
ผู้เช่าฟิโก้จ่อรวมตัวค้าน ส่อถูกบังคับเซ็นยกเลิกสัญญา (ไอเอ็นเอ็น)
กลุ่มผู้เช่า อาคาร FICO เตรียมรวมตัวกันคัดค้าน หลังจากไม่พอใจว่าอาจถูกบังคับให้เซ็นยกเลิกสัญญาเช่า อ้างตำรวจไม่รับแจ้งความ
นายไมตรี ชูวีระเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท Daats paper ซึ่งเป็นบริษัท ผลิตกระดาษ 1 ใน 30 บริษัท ที่เช่าอาคารของ บริษัท ฟิโก้ คอเปอร์เรชั่น จำกัด (ตึก FICO PLAC) ซึ่งถูกเพลิงไหม้เสียหาย และ ต้องระงับใช้อาคาร มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 มีนาคม เปิดเผย สำนักข่าว INN ว่า ในวันนี้ เวลา 10.00 น. ทางเจ้าของบริษัท FICO ได้เรียกผู้เช่าอาคารตึกฟิโก้ เพลส ประชุมเพื่อสรุปแนวทางการช่วยเหลือและเยียวยาให้กับผู้เช่าอาคาร เนื่องจาก หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ จนถึงขณะนี้ ผู้เช่ายังไม่สามารถประกอบกิจการได้ และได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดย นายไมตรี ระบุว่า ล่าสุดทางเจ้าของอาคาร ได้อ้างถึงการประชุมที่โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมาว่าทางบริษัทได้แจ้งต่อผู้เช่าในที่ประชุมว่า จะจัดส่งเอกสารเป็นบันทึกยกเลิกสัญญาเช่า และวิธีการดำเนินการ สำหรับผู้เช่าอาคารฟิโก้ เพลส ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอัคคีภัยมาให้ ซึ่งหลังจากที่ทางผู้เช่าได้เห็นบันทึกยกเลิกสัญญาดังกล่าวนั้น ต่างแสดงความไม่พอใจ และอยู่ระหว่างรวมตัวกันเพื่อคัดค้าน
ทั้งนี้เนื่องจากในเอกสารเป็นการให้ผู้เช่า ได้ยินยอมเซ็นลงนาม โดยทางเจ้าของบริษัทจะจ่ายคืนเพียงเงินประกันการเช่า และเงินประกันการบริการให้เท่านั้น และในข้อ 4 ของสัญญา กำหนดไว้ว่า หากมีการเซ็นสัญญาแล้ว ห้ามไม่ให้ฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และทางอาญาระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม นายไมตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนและผู้เช่ารายอื่นได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐาน และยังไม่สามารถเอาผิดใครได้ โดยทำได้แค่เพียงการลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น
กลุ่มผู้เช่า อาคาร FICO เตรียมรวมตัวกันคัดค้าน หลังจากไม่พอใจว่าอาจถูกบังคับให้เซ็นยกเลิกสัญญาเช่า อ้างตำรวจไม่รับแจ้งความ
นายไมตรี ชูวีระเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท Daats paper ซึ่งเป็นบริษัท ผลิตกระดาษ 1 ใน 30 บริษัท ที่เช่าอาคารของ บริษัท ฟิโก้ คอเปอร์เรชั่น จำกัด (ตึก FICO PLAC) ซึ่งถูกเพลิงไหม้เสียหาย และ ต้องระงับใช้อาคาร มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 มีนาคม เปิดเผย สำนักข่าว INN ว่า ในวันนี้ เวลา 10.00 น. ทางเจ้าของบริษัท FICO ได้เรียกผู้เช่าอาคารตึกฟิโก้ เพลส ประชุมเพื่อสรุปแนวทางการช่วยเหลือและเยียวยาให้กับผู้เช่าอาคาร เนื่องจาก หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ จนถึงขณะนี้ ผู้เช่ายังไม่สามารถประกอบกิจการได้ และได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดย นายไมตรี ระบุว่า ล่าสุดทางเจ้าของอาคาร ได้อ้างถึงการประชุมที่โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมาว่าทางบริษัทได้แจ้งต่อผู้เช่าในที่ประชุมว่า จะจัดส่งเอกสารเป็นบันทึกยกเลิกสัญญาเช่า และวิธีการดำเนินการ สำหรับผู้เช่าอาคารฟิโก้ เพลส ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอัคคีภัยมาให้ ซึ่งหลังจากที่ทางผู้เช่าได้เห็นบันทึกยกเลิกสัญญาดังกล่าวนั้น ต่างแสดงความไม่พอใจ และอยู่ระหว่างรวมตัวกันเพื่อคัดค้าน
