอเครื่องสูบน้ำของราชการจะนำมาสูบน้ำออกจากหมู่บ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แต่กลับได้รับคำตอบว่า เครื่องสูบน้ำ ได้ระดมไปช่วยในเมืองหมดแล้ว ขณะนี้ทำได้เพียงระดมรถไถนาของชาวบ้าน กว่า 30 คัน มาตั้งเครื่องสูบน้ำออก ทั้งวัน ทั้งคืน โดยใช้น้ำมันที่เรี่ยไรเงินมาจากชาวบ้านที่ไม่มีรายได้เท่านั้น
อำนาจเจริญน้ำท่วมสูง-การจราจรติดขัดฝนถล่มเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ น้ำท่วมสูง การจราจรติดขัด แนะเลี่ยงใช้เล้นทาง ขณะเจ้าหน้าที่นำเครื่องสูบน้ำเร่งระบาย
เกิดฝนตกหนักในเขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ด้านหน้าโรงพยาบาลน้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร การจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางการจราจร โดยรถโดยสารจากต่างจังหวัดไปใช้เส้นทางอื่น
นายศักดิ์ชัย ตั้งตระกูลวงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองอำนาจเจริญ กล่าวว่า เทศบาลได้แก้ไขโดยใช้เครื่องสูบน้ำออก เพื่อระบายไปช่องทางอื่นที่ต่ำกว่า คาดว่าบ้านเรือนของราษฎรจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

น้ำชีไหลเข้าขอนแก่น หลายพื้นที่อ่วมน้ำชี จ.ขอนแก่น ยังคงไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง หวั่นกระทบตัวเมืองชั้นใน ด้านจังหวัดประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว 26 อำเภอ
มวลน้ำจากแม่น้ำชีที่ไหลมาจาก จ.ชัยภูมิ ยังคงเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนในเขต จ.ขอนแก่น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจาการวัดระดับน้ำที่จุดวัดน้ำ บ้านโจด อ.มัญจาคีรี มีระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 12 เซนติเมตร ทำให้ปริมาณน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนเป็นวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับสูงขึ้น ในพื้นที่เขตชุมชนชั้นในของตัวเมืองขอนแก่น
ขณะที่ทางจังหวัดได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติครอบคลุมทั้ง 26 อำเภอ พร้อมแจ้งเตือนให้ทุกพื้นที่รับมือกับภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่ติดกับแม่น้ำชี และแม่น้ำพอง เนื่องจากการระบายน้ำออกจากเขื่อนอุบลรัตน์ เพิ่มขึ้นเป็นวันละกว่า 32 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากปริมาณน้ำเต็มความจุอ่าง ทำให้สัปดาห์หน้า ทั่วทั้งจังหวัดจะต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

พายุเนสาด ส่งผลน้ำท่วมเมืองเลยพายุเนสาดพ่นพิษ ทำเมืองเลยน้ำท่วมขัง ถนทุกสายรถวิ่งไม่ได้ ร้านค้าในเขตกว่า 500 ร้านต้องปิด พร้อมขนของขึ้นที่สูง
จากอิทธิพลพายุดีเปรสชัน "เนสาด" (NESAT) ทำให้มีฝนหรือฝนฟ้าคะนองเกือบทั่ว จ.เลย และมีฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง ทำให้พื้นที่ต่าง ๆ ประสบกับน้ำป่าไหลหลาก กระแสน้ำในห้วยไหลล้นตลิ่งเกือบทุกอำเภอ โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองเลย และเทศบาลเมืองเลย ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบนถนนสายต่าง ๆ อย่างฉับพลัน รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ถนนทุกเส้นในเทศบาลเมืองเลย ใช้งานไม่ได้ เช่น ถนนเจริญรัฐ ถนนพิพัฒนมงคล ถนนร่วมใจ ถนนนกแก้ว ระดับน้ำสูง 40 เซนติเมตร ร้านค้าที่อยู่บนพื้นที่ต่ำได้มีน้ำไหลเข้าร้านได้รับความเสียหาย ต้องระดมนำอุปกรณ์กั้นน้ำไม่ให้เข้าตัวบ้านเรือน บางร้านต้องรีบวิดน้ำออก โดยร้านค้าในเขตกว่า 500 ร้าน ต้องปิดเตรียมขนของขึ้นที่สูง ทั้งนี้ เมื่อใดที่มีเหตุการณ์ฝนตก แม้ไม่มาก แต่น้ำจะท่วมในเขตเทศบาลทุกครั้ง เพราะเทศบาลฯ ไม่เคยมีการลอกท่อระบายน้ำ เก็บเศษขยะที่ตกลงในท่อขวางทางระบายของน้ำ
นอกจากนี้ กระแสน้ำจากห้วยเบ้า บ้านป่าเป้า หมู่ 5 ต.ปากปวน อ.วังสะพุง ไหลเอ่อเข้าท่วมถนน ช่วงกิโลเมตรที่ 120 ถนนสายเลย - ขอนแก่น ด้านตะวันออกของถนน รถยนต์ต้องย้ายมาวิ่งทางฝั่งตะวันตกสวนทางกัน ผู้ขับขี่จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทำให้การจราจรเป็นไปได้ความเชื่องช้า โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลควบคุมตลอดเวลา
