
น้ำเอ่อท่วม ถ.รังสิต-นครนายก คลอง 1-4 แล้ว (ไอเอ็นเอ็น)
ถนนรังสิต - นครนายก ช่วงคลองหนึ่ง - สี่ น้ำเอ่อท่วมตลอดเส้นทาง สูงสุด 30 ซม. การจราจรติดขัด ปชช. แห่ซื้อเสบียงกักตุนจำนวนมาก
สถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ ที่บริเวณถนนรังสิต - นครนายก ตั้งแต่คลองหนึ่ง - คลองสี่ ในขณะนี้มีนำเอ่อท่วมเกือบตลอดเส้นทาง ซึ่งบางจุดมีความสูงประมาณ 30 ซม. ส่งผลให้การจราจรบริเวณนี้ชะลอตัว ส่วนชาวบ้านพื้นที่ริมถนนตลอดเส้นทางที่ประกอบไปด้วยบ้านเรือนประชาชนและ ร้านค้าต่างๆ ก็ได้มีการก่ออิฐและทรายป้องกันน้ำที่อาจจะไหลเข้ามาทางถนนด้วย ขณะที่ตลอดเส้นทางนั้น ยังพบพ่อค้านำเรือที่ทำจากโลหะมาขายในราคาลำละ 5,900 บาทด้วย ซึ่งก็มีประชาชนสนใจสอบถามเป็นระยะ แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจซื้อ เนื่องจากมีราคาที่สูงมาก
พร้อมกันนี้ ประชาชนบางส่วนได้เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคเตรียมกักตุนไว้หากระดับน้ำนั้นเพิ่มสูงขึ้น กว่านี้
มท.1 เปิดประตูระบายน้ำคลองรังสิต 1-6 แล้ว 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยเจรจาชาวบ้านคลอง 1-6 ล่าสุดเปิดประตูน้ำทั้ง 5 บานแล้ว น้ำทะลักเข้าบ้านประชาชน
วันนี้ (19 ตุลาคม) นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่า ได้เจรจากับชาวบ้าน คลองรังสิต คลอง 1 ถึง คลอง 6 เรียบร้อยแล้ว และชาวบ้านตกลงในการเปิดประตูดังกล่าวแล้ว ทำให้น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนในบริเวณดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ แนวความคิดดังกล่าว เป็นความคิดของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีจุดประสงค์ เพื่อระบายน้ำออกไปทางฝั่งตะวันออก
นายกฯ สั่งมท.1 คุย ปชช.ขอเปิดประตูคลอง1-6 ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟชบุ๊ค Yingluck Shinawatra


นายกรัฐมนตรี มอบ "ยงยุทธ" เจรจาชาวบ้าน ขอเปิดประตูระบายน้ำ ชี้ ประชาชนขัดแย้งกันระบายน้ำลำบาก เผย ยูเอ็น แสดงความเสียใจ และพร้อมให้ความช่วยเหลือ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังขึ้นบินสำรวจพื้นที่รอยต่อของกรุงเทพมหานคร ว่า ได้มอบหมายให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เจรจากับประชาชนที่จะได้รับผลกระทบ เพื่อขอเปิดประตูระบายน้ำคลอง 1 - 6 ส่วนกรมชลประทานก็จะรับผิดชอบดูแลการเปิดประตูระบายน้ำให้สัมพันธ์กับระดับ น้ำที่จะรับได้
ส่วนกรณีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ว่า เป็น เพราะไม่สามารถจัดการบริหารน้ำได้ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณด้านเหนือและล่างของคลองระพีพัฒน์ มีความขัดแย้งกัน และไม่ยอมให้ใช้พื้นที่เป็นทางผ่านน้ำ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้การบริหารงานได้ล่าช้าว่ามาจาก 3 ปัจจัย คือ น้ำมีปริมาณมากกว่าทุกปีถึง 3 เท่า ระบายได้ล่าช้าเนื่องจากมีพายุสะสม และสภาพภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยต่อการระบายน้ำ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายบัน กี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น รวมทั้งมีความยินดีที่จะเข้าช่วยเหลือ ส่วนรัฐบาลก็จะดูว่ามีส่วนใดบ้างที่ UN สามารถเข้ามาช่วยได้พร้อมยืนยันว่า ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ได้ติดตามสถานการณ์และเตือนไปยังประชาชนทุกครั้ง ซึ่งความน่าเชื่อถือของ ศปภ. ที่ลดลง เกิดจากความสับสนในการแถลงข่าว ที่มีทั้งการแถลงอย่างเป็นทางการ และแถลงบอกความคืบหน้า







