แต่ในปัจจุบันการขยายตัวของประชากรโลกอย่างรวดเร็วเป็นแรงผลักดันให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าไม้ เพื่อบุกเบิกพื้นที่ทำกินและลักลอบตัดไม้ทำลายป่ามากมาย ทำให้ป่าไม้ลดลงอย่างน่าใจหาย ส่งผลให้ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในแต่ละปีทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ความสำคัญของวันป่าไม้
สำหรับในประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การกำกับดูแลของ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติในขณะนั้น ขอน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 เกี่ยวกับการปลูกป่าเพื่อการรักษาต้นน้ำ การปลูกต้นไม้ผสมผสานระหว่างไม้โตเร็วและไม้โตช้า เพื่อช่วยในการรักษาสมดุลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพิ่มโทษผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการบุกรุกทำลายป่า นอกจากนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กรมป่าไม้ได้จัดทำบานประตูที่ทำมาจากไม้ของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดิน มอบให้กับผู้พิการและประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 7,666 บาน อีกด้วย
ทั้งนี้ กรมป่าไม้ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการบริหารจัดการป่าไม้ด้วยการสร้างแนวร่วมในการแก้ปัญหาและพัฒนาป่าไม้ โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ร่วมคิด ร่วมหาข้อมูล ร่วมวางแผน ร่วมติดตามผล ร่วมกันบำรุงรักษา และร่วมกันรับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งให้ความสำคัญต่อบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน รวมทั้งภาคส่วนต่าง ๆ จึงได้จัดกิจกรรมในงานวันสำคัญต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความสนใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี
ขณะที่ นายบรรพต คันธเสน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนั้น กล่าวถึงการจัดกิจกรรมวันป่าไม้โลก จังหวัดเชียงใหม่ ว่าในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องในวันป่าไม้โลก ทางเราไม่มีการจัดกิจกรรมอะไรมาก จะมีเพียงการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ความรู้ แจกจ่ายกล้าไม้ชนิดต่าง ๆ และสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงความสำคัญของป่าไม้ และเล็งเห็นถึงคุณค่า ประโยชน์ของทรัพยากรป่าไม้ที่มีอยู่จำกัด
ชนิดของป่าไม้
1. ป่าศูนย์สูตร (Equatorial Rainforest)
เป็นป่าที่มีต้นไม้สูงขึ้นเบียดกันหนาแน่น
แสงแดดไม่สามารถส่องลงมาถึงพื้นดินได้ เป็นป่าไม้ที่มีใบกว้างไม่ผลัดใบ
และจะพบไม้เลื้อย หรือไม้เถา พันหรือเกาะตามกิ่งก้านของต้นไม้เต็มไปหมด
2. ป่าร้อนชื้น (Tropical Rain Forest)
มีลักษณะคล้ายป่าศูนย์สูตร จะปรากฏอยู่ด้านหน้าของภูเขา ซึ่งตั้งรับลมประจำที่พัดจากทะเลเข้าสู่ฝั่ง จึงทำให้สภาพเป็นป่าดงดิบ
ซึ่งมีต้นไม้น้อยกว่าป่าศูนย์สูตร
3. ป่ามรสุม (Monsoon Forest)
เป็นป่าไม้ที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ห่าง ๆ บริเวณพื้นดินจะมีไม้เล็ก ๆ ขึ้น
แสงแดดสามารถส่องผ่านทะลุไปถึงพื้นดินได้ ซึ่งมักจะเป็นไม้ที่ผลัดใบ
4. ป่าไม้อบอุ่นไม่ผลัดใบ (Temperate Rainforest)
เป็นป่าไม้ในเขตอบอุ่นที่มีใบเขียวตลอดปี มีพรรณไม้น้อยชนิด