ทั้งนี้เนื่องจากในเอกสารเป็นการให้ผู้เช่า ได้ยินยอมเซ็นลงนาม โดยทางเจ้าของบริษัทจะจ่ายคืนเพียงเงินประกันการเช่า และเงินประกันการบริการให้เท่านั้น และในข้อ 4 ของสัญญา กำหนดไว้ว่า หากมีการเซ็นสัญญาแล้ว ห้ามไม่ให้ฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และทางอาญาระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม นายไมตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนและผู้เช่ารายอื่นได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐาน และยังไม่สามารถเอาผิดใครได้ โดยทำได้แค่เพียงการลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น

[6 มีนาคม] เผย ตึกฟิโก้มีประกัน 230 ล้าน-ลือ! เห็นวิญญาณที่ชั้นเกิดเหตุ
คปภ. เผยตึกฟิโก้ เพลส มีประกัน 230 ล้านบาท ด้านพนักงานลือกันแซ่ด ชั้น 7 ที่เกิดเหตุ มีวิญญาณ เผยมีบางคนถูกหลอกจนไข้จับ
จากกรณีเพลิงไหม้อาคารฟิโก้ เพลส เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดทาง นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทาง คปภ. ได้เร่งติดตามข้อมูลการทำประกันภัยของตึกดังกล่าว ทราบว่า อาคารแห่งนี้ทำประกันภัยไว้ที่บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์) จำกัด โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัย 230,000,000 บาท
ทั้งนี้ นายประเวช ยังกล่าวต่อว่า ตนได้ประสานไปยังผู้เช่าอาคาร เพื่อขอทราบข้อมูลการทำประกันภัยอื่น ๆ พร้อมทั้งได้ประสานให้บริษัทที่รับสำรวจภัยเร่งสำรวจความเสียหายของตัวอาคาร เพื่อประมูลค่าความเสียหาย และเร่งรัดในการชดเชยต่อไป และขอแนะนำประชาชนหรือผู้ประกอบการที่จะทำประกันภัยว่า ขอให้พิจารณาทำประกันภัยให้ครอบคลุมกับความเสี่ยง เนื่องจากจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เอาประกันภัยได้
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าว ชาวบ้านที่อยู่ติดกับอาคารฟิโก้ เพลส ได้เล่าว่า ตอนไฟเพิ่งเริ่มไหม้นั้น เห็นพนักงานกำลังนั่งทำงานอยู่ และวิ่งหนีกันออกมา ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นไฟเพิ่งเริ่มจะลุกไหม้ ยังไม่ได้ลามไปยังชั้นอื่น ๆ ทำไมพนักงานดังกล่าว ถึงไม่ช่วยกันดับไฟ เพราะในแต่ละชั้นก็มีถังดับเพลิงติดตั้งไว้อยู่แล้ว ส่วนข่าวที่บอกว่าพนักงานดับเพลิงทำงานช้านั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากตอนที่เกิดเหตุรถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะติดสายไฟทั้งเสาไฟฟ้า และสายไฟโทรศัพท์
ส่วนพนักงานบางคน ที่ทำงานในอาคารฟิโก้ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะไฟไหม้ พนักงานที่ทำงานในชั้น 7 คือชั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ชั้นดังกล่าวมีวิญญาณอาศัยอยู่ บางคนเคยถูกหลอกจนไข้จับมาแล้ว บางคนไม่กล้าทำงานตอนกลางคืน หรือเวลาทำธุระส่วนตัวต้องไปย้ายไปที่ชั้นอื่นแทน
พฐ.ตรวจหลักฐานเพลิงไหม้ฟิโก้ยังไร้ข้อสรุป
