ค้นรอบสองเรือนจำนครศรีฯ ยังมีสิ่งผิดกฎหมาย


ค้นรอบสองเรือนจำนครศรีฯ ยังมีสิ่งผิดกฎหมาย

ค้นรอบสองเรือนจำนครศรีฯ ยังมีสิ่งผิดกฎหมาย

          หลังจากที่เพิ่งถูกบุกค้นเรือนจำนครศรีธรรมราช พบสิ่งผิดกฎหมายหลายชนิด ล่าสุดเจ้าหน้าที่บุกค้นซ้ำอีกรอบ กลับยังพบอยู่เหมือนเดิม ด้านผูคุมเรือนจำ โอดคุมนักโทษมีความเสี่ยงสูง

          หลังจากที่เจ้าหน้าที่ประมาณ 600 นาย เคยบุกเข้าตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช แบบจู่โจมโดยไม่บอกกล่าวเจ้าหน้าที่เรือนจำ และนักโทษล่วงหน้ามาแล้วในวันที่ 22 เมษายน และพบสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมาก ทั้งยาบ้า ยาไอซ์ อุปกรณ์เสพยา โทรศัพท์มือถือ และแท็บเลต รวมกว่า 300 เครื่อง ตามที่ได้เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

          วานนี้ (23 เมษายน) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.นครศรีธรรมราช และชุดปฏิบัติการพิเศษกรมราชฑัณฑ์ หรือหน่วยคอมมานโด รวม 200 นาย นำกำลังเข้าตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซ้ำอีกครั้ง โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมเข้าไปตรวจสารเสพติดด้วย

ค้นรอบสองเรือนจำนครศรีฯ ยังมีสิ่งผิดกฎหมาย

          จากปฏิบัติการตรวจค้นซ้ำในครั้งนี้ ปรากฎว่าเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังคงมีสิ่งผิดกฎหมายประเภทต่าง ๆ อยู่อีกจำนวนมาก ในการตรวจค้นที่แดน 6/1 และแดน 6/2 ซึ่งประกอบไปด้วยนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษสูง ประมาณ 1,200 คน โดยขั้นตอนการตรวจค้นมีการให้เรียงแถวเพื่อตรวจหาสารเสพติด และเข้าค้นในเรือนจำอย่างละเอียด พบนักโทษที่มีสารเสพติดและปัสสาวะสีม่วงจำนวนนับร้อยคน และพบโทรศัพท์มือถือจากนักโทษแดน 6/1 จำนวน 4 เครื่อง จากแดน 6/2 จำนวน 12 เครื่อง ซึ่งนักโทษมีการโห่ไล่เจ้าหน้าที่เมื่อเสร็จการตรวจค้นที่แดน 6 แล้วด้วย

          จากนั้นเข้าตรวจค้นเพิ่มเติมใน แดน 5 พบยาบ้าใส่ไว้ในตลับพระเครื่อง 1 ตลับ ยาไอซ์หนัก 100 กรัม ฝิ่นดิบ 1 ก้อน ขนาดประมาณไข่ไก่ โทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ด เงินสด และหนังสือลามกอนาจาร รวมถึงอาวุธดัดแปลงต่าง ๆ

ค้นรอบสองเรือนจำนครศรีฯ ยังมีสิ่งผิดกฎหมาย

          ทั้งนี้ มีการตรวจค้นล็อกเกอร์ของ นักโทษชาย ตวงธิปัตย์ อายุ 30 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ เนย์ หัวถนน นักโทษชั้นเยี่ยมที่กำลังรออภัยโทษในรอบต่อไป จากโทษจำคุก 18 ปี แต่ปรากฎว่าในล็อกเกอร์มีการดัดแปลงเพื่อซุกซ่อนสิ่งของต้องห้ามอย่าง โทรศัพท์มือถือซัมซุงกาแล็คซี่ กับโทรศัพท์รุ่นอื่นรวม 10 เครื่อง ซิมการ์ด 31 ซิม เงินสด 5,500 บาท และหนังสือปลุกใจเสือป่าอีกจำนวนหนึ่ง

          นักโทษชาย ตวงธิปัตย์ ให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งก่อเหตุชิงทรัพย์หลายคดี ทำให้โดนตัดสินโทษจำคุก 18 ปี และต้องโทษมาแล้ว 8 ปี โดยได้ลงเรียนคณะรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จนจบปริญญาตรี และเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรไปแล้วเมื่อ ปี 2551 จากนั้นตนก็เริ่มตั้งตัวเป็นขาใหญ่ในเรือนจำ โดยเป็นเอเย่นต์จำหน่ายสิ่งของผิดกฎหมายต่าง ๆ ทั้งยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และหนังสือลามกอนาจาร

          นักโทษชาย ตวงธิปัตย์ ยอมรับด้วยว่า ตนมีรายได้ดีจากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในเรือนจำ และเคยขายยาบ้าให้กับลูกค้านอกเรือนจำได้เงินถึง 3 ล้านบาท และเมื่อตนเองมีรายได้จำนวนมากเจ้าหน้าที่ก็เปิดไฟเขียวให้ อีกทั้งตนเองยังได้แฟนใหม่เป็นนักโทษหญิงในเรือนจำเดียวกันอีกด้วย