แต่ละชนิดจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ขนาดและความสูงของต้นไม้เท่ากับป่าศูนย์สูตร
5. ป่าไม้อบอุ่นผลัดใบ (Temperate Deciduous Forest)
เป็นป่าไม้ที่มีใบเขียวชอุ่มในฤดูร้อน แต่จะผลัดใบในฤดูหนาว ต้นไม้มีลำต้นสูงและมีใบขนาดใหญ่
6. ป่าสน (Needle Leaf Forest)
เป็นป่าที่มีต้นไม้ลักษณะลำต้นตรง กิ่งสั้น ใบเล็กกลมคล้ายเข็มเย็บผ้า
มีต้นไม้ขึ้นเบียดเสียดกันหนาแน่น และมีใบเขียวชอุ่มตลอดปี
บริเวณพื้นดินแทบจะไม่มีต้นไม้เตี้ย ๆ
ซึ่งต้นไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้ตระกูลสนทั้งสิ้น
7. ป่าไม้เนื้อแข็งไม่ผลัดใบ (Evergreen Hardwood Forest)
จะมีเป็นต้นไม้เตี้ย
ๆ ลำต้นขนาดเล็ก ใบแข็ง และต้นมีกิ่งตั้งแต่ใกล้พื้นดินจนถึงยอด
ลักษณะคล้ายกับป่าไม้ผสมกับป่าละเมาะ (Scrub Forest)
8. ป่าสะวันนา (Savanna Woodland)
จะเป็นป่าไม้ที่มีไม้ขึ้นอยู่ห่าง ๆ บริเวณช่องว่างระหว่างต้นไม้ใหญ่ ๆ
จะมีไม้พุ่มขึ้นอย่างหนาแน่น มีสภาพอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง
จึงทำให้ต้นไม้ขึ้นไม่หนาแน่น
9. ป่าหนามและป่าพุ่มเขตร้อน (Thornbush and Tropical Scrubs)
เป็นป่าที่มีต้นไม้ที่ทนต่อความแห้งแล้งและไม้พุ่ม
ซึ่งพืชเหล่านี้สามารถทนต่อสภาพความแห้งแล้งที่ยาวนานและมีฤดูฝนสั้น ๆ ได้ดี
ส่วนป่าหนามนั้นจะเป็นไม้พุ่มที่มีหนาม และจะผลัดใบในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ
10. ป่ากึ่งทะเลทราย (Semi-desert Woodland)
เป็นพืชพรรณที่ทนต่อความแห้งแล้ง ส่วนมากเป็นพวกไม้พุ่ม ตามพื้นดินของป่าชนิดนี้จะมีวัชพืชหรือพืชต้นเล็ก ๆ ขึ้นอยู่น้อยมาก
11. พืชพรรณในทะเลทราย (Desert Vegetation)
มักจะพบพืชที่มีใบเล็ก ๆ พืชที่มีหนาม ซึ่งเป็นพืชที่มีลำต้น
สามารถเก็บน้ำไว้ใช้ได้ เช่น กระบองเพชร รวมทั้งมีพวกหญ้าแข็ง ๆ
ขึ้นปะปนอยู่เป็นหย่อม ๆ
12. ป่าในเขตอากาศหนาว (Cold Woodland)
เป็นพืชพรรณที่พบได้ในอากาศแถบขั้วโลกหรือเขตอากาศแบบทุนดรา
ต้นไม้ที่ขึ้นมีขนาดเล็กมาก ต้นเตี้ยขึ้นอยู่ห่าง ๆ
ส่วนใหญ่จะเป็นพวกไม้พุ่มเตี้ย ๆ พื้นดินเบื้องล่างปกคลุมด้วยมอสส์
อย่างไรก็ดี ป่าไม้ของแต่ละพื้นที่ทั่วโลกมีความแตกต่างกันสูง จึงทำให้มีการอนุรักษ์ที่แตกต่างกันไป ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ทั่วโลกยังคงเหลืออยู่ประมาณร้อยละ 30 ของพื้นที่โลกทั้งหมดที่เป็นพื้นดิน และมีแนวโน้มว่าจะลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้นเราจะต้องช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้ และสอดส่องดูแลไม่ให้ต้นไม้ถูกตัดโค่นทำลายมากกว่านี้ เพื่อให้มีทรัพยากรป่าไม้อยู่คู่กับโลกตราบชั่วลูกชั่วหลาน
ขอบคุณข้อมูลจาก : thaigoodview.com, un.org
อย่างไรก็ดี ป่าไม้ของแต่ละพื้นที่ทั่วโลกมีความแตกต่างกันสูง จึงทำให้มีการอนุรักษ์ที่แตกต่างกันไป ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ทั่วโลกยังคงเหลืออยู่ประมาณร้อยละ 30 ของพื้นที่โลกทั้งหมดที่เป็นพื้นดิน และมีแนวโน้มว่าจะลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้นเราจะต้องช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้ และสอดส่องดูแลไม่ให้ต้นไม้ถูกตัดโค่นทำลายมากกว่านี้ เพื่อให้มีทรัพยากรป่าไม้อยู่คู่กับโลกตราบชั่วลูกชั่วหลาน
ขอบคุณข้อมูลจาก : thaigoodview.com, un.org