ผบก.สพฐ.กลาง เผย การตรวจสอบหาหลักฐานเพลิงไหม้ ฟิโก้ เพลส ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เตรียมเข้าตรวจสอบอีกครั้งในวันนี้ (6 มีนาคม)
เมื่อวานนี้ (5 มีนาคม) พล.ต.ต. อภิรัตน์ ปรักกมะกุล ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐ.กลาง) กล่าวถึงการตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ตึกฟิโก้ ว่า จากการเข้าไปเก็บหลักฐานในวันนี้ ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้ โดยในวันนี้ (6 มีนาคม) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจะเข้าไปในพื้นที่อีกครั้ง เพื่อเก็บหลักฐานมาตรวจพิสูจน์ โดยใช้วีธีการพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ แต่จะเร่งทำให้เร็วที่สุด
พล.ต.ต.อภิรัตน์ กล่าวอีกว่า จากการเข้าไปตรวจสอบ พบว่า ความเสียหายค่อนข้างมาก และต้นเพลิงน่าจะมาจากชั้น 7 ส่วนเรื่องการพบกระป๋องสีภายในนั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด
ฟิโก้ รอบูรณะคาด 6-9 เดือนแล้วเสร็จ
มติ ฟิโก้ อนุญาตให้ผู้เช่าอาคาร ชั้น 1-6 ส่งตัวแทนเก็บทรัพย์สิน คาด ใช้เวลา 6-9 เดือน ปรับปรุงแล้วเสร็จ ขณะเจ้าของอาคาร จัดหาโรงแรม 2 แห่ง ให้บริษัทเช่าชั่วคราว
นายไมตรี ชูวีระเดช ผช.กก.ผจก. บริษัท Daats paper ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกระดาษ 1 ใน 30 บริษัท ที่เช่าอาคารฟิโก้ เพลส ซึ่งถูกเพลิงไหม้เสียหาย และต้องปิดอาคารไป เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา เปิดเผยผลการประชุมร่วม ระหว่างเจ้าของอาคารและพนักงานบริษัทผู้เช่าอาคารว่า ทางอาคารได้อนุญาตให้ผู้เช่าอาคารในชั้นที่ไม่ถูกไฟไหม้ คือ ชั้น 1-6 ส่งตัวแทนบริษัทละ 2 คน เข้าไปเก็บทรัพย์สิน หรือ ของมีค่าที่จำเป็นออกมาก่อน โดยกำหนดเวลาให้บริษัทละ 30 นาที และอีก 2-3 สัปดาห์ จึงจะให้ขนย้ายอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานอื่น ๆ ได้
พร้อมกันนี้ ได้จัดหาสถานที่เป็นโรงแรมในเครือ 2 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรมโนโวเทล และ อินเตอร์เชน เพื่อให้ดำเนินธุรกิจชั่วคราวต่อไปได้ จนกว่า อาคาร FICO จะปรับปรุงแล้วเสร็จ คาดใช้เวลาอย่างน้อย 6-9 เดือน เนื่องจาก โครงสร้างอาคารไม่ได้รับความเสียหาย พร้อมจัด Business office หรือ อำนวยความสะดวกเครื่องใช้ในสำนักงานชั่วคราว ช่วยในการติดต่อประสานงานให้ด้วย อย่างไรก็ตามนายไมตรี ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังไม่มีการหารือเรื่องการจ่ายเงินชดเชย หรือ ค่าเสียหายแต่อย่างใด แต่ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมอีกครั้งเป็นรายบุคลล
ขณะที่ ผู้สื่อข่าว รายงานล่าสุดว่า ทางเจ้าของอาคารได้ยกเลิกกรณีการให้ผู้เช่าเข้าไปในอาคารแล้ว โดยไม่ได้บอกถึงเหตุผลที่ยกเลิกดังกล่าว ขณะที่ ผู้เช่าบางรายที่ทราบข่าว ก็ได้เดินทางกลับด้วยความผิดหวัง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

[5 มีนาคม] กทม. เตรียมรื้อ พ.ร.บ.อาคารฉบับเก่า หวั่นซ้ำรอยฟิโก้


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
กทม. สั่งอาคารเก่า 4 ชั้น ติดตั้งสปริงเกอร์ทั้งหมด หวั่นซ้ำรอยฟิโก้ พร้อมเผย อาคารสร้างตั้งแต่ปี 2522 และใช้ พ.ร.บ.เก่า ซึ่งจะไม่ครอบคลุมความปลอดภัยเท่ากับ พ.ร.บ.ใหม่ นอกจากนี้ เตรียมรื้อ พ.ร.บ. โดยให้ตึกเก่าใช้ พ.ร.บ.ฉบับใหม่แล้ว ส่วนอาคารฟิโก้นั้นตรวจสอบแล้วเสียหายไม่มาก แต่ต้องปิดใช้ชั่วคราว