          ด้านเจ้าหน้าที่ผู้คุมในเรือนจำคนหนึ่ง ได้ตัดพ้อกับสื่อว่า การเป็นผู้คุมนักโทษต้องอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงสูง จำนวนนักโทษนับพันคนต่อผู้คุม 5-6 คน เป็นเรื่องที่อันตราย อีกทั้งนักโทษเหล่านี้ล้วนรู้ข้อมูลรายละเอียดของผู้คุมเป็นอย่างดี ว่าบ้านอยู่ไหน ครอบครัวคือใคร อีกทั้งนักโทษยังมีเครือข่ายอยู่นอกเรือนจำที่สามารถทำร้ายครอบครัวของผู้คุมได้ทุกเวลา ทำให้ผู้คุมเรือนจำ จำเป็นต้องห่วงชีวิตของตนและครอบครัวด้วย

          อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค้นในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สรุปผลการตรวจค้นว่า พบยาบ้าในตลับพระเครื่อง 1 ตลับ ยาไอซ์ 100 กรัม ฝิ่นดิบ 1 ก้อน โทรศัพท์มือถือ 52 เครื่อง ซิมการ์ดกว่า 100 ซิม เงินสด 5,500 บาท อาวุธมีดปลายแหลม และหนังสือลามกอนาจารจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีนักโทษที่มีปัสสาวะสีม่วงจำนวน 655 คน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





[23 เมษายน] จู่โจมค้นเรือนจำนครศรีฯ พบมือถือ-ยาบ้า-ยาไอซ์ เพียบ





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

             หน่วยจู่โจมกว่า 600 นาย บุกค้นเรือนจำนครศรีธรรมราช พบของกลางจำนวนมาก มีทั้งไอโฟน แท็บเล็ต และยาเสพติด เด้งทันที ผบ.เรือนจำ ด้านกรมราชทัณฑ์ เตรียมติดตั้งเทคโนโลยีตัดสัญญาณแบบใหม่สามารถดักฟังโทรศัพท์นักโทษได้

             เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช, พล.ต.ต.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.8, นายชลัยสิน โพธิเจริญ ผอ.ปปส.ภ.8 และพล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 600 นาย สนธิกำลังเพิ่มเติมกับสารวัตรทหารจาก มทบ.41 เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนจาก กก.ตชด.42 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำไม่รู้ตัวมาก่อน

             ปฏิบัติการครั้งนี้ เริ่มขึ้นโดยรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นำกำลังคอมมานโดกว่า 30 นาย บุกเข้ายึดเรือนจำโดย ปลดเครื่องมือสื่อสารของเจ้าหน้าที่ จากนั้นเริ่มให้กำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโดที่เหลือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกกว่า 500 นาย เข้าบุกค้นในเรือนจำ โดยสามารถยึดสิ่งของต้องห้ามหลายรายการ อาทิ อาวุธ ของมีคม ยาบ้า ยาไอซ์ อุปกรณ์เสพยา และโทรศัพท์มือถือ ประมาณ 300 เครื่อง โดยในจำนวนนี้มีแท็บเล็ตยี่ห้อต่าง ๆ และไอโฟนนับสิบเครื่อง ซึ่งต้องใช้รถเข็นถึง 5 คัน เพื่อขนของกลางทั้งหมด

             นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ได้ประสานข้อมูลกับ ผบก.นครศรีธรรมราช มาระยะหนึ่งแล้ว โดยจะนำเสนอไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้รูปแบบการปฏิบัติหน้าที่แบบเรียกว่า "นครศรีธรรมราชโมเดล" เป็นต้นแบบในการปราบปรามของต้องห้ามในเรือนจำทั่วประเทศ และมีการสั่งย้าย ผู้บัญชาการเรือนจำนครศรีธรรมราช โดยมอบหมายให้ นายสุรพล แก้วภราดัย มาดำรงตำแหน่งแทน

             ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำข้อมูลมาหลายเดือนติดต่อกันแล้วก่อนที่จะเข้าค้นวันนี้ เบื้องต้นทราบมาว่า เจ้าหน้าที่ได้รับสินบนจากการนำสิ่งของเข้ามาให้นักโทษ เช่น โทรศัพท์ได้สินบนเครื่องละ 30,000 บาท และมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพัวพันอย่างน้อยกว่า 10 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังทำการออกหมายจับ

             นอกจากนี้  พ.ต.อ.สุชาติ  วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้กล่าวถึงการโยกย้ายและสับเปลี่ยนผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า เป็นเพียงการโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งตามวาระประจำปี  ไม่ได้เกี่ยวกับกรณีการบุกค้นเรือนจำในครั้งนี้แต่อย่างใด ซึ่งจากนี้ไปกรมราชทัณฑ์จะปรับการทำงานใหม่ โดยกำลังศึกษาเครื่องมือที่สามารถตัดสัญญาณโทรศัพท์ และดักฟัง หรือเก็บข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์ได้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดวงจรการค้ายาในเรือนจำ ทั้งนี้ ยืนยันว่ามาตรการติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณที่มีประสิทธิภาพในการดักฟังนั้น ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ต้องขัง เพราะผู้ต้องขังเหล่านี้ไม่ได้รับสิทธิให้ใช้โทรศัพท์มือถือในเรือนจำอยู่แล้ว


 

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






         


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ค้นรอบสองเรือนจำนครศรีฯ ยังมีสิ่งผิดกฎหมาย โพสต์เมื่อ 23 เมษายน 2555 เวลา 08:52:16 3,286 อ่าน
TOP
x close