น้ำป่าบ่าเข้าท่วม อ.พนมสารคามแล้วน้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บางจุดสูงเกินกว่า 1 เมตรแล้ว
สถานการณ์น้ำท่วมในเขต จ.ฉะเชิงเทรานั้น หลายพื้นที่ทางด้านฝั่งขวาของแม่น้ำบางปะกง ระดับน้ำได้เริ่มลดลงแล้ว หลังฝนในพื้นที่หยุดตกมาเป็นเวลานาน 3 วันต่อเนื่อง แต่ในพื้นที่ด้านฝั่งซ้ายของแม่น้ำบางปะกง กำลังจะมีน้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ในตอนล่างอีกระลอกใหญ่ โดยเฉพาะชุมชนที่อาศัยอยู่ตลอดแนวริมคลองท่าลาด ที่จะต้องรับน้ำที่มาจากการเร่งระบายออกของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำคลองระบม และอ่างเก็บน้ำสียัด ที่ปัจจุบันมีน้ำอยู่ในอ่างเกินกว่าความจุที่จะรับได้แล้วทั้ง 2 แห่ง
โดยล่าสุดนั้น ระดับน้ำได้เริ่มขึ้นสูงท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมคลอง และบางจุดสูงเกินกว่า 1 เมตรแล้ว ในเขต ต.เกาะขนุน และในตัวตลาดท่าเกวียน อ.พนมสารคาม
พะเยาเตือนประชาชนระวังน้ำป่าไหลหลากปภ.พะเยา ประกาศเตือนประชาชน เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ทุกอำเภอ
หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้พยาการณ์อากาศให้ จ.พะเยา นั้น เป็นพื้นที่ระวังภัยพายุฝนเนสาด ล่าสุด นางธวัลรัตน์ ไชยอินปัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดพะเยา ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ จ.พะเยา เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ทุกอำเภอ พร้อมกันนี้ กำชับมิสเตอร์เตือนภัยให้เฝ้าระวังน้ำระดับน้ำ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
อย่างไรก็ตาม เตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ขอให้ชาวบ้านติดตามข่าวสารจากทางจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และวิทยุชุมชนอย่างใกล้ชิดด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


[1 ตุลาคม] อุตุฯ เตือนพายุเนสาด ทำภาคเหนือ-อีสาน ฝนตกเพิ่ม
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
อุตุฯ ประกาศเตือนภัยพายุเนสาด ทำภาคตะวันออกของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 1-3 ต.ค.ระวังน้ำป่าไหลหลาก
กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศ เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (1 ต.ค. 54) ว่า พายุโซนร้อน "เนสาด" (NESAT) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 21.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 106.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ อย่างช้า ๆ คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม พายุลูกนี้ส่งผลทำให้ด้านตะวันออกของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนระวังอัตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะ 1-2 วันนี้
ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง
ทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามัน และด้านตะวันออกของอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งระยะนี้ไว้ด้วย
ด้านศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ออกประกาศเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก โดยในวันที่ 1-3 ตุลาคมนี้ อาจเกิดดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะ อ.เมือง อ.แม่จัน จ.เชียงราย, อ.ปง อ.เชียงคำ จ.พะเยา, อ.ท่าวังผา อ.เมือง จ.น่าน, อ.สังคม จ.หนองคาย และ อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา โดยขอให้ประชาชน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในพื้นที่ เฝ้าระวังและติดตามข้อมูลจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติต่อไป

เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม 1 ตุลาคม