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้อาคารฟิโก้ เพลส ย่านอโศกเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายไปเกินครึ่งอาคาร เนื่องจากอาคารดังกล่าว ไม่มีระบบสปริงเกอร์ อีกทั้งยังมี 30 บริษัท ซึ่งส่วนมาทำงานเอกสาร มีกระดาษ และอุปกรณ์ที่เป็นเชื้อเพลงอย่างดี ทำให้ไฟลุกไหม้ และลามอย่างรวดเร็ว ล่าสุด วานนี้ (4 มีนาคม) ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ต้องคอยจัดชุดเฝ้าระวังในจุดเกิดเหตุตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเพลิงไม้ซ้ำอีก เนื่องจากยังคงมีความร้อนระอุขึ้นอีกในบริเวณชั้น 9 และชั้น 11
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าของวานนี้ ทางเจ้าหน้าที่ สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักการโยธา กทม. ที่ดูแลรับผิดชอบอาคารสูงเกิน 5 ชั้น เข้ามาตรวจสอบความเสียหายของอาคารที่เกิดเหตอย่างละเอียดว่า โครงสร้างอาคารได้รับความเสียหายมากน้อยหรือไม่ และสามารถใช้งานต่อได้ หรือต้องทุบทิ้ง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้กองพิสูนจ์หลักฐานเข้าตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากนั้น ก็จะเรียกเจ้าของอาคาร รวมไปถึงเจ้าของบริษัทกว่า 30 บริษัท มาสอบปากคำ โดยได้รายงานว่า มีอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทใดบ้าง และจัดเก็บอย่างไร มีทรัพย์สินอะไรเสียหายบ้าง
ต่อมา นายสัจจะ คนตรง ผอ.เขตวัฒนา ได้นำประกาศสำนักงานเขตวัฒนา จำนวน 2 ฉบับ มาติดไว้โดบรอบอาคาร โดยฉบับแรกเป็นเรื่องอาคารอันอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีใจความระบุว่า "แจ้งความ มายังบริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 18/8 ถนนอโศกมนตรี (สุขุมวิท 21) แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เนื่องจากได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ อาคารตึก 12 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1ชั้น เพื่อใช้เป็นสำนักงาน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555 สำนักงานเขตวัฒนา จึงแจ้งมายังท่านในฐานะผู้ครอบครองอาคาร ห้ามเข้า ห้ามใช้อาคารทั้งหลัง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับการตรวจสอบอาคาร ด้านความปลอดภัยจากวิศวกรโยธา ผู้เชี่ยวชาญหรือสถาบันที่เชื่อถือได้"
ส่วนอีกฉบับเป็นประกาศการห้ามใช้อาคาร มีใจความระบุว่า "ฝ่าฝืนมีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและปรับวันละสามหมื่นบาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน"
นอกจากนี้ นายสัจจะ ยังกล่าวว่า ได้นำคำสั่งห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร มาติดไว้โดยรอบอาคาร โดยได้ออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารห้ามบุคคลภายนอกเข้าออกอาคารอย่างเด็ดขาด เนื่องจากต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโดยละเอียดเสียก่อน อย่างไรก็ตาม อาคารแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 โดยใช้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฉบับเดิม ซึ่งแตกต่างกับอาคารใหม่ที่ใช้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารปี 2535 ซึ่งมีความครอบคลุมและทันสมัยกว่า
