
ไฟไหม้บริษัทริบบิ้นในนิคมฯ แหลมฉบัง วอด 200 ล้าน (ไอเอ็นเอ็น)
เกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัท คัลเลอร์ ริ้บบอน (ประเทศไทย) จำกัด ภายในนิคมฯอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เบื้องต้นคาด เสียหาย กว่า 200 ล้าน เจ้าหน้าที่หวั่นอาคารทรุด ส่วนที่ จ.สมุทรปราการ เกิดไฟไหม้โรงงานผลิตแป้งมัน วอดกว่า 10 ล้าน
ร.ต.ท.ณัฐกฤต กิ่งชัยภูมิ ร้อยเวร สภ.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา ได้รับแจ้งว่า เกิดเพลิงไหม้ภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เขตส่งออกที่ 2 จึงรุดตรวจสอบที่จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ศักดิ์รพี เพียวพนิช ผกก.สภ.แหลมฉบัง ทราบพร้อม เดินทางมาตรวจสอบ พบเป็นบริษัท คัลเลอร์ ริ้บบอน (ประเทศไทย) จำกัด ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตริบบิ้นเส้นใยสังเคราะห์จากการทอ หรือถักเส้นด้ายส่งออก โดยเพลิงได้ลุกไหม้ตัวอาคารชั้นเดียว เพลิงลุกโหมรุนแรง รถดับเพลิงจากนครแหลมฉบัง ท่าเรือแหลมฉบัง เทศบาลเมืองศรีราชา เทศบาลตำบลเจ้าพระยาสุรศักดิ์ และใกล้เคียง กว่า 20 คัน กระจายกำลังนำน้ำฉีดบริเวณรอบตัวอาคาร บนเนื้อที่ 8 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา เพื่อสกัดกั้นเพลิง ซึ่งลุกไหม้ พร้อมยังมีเสียงระเบิดเป็นระยะ ประกอบกับวัสดุที่อยู่ภายในตัวอาคารนั้นเป็นวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี รวมทั้งมีลมหนาวพัดแรง จึงทำให้เพลิงลุกไหม้โหมไม่หยุด ต่อมา นายภูษิต แจ่มศรี ปลัดเทศบาลนครแหลมฉบัง ต้องมาอำนวยการดับเพลิง จำกัดวงไม่ให้เพลิงลุกลามไปติดกับบริษัทที่ตั้งอยู่ข้างเคียง ซึ่งใช้เวลานานกว่า 2 ช.ม. เพลิงจึงสงบลง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุได้ทันที เนื่องจากยังมีความร้อนที่คุกรุ่นอยู่ รวมทั้งตัวอาคารอาจทรุดลงมา เบื้องต้นสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
ทั้งนี้จากการสอบถาม น.ส.สุชาวดี เนื่องจำนงค์ อายุ 45 ปี ผู้จัดการบริษัท คาดว่าความเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์ในบริษัทแล้ว ยังมีเครื่องจักรที่ทอ หรือถัก มีอยู่กว่า 10 ตัว ราคาตัวละ 20 ล้านบาท สำหรับบริษัทดังกล่าว ปิดทำการเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้พนักงานหยุดงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ 5 วัน ภายในอาคารจึงไม่มีใครอยู่ มีเพียง รปภ. จำนวน 3 คน ที่ต่างให้การว่าได้ยินเสียงคล้ายระเบิดในตัวอาคาร แล้วหลังจากนั้นก็ได้เกิดกลุ่มควัน แล้วมีเปลวเพลิงลุกไหม้ลุกลามในตัวอาคารอย่างรวดเร็ว
ท้ายสุดใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ก่อนจะสงบลง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ เนื่องจากยังมีความร้อนคุกรุ่นอยู่ รวมทั้งตัวอาคารอาจทรุดลงมาได้






