
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนอวดผี โพสต์โดย คุณ dm_4feb78bb18cf8 สมาชิกเว็บไซต์ dailymotion
ข่าวคราวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ที่รายงานเรื่องราวของ นายธนากร ช้างกลาง หรือ อะซัน น้องชายของนักแสดงตลกชื่อดัง โชเล่ย์ ดอกกระโดน ที่ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมด้วยการใช้มีดสปาร์ต้ากระหน่ำฟันและแทงไม่ยั้งจนเสียชีวิต คือข่าวที่หลายคนให้ความสนใจ แม้ฆาตกรจะถูกจับกุมได้แล้ว แต่ทว่าเรื่องราวยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น เมื่อวิญญานของนายธนากรยังคงวนเวียนอยู่ไม่หายไปไหน และสร้างความน่าสะพรึงให้กับพี่ชาย รวมถึงญาติ ๆ ของเขาอยู่เป็นประจำ รายการคนอวดผี (11 กรกฎาคม) จึงต้องขอท้าพิสูจน์เหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยการพูดคุยกับ โชเล่ย์ ดอกกระโดน ที่จะมาเล่าเรื่องชวนขนหัวลุกให้ได้ฟังกัน ..
นายธนากร ช้างกลาง หรือ อะซัน น้องชายโชเล่ย์ ดอกกระโดน ถูกฆาตกรรมอย่างน่าสลดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จับกุมตัวฆาตกรได้แล้ว 1 คน ยังเหลือรอดอยู่อีก 1 คน แม้เหตุการณ์จะล่วงเลยมาแล้วประมาณ 4 เดือน แต่วิญญาณของอะซัน ก็ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน นายนิรัญ ช้างกลาง หรือ โชเล่ย์ ดอกกระโดน จึงเป็นฝ่ายติดต่อเพื่อจะมาเปิดเผยเรื่องราวความเฮี้ยนของวิญญาณน้องชายในรายการคนอวดผี ซึ่งก่อนมาออกรายการนั้น โชเล่ย์ตั้งใจจะโทรบอกญาติ ๆ ให้รับทราบ แต่เสียงที่รับโทรศัพท์กลับกลายเป็นเสียงคุ้นหูของผู้ชายคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยด้วยเป็นอย่างดี เพราะนั่นคือ เสียงของน้องชายของเขานั่นเอง!
เมื่อปรากฎตัวในรายการคนอวดผี โชเล่ย์ก็เริ่มเล่าว่า น้องชายของเขาชื่อเล่นว่า อะซัน เป็นลูกชายคนที่ 7 ของบ้าน ท่ามกลางพี่น้องทั้งหมดจำนวน 14 คน น้องชายโชเล่ย์มีเพื่อนคนหนึ่งที่คบหากันมา 10 กว่าปี ซึ่งป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรง จนคนในครอบครัวเองก็รังเกียจ เมื่อเห็นเพื่อนทุกข์หนักน้องโชเล่ย์ก็รับเอาเพื่อนคนนี้มาอาศัยอยู่ด้วย แต่เพื่อนของเขากลับคอยขอเงินอยู่เป็นประจำ โดยอ้างว่าแม่ป่วย หรือเอาไปลงทุนต่าง ๆ นานา ซึ่งน้องชายอีกคนของโชเล่ย์ก็ไม่ค่อยสบายใจที่มีผู้ป่วยด้วยโรคร้ายมาอาศัยอยู่ด้วย จึงเอ่ยปากขอให้ย้ายออกไป
วันหนึ่งเพื่อนของน้องชายที่ย้ายออกไปแล้ว โทรมาขอร้องให้น้องโชเล่ย์รับเอาพี่ชายของเขามาอยู่ด้วยเนื่องจากไม่มีงานทำ น้องโชเล่ย์ที่เป็นห่วงกลัวเพื่อนที่ป่วยหนักใกล้เสียชีวิตจะกังวลใจ จึงขับรถจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อมารับพี่ชายของเพื่อนถึงในกรุงเทพฯ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตากันมาก่อนให้ไปพักอยู่กับเขา
