
อัครพล ทองธราดล VS อภิยา ฉายจันทร์ทิพย์ นักข่าวไทยพีบีเอส

ภาพ อ๊อฟ อัครพล ไทยพีบีเอส ดั้งหัก-ใส่เฝือก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก supanai tongtharadol
ญาติ อ๊อฟ อัครพล ทองธราดล ผู้ประกาศข่าวช่องไทยพีบีเอส เล็งเอาเรื่องคู่กรณี ด้านสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทย พร้อมเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยดีกว่าหาตัวคนถูก-ผิด
หลังจากเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันหน้าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ระหว่าง กิ๊บ อภิยา ฉายจันทร์ทิพย์ และ อ๊อฟ อัครพล ทองธราดล ซึ่งทั้งสองเป็นผู้ประกาศข่าวสถานีไทยพีบีเอส โดย อ๊อฟ อัครพล ทองธราดล ถูก อภิยา ฉายจันทร์ทิพย์ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บดั้งหัก มีบาดแผล 16 แผล ต้องเย็บ 38 เข็ม และกำลังนอนพักฟื้นรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนั้น
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ นายกสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้เสนอทางออกในเรื่องดังกล่าวไว้ 2 กรณีว่า ควรจะให้ผู้ใหญ่หรือบุคคลที่ทั้งคู่เคารพนับถือเป็นตัวกลางเข้าไปเจรจาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งคู่ยุติปัญหาลงได้ โดยไม่ต้องถามหาว่าใครเป็นฝ่ายถูกและใครเป็นฝ่ายผิด ทั้งนี้สมาคมก็ยินดีให้ความช่วยเหลือในการเจรจาหากมีการประสานงานมา โดยเชื่อว่าการทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบมากกว่า
นอกจากนี้ นายกสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายฯ ยังกล่าวต่อด้วยว่า ทางสมาคมได้รับร้องเรียนในเรื่องปัญหาทำนองนี้ไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 50 ซึ่งปัญหาชู้สาว หรือปัญหาครอบครัว ถือเป็นปัญหาโลกแตก วิธีการไกล่เกลี่ยจึงเป็นขั้นตอนที่ดีที่สุด เพื่อให้เรื่องยุติก่อนจะนำคดีขึ้นไปสู่ศาลเพราะไม่มีประโยชน์อะไร สุดท้ายก็ต้องมาเจรจากันอยู่ดี
ขณะที่ นางสุทธินี เมธีประภา อดีตนายกสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก็ให้ความเห็นถึงการทะเลาะวิวาทดังกล่าวว่า จากการพิจารณาในข่าวคาดว่าเป็นการทะเลาะวิวาทที่ ต่างคนต่างทำผิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นทำผิด จึงไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหาย และจะมาเรียกร้องค่าเสียหายไม่ได้ ส่วนการทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสแม้จะไม่มีการแจ้งความแต่ก็ถือเป็นความผิดทางอาญา รวมถึงทั้งคู่เป็นบุคคลสาธารณะซึ่งจะเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่เยาวชน หากอัยการสั่งฟ้องก็อาจมีโทษถึงจำคุกได้ ทั้งนี้เมื่อทั้งคู่ไม่เคยทำผิดมาก่อนก็อาจเหลือเพียงแค่รอลงอาญาเท่านั้น
ส่วน นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ตนได้ส่งข้อเสนอแนะไปยังหัวหน้างานของทั้งคู่ในสถานีไทยพีบีเอส เพื่อมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเพื่อให้หาคนมาเจรจาไกล่เกลี่ย โดยต้องดำเนินการในการฟื้นฟูเยียวยาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก โดยหากเรื่องดังกล่าวเกิดเป็นคดีความ ทางมูลนิธิก็จะมีการดำเนินการ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวด้วย
อย่างไรก็ตามญาติของนายอัครพล ก็ยังคงปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มีการรายงานว่าทางญาติกำลังรวบรวมหลักฐานรวมทั้งติดต่อทนายความเพื่อดำเนินการต่อไป ขณะที่ป้าของนายอัครพล ก็ปฏิเสธไม่มีความเห็นในกรณีดังกล่าวเช่นกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






