
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เผย ปีนี้การใช้น้ำมันลดน้อยลง แต่ราคาสูงขึ้นร่วมร้อยละ 30 เพราะสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะทำให้คนหันไปใช้เอ็นจีวี-แอลพีจีมากขึ้น
วันนี้ (27 ธันวาคม) นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 2555 ว่า การใช้น้ำมันน่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2-3 แบ่งเป็นน้ำมันดีเซล น่าจะขยายตัวร้อยละ 3-4, เบนซิน ขยายตัวร้อยละ 1-2 ซึ่งถือว่าน้อย เนื่องจากประชาชนหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) แทน
ทั้งนี้ ถ้าหากสามารถปรับราคาแอลพีจีได้ตามแผน การขยายตัวจะไม่เพิ่มขึ้น และจะลดภาระชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกรณีที่ราคาแอลพีจีในตลาดโลกทรงตัว เหลือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากเดิม 2.54 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ นายวีระพล ยังกล่าวถึงสถานการณ์การบริโภคน้ำมันในปี 2554 เมื่อเทียบกับปี 2553 ด้วยว่า มีการนำเข้าน้ำมันรวมลดลงร้อยละ 4 แต่มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 30 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลนั่นเอง
ส่วนพฤติกรรมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ก็ไม่เปลี่ยนแปลงเท่าใด เพราะเกิดปัญหาน้ำท่วมช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากนโยบายตรึงราคาและปัญหาน้ำท่วมที่ต้องการน้ำมันในการสูบและผันน้ำมากขึ้น
สำหรับน้ำมันเบนซิน ลดลงร้อยละ 2 ส่วนแก๊สโซฮอล์ลดลงร้อยละ 4 ส่วนน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เพราะรัฐบาลปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของน้ำมันเบนซินช่วงปลายเดือนสิงหาคม
ขณะที่การใช้ก๊าซเอ็นจีวีในปี 2554 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มากเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมทำให้สถานีบริการปิดชั่วคราวกว่า ต่อ 100 แห่ง ส่วนปริมาณการใช้ก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้นทั้งหมด ยกเว้นภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 8 เนื่องจากนโยบายปรับขึ้นราคาไตรมาสละ 3 บาท รวม 4 ไตรมาสตั้งแ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองเลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวหลังากที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ว่า ขอให้กระทรวงพลังงานชะลอการขึ้นก๊าซแอลพีจีไตรมาส 3 อัตรา 3 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 และไตรมาส 4 อัตรา 3 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่ 1 มีนาคม 2555 และปรับราคาภายใน 3 ปี จนราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมในขณะนี้อยู่ที่ 24.13 บาทต่อกิโลกรัม
นายพิชัย มีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ และขอให้ ส.อ.ท. ไปทำข้อเสนอใหม่ ซึ่งจุดนี้ตนมองว่า คงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ สำหรับการขึ้นราคา ก็อาจจะทำให้ผู้ประกอบการแก้วและกระจก และเซรามิก จะได้รับผลกระทบอย่างมาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