น้ำท่วมลำพูนเริ่มคลี่คลาย-ยังเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมลำพูน เริ่มคลี่คลาย ใกล้พ้นระดับวิกฤติ ขณะเจ้าหน้าที่ ยังคงเฝ้าระวังพร้อมรับพายุลูกใหม่
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ลำพูน ถือว่า เริ่มคลี่คลายลงไปบ้างแล้ว หลังจากวานนี้เกิดน้ำท่วม ใน 3 พื้นที่ ของ จ.ลำพูน ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า พื้นที่ อ.เมือง จ.ลำพูน ยังคงมีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน ประมาณ 100 หลังคาเรือน ในเขต ต.ริมปิง ต.ประตูป่า และต.ต้นธง แต่ระดับน้ำก็ได้เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะฝนในพื้นที่ได้ หยุดตก
ส่วนระดับแม่น้ำกวง บริเวณจุดตรวจวัดระดับน้ำบ้านท่านาง เช้าวันนี้ อยู่ที่ 5.13 เมตร จากจุดวิกฤติ 5.00 เมตร ส่วนระดับน้ำปิง ที่ไหลผ่านพื้นที่ ต.ริมปิง ระดับน้ำอยู่ที่ 3.68 เมตร จากระดับวิกฤติ ที่ 3.70 เมตร อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันภัย จ.ลำพูน ยังคงเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวังพร้อมรับมือพายุลุกใหม่ ตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไปแล้ว
น้ำท่วมลำปางเริ่มสู่ภาวะปกติแล้วสถานการณ์น้ำท่วมลำปาง ทยอยกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมประกาศเตือนประชาชน ระวังพายุเนสาด และเฝ้าระวังดินสไลด์ จากแผ่นดินเคลื่อนตัวที่ อ.เมืองปาน
หลายพื้นที่ของ จ.ลำปาง ที่เคยถูกน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก ขณะนี้ได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ขณะที่ จ.ลำปาง ในพื้นที่ทั้งเขตอำเภอนั้น ได้ถูกประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน
อย่างไรก็ตาม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำปาง ประกาศแจ้งเตือนชาวบ้าน ประชาชน ให้เฝ้าระวัง พร้อมรับมือพายุลูกใหม่เนสาด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพราะหลายครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 จ.ลำปาง เกือบทุกพื้นที่มีน้ำท่วม โดยแต่ละพื้นที่น้ำท่วมถูกอุ้มและรับน้ำเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีฝนตกลงมาใหม่ ก็จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ง่ายขึ้น
ขณะที่ นายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผู้บริการสำนักงานทรัพยากรเขต 1 ลำปาง ออกมาประกาศเตือนภัย ห่วงพื้นที่ อ.เมืองปาน โดยเฉพาะพื้นที่บ้านดินดำ หมู่ 3 ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน ให้เฝ้าระวังการเกิดดินสไลด์ตัว และพบรอยแยกที่บริเวณ วัดพระธาตุดอยเต่าคำ และยังมีแนวโน้มรอยดินแยกตัวไม่หยุด ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตรแล้ว

รถไฟสายเหนือยังหยุดวิ่งการรถไฟสายเหนือหยุดเดินขบวนไม่มีกำหนด หลังระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซ.ม.
การรถไฟ จ.นครสวรรค์ ประกาศงดการเดินขบวนรถไฟสายเหนือต่อไปโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากปริมาณน้ำผ่านทางรถไฟบางช่วง สูงกว่า 50 ซ.ม. โดยเฉพาะทางรถไฟตั้งแต่ช่วงลพบุรี-ชุมแสง มีระดับน้ำท่วมสูงเกินกว่ารถไฟจะสามารถแล่นผ่านได้
อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่จะต้องการเดินทางขึ้น-ล่องภาคเหนือ สามารถใช้รถไฟได้จาก กทม. ถึงสถานีรถไฟลพบุรี หากเดินทางจากสายเหนือ รถไฟจะมาสิ้นสุดที่สถานีรถไฟชุมแสง จ.นครสวรรค์ เท่านั้น
น้ำท่วมสุรินทร์ทำนาข้าวไร่มันเสียหายอื้อนาข้าวหอมมะลิ-ไร่มันสำปะหลัง ใน จ.สุรินทร์ เสียหายเพิ่ม
นายอำนวย จันทรัฐ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 5 อำเภอ 16 ตำบล 89 หมู่บ้าน หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ประสบอุทกภัย คาดว่า นาข้าวหอมมะลิจะเสียหายเพิ่มอีกประมาณ 10,145 ไร่ และมันสำปะหลังเสียหายประมาณ 22,968 ไร่ ได้แก่
