
เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ Neomaru
ช่วงเวลานี้หลาย ๆ คน ในกรุงเทพฯ คงกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมข้าวของต่าง ๆ เพื่อรับมือกับภัยน้ำท่วมที่กำลังจะมาถึงทุกที ไม่ว่าจะเป็น การจัดเตรียมอาหาร ขนของขึ้นที่สูง หรือแม้กระทั่งการอพยพไปต่างจังหวัด ของบางครอบครัว แต่เชื่อได้เลยว่า ยังคงมีอีกหลายครอบครัวเช่นกัน ที่ชะล่าใจกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะคิดว่ายังรับมือทัน หรือ ปริมาณน้ำคงไม่มาก ถึงขนาดที่จะต้องอพยพออกจากพื้นที่ ถ้าคุณกำลังมีความคิดเช่นนี้ ขอให้คุณอย่าชะล่าใจ และเริ่มสังเกตจากสถานการณ์รอบตัวเป็นอย่างแรก เพราะในภาวะวิกฤติแบบนี้ การสังเกตและความรอบคอบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกบ้านควรจะมี
เหมือนเช่นคุณ Neomaru ผู้พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งตรงถนนเลียบคลอง 3 ก็เป็นคนแรก ๆ ที่เริ่มเตรียมตัวรับมือกับภัยน้ำท่วม โดยเขาได้สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงรอบ ๆ ตัว รวมถึงติดตามข้อมูลและข่าวสารตลอด จนทำให้สามารถเตรียมการได้ทันท่วงทีกับภัยน้ำท่วมที่มาถึง ทั้งนี้ คุณ Neomaru จึงได้นำประสบการณ์ตรงนี้มาเล่าเป็นข้อคิดผ่านเว็บไซต์ pantip เพื่อหวังให้เกิดประโยชน์และเป็นแนวทางในการรับมือ ไม่ให้ชะล่าใจกับภัยน้ำท่วมครั้งนี้ ลองไปอ่านกันดูค่ะ

วินาทีหนีน้ำของผม (เผื่อมีประโยชน์กับอีกหลาย ๆ ท่าน)
ผมอยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งตรงถนนเลียบคลอง 3 ครับ บ้านผมเป็นบ้านแรก ๆ ที่เก็บของขึ้นชั้น 2 ตั้งแต่ตอนที่น้ำในคลอง 3 ยังเหลืออีก 30 เซนติเมตร จากนั้นผมก็ตัดสินใจก่ออิฐบล็อคกั้นหน้าบ้านสูง 3 ก้อน เตรียมมาม่า ปลากระป๋อง กรอกน้ำใส่ขวดจำนวนมาก (ไม่ต้องซื้อ) เปิดน้ำเตรียมไว้ในถัง ซื้อไฟฉายเพิ่ม ซื้อถ่ายไฟฉาย และเทียนรอไว้ กะสู้เต็มที่ตอนน้ำท่วม แล้วคนแถวบ้านเห็นผมทำ แล้วมองว่าตื่นตูม และเว่อร์ครับ หลาย ๆ คนในหมู่บ้านกว่า 60% คิดว่าน้ำไม่ท่วม อีก 20-30% คิดว่าท่วม แต่ไม่มาก....ผมรอมาเป็นอาทิตย์ โดยที่ยังขับรถเก๋งเข้าบ้านทุกวัน ในขณะที่ส่วนใหญ่เอารถไปจอดตามห้าง และ ทางยกระดับกันหมดแล้ว และก็บอกผมว่า "ไม่กลัวน้ำท่วมรถเหรอ"
ทุก ๆ วันตอนเช้าผมดูข่าวน้ำท่วมทางโทรทัศน์ และ อินเทอร์เน็ต เพื่อดูความเคลื่อนไหวของน้ำ และเตรียมตัวตลอดเวลา รถของผม ผมขับเข้าออกบ้านทุกวัน เพราะผมคิดว่าถ้าน้ำมา ผมเอาออกทัน เนื่องจากแถวคลอง 3 ไม่ใช่จุดที่น้ำจะมาอย่างรวดเร็วแบบสามโคก จนเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ผมปีนรั้วดูหลังหมู่บ้านพบว่า คันดินหลังหมู่บ้านที่กั้นน้ำจากคลอง 2 นั้น น้ำปริ่มคันดินแล้ว ผมจีงรีบไปดูหน้าหมู่บ้าน และพบว่า น้ำคลอง 3 วันนี้ แตะถนนแล้ว หลังจากที่ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา น้ำแทบไม่ขึ้นเลย ในใจผมคิดแล้วครับว่า ตอนนี้น้ำมาเยอะกว่าวันอื่น ๆ แล้วมาเร็วกว่าด้วย..ไม่ถึง 1 ชั่วโมง มีคนบอกว่า น้ำรั่วแล้วจากหน้าหมู่บ้าน แต่หลาย ๆ คนก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะทุกคนมองหน้าหมู่บ้านแล้วเห็นว่า น้ำคลอง 3 แค่ปริ่มถนนคงท่วมนิดหน่อย แต่ผมรีบบอกแม่ให้เก็บของทันที เพราะผมวิเคราะห์จากน้ำด้านหลัง และด้านหน้าว่า ไม่รอดแน่ ๆ เพราะน้ำจ่อขนาดนี้ ในขณะที่น้ำจากคลองระพีพัฒน์ยังไม่หมด ถ้าน้ำมาสมทบ "จมหนัก" สถานเดียว ผมและแม่เอาเสื้อผ้า อาหารที่ตุนไว้ เครื่องนุ่งห่ม คอมพิวเตอร์(PC) โน๊ตบุ๊ก (Notebook) หม้อหุงข้าว และทุก ๆ อย่างที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปทั้งหมด เพราะผมมีเวลาพอที่จะขนพวกมันไป