ขณะเดียวกัน นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รอง ผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วยนายพินิต เลิศอุดมธนา ผอ.กองควบคุมอาคาร สำนักงานโยธา กทม. ร.ต.อ.ธนาณุวัฒน์ สิทธิไชย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ทองหล่อ เจ้าของคดี นำเจ้าหน้าที่สำนักงานการโยธา กทม. เดินทางเข้าตรวจสอบความเสียหายภายในอาคาร โดยนายธีระชน เปิดเผยหลังจากตรวจสอบอาคารว่า ในเบื้องต้นตัวโครงสร้างของอาคารไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ยังไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากมีน้ำจากการดับเพลิงเจิ่งนองอยู่ทั่วพื้นอาคาร และมีเขม่าควันเปื้อนตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นบนสุด ส่วนบริเวณชั้น 7 ที่เป็นต้นเพลิงนั้น ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก พบเพียงแต่เขม่าควันที่ไหม้โต๊ะทำงาน ทั้งนี้ จากการสันนิษฐาน คาดว่า ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 7 และลุกลามไปยังชั้น 8 ถึง ชั้น 11 อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีฟิล์มติดกระจกที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
นายธีระชน ยังกล่าวอีกว่า สำหรับอาคาฟิโก้นั้น ขออนุญาติสร้างตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งขณะนั้นยังใช้ พ.ร.บ.ควบคมอาคารฉบับเก่าอยู่ อย่างไรก็ตาม ในเบื้่องต้น ตนได้ประสานงานไปยังเจ้าของอาคารเก่า 4 ชั้นขึ้นไปในพื้นที่ ที่สร้างก่อนปี 2535 ให้มีการติดตั้งสปริงเกอร์ ซึ่งถ้าหากเจ้าของรายใดมีประสงค์จะติดตั้ง ทาง กทม. จะเร่งประสานงาน และอำนวยความสะดวกให้ในทันที และหลังจากนี้จะสำรวจอาคารเก่าที่ก่อสร้างก่อนปี 2535 ว่ามีทั้งหมดกี่อาคาร และแต่ละอาคารมีการติดตั้งสปริงเกอร์หรือไม่ ก่อนที่จะพิจารณาเสนอให้ทางสภากรุงเทพมหานครร่างกฎหมายให้อาคารทั้งหมดดำเนินการตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารปี 2535 ทุกอาคาร เนื่องจากมีความปลอดภัย สูงกว่า พ.ร.บ.อาคารฉบับเก่า
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

[4 มีนาคม] กทม.สั่งห้ามใช้อาคารฟิโก้ เพลส ชั่วคราว




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์ , ครอบครัวข่าว 3
กทม.สั่งระงับการใช้งานอาคารฟิโก้ชั่วคราว หลังเสียหายเกินครึ่ง คาดไม่ต้องทุบตึกทิ้งแต่ต้องปรับปรุง ขณะที่ ผกก.ทองหล่อ เผย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องฉีดน้ำเลี้ยงอยู่ หวั่นเชื้อไฟปะทุขึ้นมาได้
จากเหตุเพลิงไหม้อาคารฟิโก้ บนถนนอโศก เมื่อวานนี้ (3 มีนาคม) นั้น ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดพื้นที่ เพื่อทำการตรวจสอบโครงสร้างของอาคาร เนื่องจากหวั่นเกรงว่าตึกอาจจะถล่มลงมา หลังได้รับความร้อนสูงเป็นเวลานาน
โดยวันนี้ (4 มีนาคม) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เบื้องต้น ได้มีการสั่งระงับการใช้อาคารดังกล่าวชั่วคราวแล้ว เนื่องจากโครงสร้างอาคารนั้นได้ถูกเพลิงไหม้ และได้รับความเสียหายไปเกินกว่าครึ่ง ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สำนักการโยธาเข้ามาดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน โดยส่วนตัวคาดว่าไม่น่าจะต้องทุบอาคารดังกล่าวทิ้ง หากโครงสร้างไม่มีการพังถล่มลงมา แต่ขณะเดียวกัน การปรับปรุงอาคารดังกล่าวนั้น จะต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2535 โดยจะต้องมีการติดตั้งระบบสปริงเกอร์