อำเภอท่าตูม พื้นที่ที่คาดว่าเสียหาย 5 ตำบล 8 หมู่บ้าน นาข้าวเสียหายประมาณ 2,888 ไร่
อำเภอสังขะ พื้นที่ที่คาดว่าเสียหาย 6 ตำบล 34 หมู่บ้าน นาข้าวเสียหายประมาณ 5,564 ไร่ และไร่มันสำปะหลัง 12 ไร่
อำเภอสำโรงทาบ พื้นที่ที่คาดว่าเสียหาย 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน นาข้าวเสียหายประมาณ 1,693 ไร่
อำเภอกาบเชิง พื้นที่ที่คาดว่าเสียหาย 6 ตำบล 78 หมู่บ้าน ไร่มันสำปะหลังเสียหายประมาณ 22,965 ไร่
ชาวแปดริ้วเสริมกระสอบทรายรับพายุลูกใหม่ชาวบ้านแปดริ้ว เตรียมพร้อมรับมือพายุ 2 ลูกใหม่ เร่งเสริมกระสอบทรายรับมือให้พ้นน้ำท่วมสูงอีกหนึ่งเท่าตัว
นายหวาน หิรัญสุข อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 ม.13 ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยเพื่อนบ้าน กำลังเร่งช่วยกันกรอกกระสอบทราย เพื่อเตรียมนำไปทำแนวเขื่อนล้อมรอบตัวบ้าน เพื่อป้องกันน้ำท่วมหลังจากทราบข่าวว่า กำลังจะมีพายุลูกใหม่ (เนสาด) เตรียมที่จะขึ้นฝั่งผ่านเข้ามาในประเทศไทยอีก ซ้ำเติมกลุ่มพายุทั้ง 2 ลูก ก่อนหน้านี้
ที่ผ่านมา พื้นที่ในหมู่บ้านจะถูกน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี เนื่องจากอยู่ใกล้กับแนวลำคลอง ซึ่งเป็นเส้นทางการระบายน้ำจากภาคเหนือคือ คลองหลวงแพ่ง ในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิตที่รับน้ำมาจากคลองระพีพัฒน์ และคลอง 13 ซึ่งก่อนหน้าได้เตรียมการรับมือไว้ ด้วยการทำแนวเขื่อนและเสริมกระสอบทรายล้อมรอบตัวบ้านไว้ แต่ถึงขณะนี้น้ำที่ถูกปล่อยระบายออกมาจากทางภาคเหนือ และน้ำจากในเขตจ.ปทุมธานี และนครนายก ได้ไหลลงมารวมกันในพื้นที่จนล้นข้ามแนวกระสอบทรายที่เคยเสริมกั้นไว้แล้ว ดังนั้นจึงต้องนำกระสอบทรายไปเสริมทับให้สูงขึ้นจากแนวเขื่อนเดิม จาก 2 ชั้น เป็น 4 ชั้น เพื่อเตรียมการไว้รองรับมือน้ำท่วมในปีนี้ที่มีปริมาณมากกว่าทุกปี
ชาวพิจิตรทุกข์หนักน้ำท่วมแถมถูกขโมยรถชาวบ้านพิจิตรทุกข์หนัก หนีน้ำท่วมไปพักที่โรงเรียน ถูกมิจฉาชีพซ้ำเติมขโมยรถจักรยานยนต์ แจ้งตำรวจไม่ยอมเข้ามาดูแล
นายสมนึก เขียวพุ่มพวง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ได้ร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว เพื่อขอให้ช่วยเหลือ เนื่องจากบ้านเรือนของลูกบ้านถูกน้ำท่วม จึงอพยพมาขออาศัยนอนที่โรงเรียน ประมาณ 20 - 30 คน โดยมีรถจักรยานยนต์จอดไว้บนถนนหลังโรงเรียนบ้านนาที่อาศัยหลับนอน และล่ามโซใส่กุญแจเอาไว้ ปรากฏว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้ถูกคนร้ายขโมยไป 2 คัน เป็นฮอนด้า เวฟ ทั้ง 2 คัน คาดมีคนร้ายอาจจะแฝงตัวมา เป็นพวกหาปลา ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้าน ได้โทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ ผ่านไปเกือบครึ่งวันแล้ว ตำรวจสายตรวจหรือ ร้อยเวรก็ไม่มาดูที่เกิดเหตุ
ระดมกำลังซ่อมประตูระบายน้ำบางโฉมศรีทหารช่างกองทัพบกระดมกำลังซ่อมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี จ.สิงห์บุรี คาดใช้เวลา 2 สัปดาห์ จะแล้วเสร็จ
ที่บริเวณริมถนนสายเอเชีย ต.ท่าช้าง อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ทหาร จากกรมการทหารช่าง กองทัพบก อยู่ระหว่างการถักกรงลวดตาข่าย เพื่อบรรจุหินและนำไปวางซ่อมประตูระบายน้ำบางโฉมศรีที่พังลงไป เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน
โดย พ.ท.กัญชาญ พจน์สุภาพ นายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึกช่าง 11 เปิดเผย ขณะดูแลความเรียบร้อยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่าการดำเนินการซ่อมประตูระบายน้ำครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือกันระหว่าง กรมชลประทานและกองทัพบก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยการถักกรงลวดตาข่าย ขนาดกว้าง 1 ม. ยาว 2 ม. และสูง 50 ซ.ม. บรรจุหิน ขนาด 2 ตัน ซึ่งค่อนข้างมีความแข็งแรง เพื่อนำไปวางขวางชะลอความแรงของน้ำเจ้าพระยา โดยในจุดนี้ หากบรรจุหินเรียบร้อยแล้ว จะต้องใช้รถเครนและเรือลากอีก 1 กม.