หลายคนสงสัยว่า ทำไมต้องขน PC ไปทั้ง ๆ ที่มีโน๊ตบุ๊ก (Notebook) ผมขอตอบว่า เพราะผมกลัว "โดนงัดบ้าน" ครับ ฉะนั้นของที่คิดว่า มีราคาแล้วยกใส่เรือได้ ผมจะเอามาหมดเลย (โทรทัศน์ผมเป็นรุ่นเก่า แบบจอแก้ว หนัก ๆ ใหญ่ ๆ ถ้ามันจะขนก็ตามใจ) ส่วน ตู้เย็น ก็ปล่อยจมได้ ไม่เป็นไร เครื่องเล่น ดีวีดี (dvd) ก็เอามาด้วย ไม่ได้ดูหรอกครับ แต่กลัวโดนขโมย พอผมเก็บทุกอย่างขึ้นรถเรียบร้อย เต็มรถเลยครับ ทั้งฝาท้าย และเบาะหลัง โดยตอนที่ผมขับหนีออกมา แม่ผมคุยกับเพื่อนบ้านแถวนั้น ทุกคนล้วนบอกว่า "น้ำคงไม่ท่วมสูงหรอก เขาไม่ย้ายหรอก" ระหว่างที่ผมขับออกจากหมู่บ้าน น้ำท่วมเกือบถึงครึ่งล้อแล้ว (ล้อ17นิ้ว ยาง45) โดยเมื่อก่อนเก็บของ น้ำแค่แตะ ๆ ถนนหน้าบ้านเท่านั้น ผมขับรถฝ่าน้ำออกจากหมู่บ้าน และฝ่าออกจากคลอง 3 มาทางคลองหลวงออกเข้ามอเตอร์เวย์ และมุ่งตรงมาทางบางนา.. (หนีมาก่อน แล้วรอดูสถานการณ์)
เช้าวันรุ่งขึ้้น แม่โทรหาเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านบอกว่า ย้ายออกมาแล้ว เพราะคืนนั้นที่ผมออกมา น้ำขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงให้ญาติเอารถกระบะมาพาออกไป (นี่ถ้าไม่มีกระบะลองคิดนะครับ ว่าเขาจะทำอย่างไร)
ลองโทรหาอีกบ้าน เขายังไม่ออกบอกว่า น้ำคงไม่ขึ้นเยอะกว่านี้แล้ว (ผมนึกในใจ จะเป็นไปได้ไง เพราะน้ำลงมายังไม่หมด) เมื่อวานโทรไปอีกครั้ง บ้านที่ยังไม่ย้ายออก ก็ย้ายออกเรียบร้อย เพราะน้ำขึ้นเรื่อย ๆ โดยขนของออกมาได้แค่บางอย่าง.....
ตอนนี้ หมู่บ้านผมน้ำถึงเอวแล้ว.... คงไม่ต้องคิดว่า บ้านอีกหลาย ๆ หลังที่คิดว่าไม่ท่วม ไม่ได้เก็บของ ไม่ได้เตรียมการ จะเละ และเสียหายแค่ไหน...หลายบ้าน ต้องอพยพออกมาตอนน้ำท่วมแล้ว ซึ่งออกมาได้แค่เสื้อผ้า และเงิน อย่างอื่นก็ต้องไว้ในบ้าน โดยตอนออกมาก็ต้องรอทหารมาช่วย...บางคน อยู่ชั้น 2 แต่เวลาน้ำขึ้นเรื่อย ๆ โดนตัดน้ำตัดไฟ ก็อยู่อย่างลำบาก หวาดกลัว อาหารก็ใกล้หมด จะหนีก็ห่วงทรัพย์สิน...เพื่อนบ้านบอกว่า ก่อนออกมา ตอนกลางคืน ในหมู่บ้านโดนงัดไป 4 หลัง...
ผมแค่อยากแชร์ และอยากให้มองว่า หนีก่อน ปลอดภัยก่อน และสามารถนำทรัพย์สินมีค่าออกมาได้เกือบทั้งหมด ไม่ต้องห่วงอะไรที่บ้านเลยการรอให้ข้าศึกประชิดแล้วค่อยหนี มันเสี่ยง มันไม่เวิร์ค และเอาอะไรออกมาไม่ได้ ในขณะที่พวกลอบกัดเตรียมงัดบ้านอยู่ตลอด...สำหรับผม ตอนนี้ใครอยากงัดก็งัดไป ไม่มีของมีค่าแล้ว เพราะเอามาด้วยหมด ตอนนี้ผมก็มาเช่าห้องอยู่กับแม่สบาย ๆ มี โทรทัศน์ มี แอร์ ห้องน้ำสะดวกสบาย ทรัพย์สินอยู่ที่นี่หมด แม่ผมซึ่งอายุ 60 อยู่อย่างสบายไม่ลำบาก (เท่านี้ผมก็พอใจแล้ว) ไม่ต้องเดือดร้อนทหาร ไม่ต้องเดือดร้อนอาสา ไม่ต้องไปแย่งอาหารบริจาค
ขอให้ทุกท่าน ที่น้ำยังไม่ท่วม ลองพิจารณาทางออกของผมด้วย อาจทำให้หลาย ๆ ท่าน มีทางออกที่ดีกว่า โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
ขอให้ทุกคนปลอดภัยครับ