หลังจากพักอยู่ได้สัก 1 สัปดาห์ พี่ชายของเพื่อนก็เริ่มเอ่ยปากขอยืมเงินจำนวน 200,000 บาท จากน้องโชเล่ย์ เพื่อเอาไปเปิดอู่ซ่อมรถ น้องโชเล่ย์แม้จะอยากช่วยแต่ก็อยากให้ทำสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน แต่พี่ชายของเพื่อนก็ไม่ได้ทำ อีกทั้งยังไปพูดกับน้องสะใภ้ว่า ผมยืมดี ๆ แล้วนะ จากนั้นพอตกดึก น้องชายโชเล่ย์ ก็เสียชีวิตลงด้วยคมมีดที่กระหน่ำทำร้ายเขาจนมันสมองกระจาย
โชเล่ย์ ยอมรับทั้งน้ำตากลางรายการว่า ผมเกลียดเขาครับ ผมไม่อยากพูดถึงเขาเลย ผมเกลียดที่สุด เพราะถึงแม้เขาจะไม่ชอบเพศที่ 3 แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ฆ่าคน โชเล่ย์บอกว่าสภาพศพของน้องชายเขาเละเหมือนหมูข้างเขียง ข้างศีรษะมองเห็นเศษเนื้อและกะโหลกจนทนดูแทบไม่ได้ ซึ่งจากการชันสูตรพลิกศพแล้ว แพทย์บอกว่าเป็นการฆาตกรรมขณะที่น้องชายโชเล่ย์หลับสนิท ด้วยของมีคมที่มีน้ำหนัก เช่น มีดสปาร์ต้า ขวาน หรือเครื่องตัดหญ้า ไม่ใช่เพียงมีดทำครัวธรรมดา
วันหนึ่งท่ามกลางความเสียใจอย่างหนักของพี่ชายที่ต้องสูญเสียน้องอันเป็นที่รัก โชเล่ย์เดินเข้าไปในห้องของน้องชายพร้อมกับนั่งนึกย้อนเหตุการณ์ต่าง ๆ จนสุดท้ายความเสียใจทำให้เขาฟิวส์ขาด โวยวายถึงน้องชายว่า เคยเตือนแล้วไม่ให้ออกจากบ้าน แต่ทำไมน้องชายถึงไม่ฟัง อยากให้น้องชายลองมาเป็นพี่ดูว่าการต้องทนอยู่แบบสูญเสียน้องชายที่รักไปมันเป็นอย่างไร พร้อมทั้งขว้างปาข้าวของกระจัดกระจาย จนน้องสาวต้องเข้ามาห้ามปราม
พอตกดึกในค่ำคืนอันเงียบสงัด เสียงร้องไห้ฮือ ๆ ที่ดังและยาวนาน ก็แว่วมาให้ทุกคนในครอบครัวได้ยิน! แม้ทุกคนต่างรู้ดีว่าเสียงนั้นคือเสียงสะอื้นของน้องชายที่จากไป แต่คนในครอบครัวก็ไม่ได้หวั่นกลัว กลับนั่งร้องไห้ด้วยความสงสารและคิดถึงอะซันจับใจ ..
เพราะสนิทกันมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เวลาจะไปไหนมาไหนโชเล่ย์จึงมักจะเอ่ยปากชวนน้องชายไปด้วยทุกครั้ง และนำเอารูปของน้องชายตั้งไว้บนเบาะข้างคนขับอยู่เสมอ มีอยู่วันหนึ่งที่โชเล่ย์รีบมาก เขาลืมเอ่ยปากชวนน้องชายเหมือนทุกที เมื่อนึกได้เขาจึงจอดรถและเอ่ยชวนให้น้องชายไปด้วยกัน เพียงไม่นานกลิ่นผิดปกติบางอย่างก็ลอยมาเตะจมูกเขา เขาได้แต่พูดคุยกับกลิ่นนั้นราวกับมีชีวิตว่า คราวหลังถ้าจะไปจะมาไม่ต้องพากลิ่นมาด้วย พี่รู้อยู่แล้วว่าซันมา จากนั้นเขาจึงออกรถเพื่อพาวิญญาณน้องชายไปซื้อล็อตเตอรี่ด้วยกัน
โชเล่ย์เลือกซื้อล็อตเตอรี่แต่เลขอายุและเลขทะเบียนรถของน้องชาย เมื่อซื้อเสร็จเขาก็ขับรถออกมา แต่ระหว่างถอยรถ เขากลับได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่า 69 เขาจึงขับรถกลับไปซื้อล็อตเตอรี่ใหม่อีกครั้งด้วยเลข 69 .. เมื่อถึงวันหวยออก เลข 69 ที่โชเล่ย์ซื้อไป คือเลขที่ถูกรางวัล! เขากลับมาขึ้นเงินที่ร้านขายล็อตเตอรี่ร้านเดิม แล้วพบว่าท่าทีของแม่ค้าแปลกไปเมื่อเจอหน้าเขา ในที่สุดแม่ค้าก็เล่าให้เขาฟังว่า ชาวบ้านแถวนั้นหลายคนจำเขาได้ดี จึงเอ่ยปากถามกับแม่ค้าขายล็อตเตอรี่หลังจากที่เขาไปแล้วว่า น้องชายเขาเสียชีวิตไปแล้วใช่ไหม แล้วคนที่หน้าเหมือนกันที่นั่งมาในรถด้วยใช่น้องชายหรือเปล่า? จึงทำเอาทุกคนแอบหวั่น ๆ ถึงการปรากฎตัวของโชเล่ย์ ว่าจะพาน้องชายมาด้วยอีกหรือไม่!