สำหรับอุปสรรคและปัญหาในการทำงานที่พบ หรือทำให้การดำเนินงานที่ช้า เนื่องมาจาก กระแสน้ำนั้นมีความแรงมาก โดยคาดว่าจะดำเนินการต่อไปอีก ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะเสร็จสิ้นตามแผน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้อยู่ที่ประตูน้ำเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ยังพบว่า ถนนสายหลักยังถูกตัดขาดเป็นบริเวณกว้าง โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการแก้ไขจุดหนักไปก่อน
อยุธยาวิกฤติน้ำท่วมทั้งจังหวัดจ.อยุธยา ยังวิฤกติ ท่วมทั้งจังหวัด 16 อำเภอ ท่วมนานเกือบเดือน เดือดร้อน 2 แสนกว่าคน ปริมาณน้ำยังสูงขึ้นต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา ยังวิฤกติ โดยทางจังหวัดได้ประกาศให้ 16 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งจังหวัด โดยบริเวณที่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนหนักที่สุดใน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.บ้านแพรก อ.มหาราช อ.นครหลวง อ.บางประหัน และ อ.ท่าเรือ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ได้รับผลกระทบมาจากปริมาณมวลน้ำจาก จ.ลพบุรี ไหลเข้าเพิ่มอีก 40-50 ซ.ม. ทำให้หลายพื้นที่มีปริมาณน้ำสูงกว่า 2 เมตร ถนนหลายสายถูกตัดขาด วัด โรงเรียน โรงพยาบาลไร้ผู้อยู่อาศัย อย่างที่โรงพยาบาลบ้านแพรกต้องอพยพคนไข้ไปที่อื่น กลายเป็นโรงพยาบาลร้างไปแล้ว
ทั้งนี้ข้อมูลของทางการพบว่า ในปีนี้ จ.พระนครศรีอยุธยา เริ่มท่วมตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย.2554 จนถึงวันนี้ก็เกือบจะ 1 เดือนแล้ว โดยขณะนี้ทั้งจังหวัดประชาชนเดือดร้อนประมาณ 224,229 คน ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำน้อย ที่ไหลผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำในแม่น้ำสูงกว่าตลิ่ง 1-2 เมตร และมีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ชาวบางระกำร้องถูกตัดสิทธิ์ช่วยเหลือ หลังเปิดโปงทุจริตชาวบ้านบางระกำร้อง น้ำท่วมถูกตัดสิทธิ์ ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ
นางสิน เรืองนุ้ย อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 276 ม.5 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน ว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้นำชุมชน และยังถูกตัดสิทธิ์ที่จะได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐในการช่วยเหลือจากน้ำท่วม ทั้งที่ทุกปีที่ผ่านมาเคยได้รับความช่วยเหลือมาตลอด แต่หลังจากพบความไม่ชอบมาพากลในการช่วยเหลือ จึงได้พูดเปิดโปง ทำให้ถูกผู้นำชุมชนงดให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง
โดยนางสิน เปิดเผยว่า ตนเองได้เคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวการทุจริตน้ำท่วมในพื้นที่ทั้งหมดที่ผ่านมา เมื่อจะมีการแจกถุงยังชีพช่วยเหลือชาวบ้านถูกน้ำท่วม สิ่งของทุกอย่างต้องผ่านผู้นำชุมชน ก่อนจะนำไปแจกชาวบ้าน และก่อนมีการนำสิ่งของ ถุงยังชีพมาให้กับชาวบ้าน ปรากฏว่า มีการแบ่งสิ่งของในถุงออกอย่างเช่นน้ำมันพืช จำนวน 2 ขวด จะแบ่งออก 1 ขวด ปลากระป๋อง 6 กระป๋อง จะแบ่งออกเหลือ 3 กระป๋อง จึงเป็นที่มาของความไม่พอใจของผู้ใหญ่บ้าน