ส่วนกรณีมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยดำเนินการดับเพลิงล่าช้านั้น รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า การดำเนินการไม่ได้ล่าช้า แต่เนื่องจากเมื่อวานเป็นวันหยุด ออฟฟิศต่าง ๆ ปิดทำการ และอาคารดังกล่าวนั้นเข้า-ออก ด้วยระบบคีย์การ์ด จึงทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ช้าต้องทุบกระจกอาคาร เพื่อเข้าไปด้านใน แต่ทั้งนี้ เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่อย่างใด มีเพียงเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานเท่านั้นที่ถูกสะเก็ดกระจกอาคารบาด ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ด้านนายวินัย ลิ่มสกุล ผอ.สำนักการโยธา กทม. ได้สั่งให้เจ้าของอาคารสูงทั่วกรุงเทพมหานครตรวจสอบระบบป้องกันอัคคีภัย และสปริงเกอร์ภายในอาคารว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ เพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน ก็เตือนเจ้าของป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ให้ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง เพราะหวั่นเกรงว่าอาจจะถล่มลงมาได้
ขณะที่ พันตำรวจเอก รัฐศักดิ์ รักสลาม ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เปิดเผยว่า กรณีเพลิงไหม้ อาคารฟิโก้ ย่านอโศก เมื่อวานนี้นั้น ทราบมาว่า อาคารดังกล่าวเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า สูง 13 ชั้น สภาพความเสียหาย มีร่องรอยของเพลิงไหม้ ซึ่งสร้างความเสียหายตั้งแต่บริเวณชั้น 7 - 13 ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจชุดผจญเพลิงจำนวนหนึ่งได้เข้าไปในพื้นที่ ชั้น 9 และ 11 เพื่อฉีดน้ำเลี้ยงไว้ ป้องกันการปะทุอีกครั้ง เนื่องจากในพื้นที่ยังคงมีกระดาษและอุปกรณ์สำนักงาน ที่อาจจะเป็นเชื้อเพลิงได้
ทั้งนี้ ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุของไฟไหม้ในครั้งนี้ อาจจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือเกิดจากตัวบุคคลมากกว่าจะเกิดจากเหตุการณ์ไม่สงบอย่างอื่น อย่างไรก็ตามต้องรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและการสอบสวนพนักงานบริษัทที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป
สำหรับบริเวณที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงยังคงเปิดการจราจรตามปกติ และยังไม่มีการประกาศปิดการใช้งานตึกดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากต้องรอการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานและกรมโยธาก่อน จึงจะสามารถระบุความเสียหายและสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
[3 มีนาคม] ไฟไหม้อาคารฟิโก้ เพลิงลามจากชั้น 7 ถึงชั้น 13