วันที่โชเล่ย์โทรหาน้องสะใภ้ให้จุดธูปบอกอะซันน้องชายที่เสียชีวิต ว่าตนเองจะเอาเรื่องราวของน้องมาเล่าในรายการคนอวดผี เสียงที่ตอบกลับมากลับเป็นเสียงทุ้มสั่นของชายคนหนึ่งที่ตอบว่า ดี .. ไป .. ดี จนเขาและน้องสะใภ้ต้องอึ้ง เพราะในวันนั้นไม่มีผู้ชายคนไหนในครอบครัวรับโทรศัพท์จากโชเล่ย์เลย
เหตุผลสำคัญที่โชเล่ย์มาเปิดเผยเรื่องราวของน้องชายในรายการคนอวดผี เป็นเพราะเชื่อว่าการที่น้องชายจากไปทั้งที่ยังหลับสนิท ทำให้น้องชายไม่สามารถสื่อสารความต้องการออกมาได้ แม้จะเคยนำตาสัปปะรดไปป้ายตาน้องชายเพื่อเปิดทาง และนำใบบอนไปเปิดปากน้องชายแล้ว แต่เขาก็ยังอยากมีที่พึ่งที่จะช่วยให้เขาได้ติดต่อกับวิญญาณของน้องชายอีกสักครั้ง
ทางรายการจึงได้เชิญ คุณริว จิตสัมผัส มาให้ความช่วยเหลือ โชเล่ย์ ดอกกระโดน ในครั้งนี้ ซึ่งริว จิตสัมผัส ก็ได้อธิบายว่า ความเชื่อที่ว่าไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับน้องโชเล่ย์ได้เพราะเสียชีวิตขณะหลับสนิทนั้นอาจจะไม่ใช่เหตุผล แต่เป็นเพราะการติดต่อกับวิญญาณจะต้องมีช่วงเวลาที่ถูกต้อง ในช่วง 7 วันแรกดวงวิญญาณจะยังสื่อสารไม่ได้ เพราะดวงวิญญาณจะยังคงอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ ส่วนช่วง 7 วันต่อมา หรือวันที่ 8-14 จะเป็นช่วงที่วิญญาณแวะเวียนไปหาญาติพี่น้องเพื่อร่ำลา ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการชดใช้กรรมไปจนครบวันที่ 49
จากนั้น ริว จิตสัมผัส จึงทำการติดต่อกับวิญญาณ และบอกกับโชเล่ย์ว่า ที่เข้าใจว่าฆาตกรมีอยู่ 2 คน แท้จริงแล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่รู้เห็นเหตุการณ์ หากสามารถหาตัวคนคนนั้นเจอได้ วิญญาณน้องชายโชเล่ย์ ก็จะจากไปอย่างสงบ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่วิญญาณของน้องโชเล่ย์ยังคงวนเวียนให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ไม่ยอมไปไหน
สุดท้ายคดีดังกล่าวก็ยังคงอยู่ในกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งทางครอบครัวของโชเล่ย์ก็ยังคงต้องรอคอยอย่างมีความหวังต่อไปเพื่อหาตัวผู้ร่วมขบวนการที่ยังเหลือ แม้ว่าดวงวิญญาณของคนที่ถูกพรากจากไปอย่างโหดเหี้ยม จะยังคงวนเวียนอยู่ไม่ยอมจากไปไหน แต่ในความเป็นพี่ชายที่รักน้องอย่างสุดซึ้ง โชเล่ย์ ดอกกระโดน จึงไม่เคยหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ประหลาดต่าง ๆ เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะน้องชายยังมีห่วง หากวันหนึ่งที่ทุกอย่างจบลง ถึงวันนั้นน้องชายของเขาก็คงจากไปอย่างสงบได้เอง