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงไหม้ตึกฟิโก้ได้แล้ว รองผู้ว่าฯกทม เผย ฟิโก้ เป็นอาคารเก่าไม่มีระบบสปริงเกอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.40 น. วันนี้ (3 มีนาคม) ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารสำนักงานฟิโก้ เพลส อาคารสำนักงานให้เช่า สูง 13 ชั้น เลขที่ 18/8 ซึ่งตั้งอยู่เยื้องกับสยามสมาคม ภายในซอยสุขุมวิท 21 ถนนอโศก โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเปลวไฟและกลุ่มควันออกมาจากบริเวณชั้น 7
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเขตบางกะปิ พญาไท คลองเตย และใกล้เคียง ได้เข้าไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงแล้ว แต่ยังไม่สามารถสกัดเพลิงไว้ได้ เนื่องจากอาคารมีความสูง ยากต่อการใช้หัวน้ำฉีด ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างยากลำบาก โดยขณะนี้ไฟได้ลุกลามขึ้นไปยังชั้น 8 และชั้น 9 แล้ว และมีเศษกระจกที่ถูกความร้อนปะทุแตกกระเด็นออกมาจากตัวอาคาร เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชนภายในอาคารออกมาด้านนอกอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม จากเหตุไฟไหม้ดังกล่าว ส่งผลให้การจราจรในพื้นที่ และบริเวณโดยรอบติดขัดเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้ ได้มีการปิดการจราจรถนนอโศก จากสุขุมวิท-เพชรบุรี ทั้ง 2 ฝั่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเร่งสกัดเพลิงในจุดที่เกิดเหตุอย่างเต็มที่ ส่วนความเสียหายและผู้บาดเจ็บติดภายในนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ในเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพลิงจึงลุกลามขึ้นไปถึงชั้นที่ 12 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด อย่างไรก็ตามอาคารดังกล่าวเป็นอาคารเปิดให้เช่าเป็นสำนักงาน จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีผู้ติดค้างอยู่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ผอ.เขตวัฒนา บอกว่า สามารถคุมเพลิงอาคารฟิโก้ได้แล้ว โดยจากนี้ไป ทางเขตจะออกคำสั่งห้ามเข้า-ออกอาคาร และให้รอการพิสูจน์ จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยบอกว่า กระจกรอบตึกฟิโก้ทยอยร่วง เนื่องจากมีลมแรง หวั่นกระจกปลิว จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่โปรดระมัดระวังด้วย
ทั้งนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้อาคารฟิโก้ไว้ได้ พญ.มาลินี สุขเวชวรกิจ พร้อมด้วยนายธีรชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่สำนักการโยธา ได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยพญ.มาลินีกล่าวว่า หลังจากนี้จะสั่งการให้สำนักโยธาและสำนักงานเขตต่าง ๆ ตระเวนตรวจสอบระบบป้องกันอัคคีภัยของอาคารที่ขออนุญาตก่อสร้างก่อนปี 2535
ในขณะที่นายธีรชน กล่าวว่า อาคารฟิโก้ ขออนุญาตก่อสร้างในปี 2522 ซึ่งขณะนั้นกฎหมายไม่ได้กำหนดให้มีสปริงเกอร์เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกัน อัคคีภัย ดังนั้นการที่อาคารฟิโก้ไม่มีระบบสปริงเกอร์จึงไม่ผิดข้อบังคับของกทม แต่หลังจากนี้ กทม.จะให้คำแนะนำพร้อมร้องขอให้เจ้าของอาคารที่ขออนุญาติก่อสร้างก่อนปี 2535 ต่อเติมอาคารให้มีระบบสปริงเกอร์ โดยกทม.จะอำนวยความสะดวกด้วยการออกใบอนุญาตให้โดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวอาคารและผู้พักอาศัยเอง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







