สมาคมพิทักษ์สัตว์ แถลง กรณีพบสัตว์สงวนบ้านยู่ยี่



 

เรียบเรียงข้อมูลจากกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เพื่อนข้างถนน

            สมาคมพิทักษ์สัตว์ ออกแถลงการณ์ยืนยัน ยู่ยี่ ไม่ได้มีเจตนาครอบครองสัตว์ป่า แต่ต้องการคุ้มครองให้พ้นภัย
 
            หลังจากที่มีการตรวจพบสัตว์ป่าสงวนหลายชนิด เช่น เสือไฟ งูเหลือม งูหลาม เป็นต้น ในบ้านของ นางอลิสา อินทุสมิต หรือยู่ยี่ ซึ่งทางเจ้าตัวก็ได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้ลักลอบเลี้ยง แต่เป็นการเลี้ยงเพื่อรักษา ช่วยเหลือ ก่อนจะส่งคืนสู่ป่า ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด เมื่อวานนี้ (19 กรกฎาคม) สมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ก็ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง การตรวจสอบสถานภาพสัตว์ป่าบ้านคุณยู่ยี่ อดีตดาราภาพยนต์ชื่อดัง โดยมีใจความดังนี้

            คุณ อลิสา อินทุสมิต เกวสต้ารามอส หรือ ยู่ยี่ และคุณ แฟรงค์ สามีได้ร่วมมือกับสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) มาตั้งแต่ พ.ศ. 2547 โดยทั้งสองฝ่ายได้ทราบและติดตามผลงานของกันและกันมาก่อนหน้าแล้ว เห็นว่าน่าจะร่วมือกันเพื่อประโยชน์ด้านการกู้ภัยสัตว์ได้ เพราะคุณยู่ยี่กับสามีมีทักษะในการจับควบคุมสัตว์เลื้อยคลานแทบทุกชนิด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสัตว์ของสมาคมยังได้ฝึกทักษะในการจับสัตว์เลื้อยคลานจากคุณยู่ยี่ด้วย จึงมอบหมายให้คุณยู่ยี่กับคุณแฟรงค์เป็นอาสาสมัครกู้ภัยสัตว์เลื้อยคลานอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2552

            ต่อกรณีที่มีผู้แจ้งกองบังคับการป้องกันและปรามปรามการทุจริตด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส) หรือตำรวจป่าไม้ตามภาษาชาวบ้าน ว่ามีบ้านสองแห่งเลี้ยงสัตว์ป่ามากมายสงสัยว่าจะผิดกฎหมาย ทางตำรวจ (ปทส) จึงต้องทำการตรวจสอบตามหน้าที่ และทราบว่าเป็นบ้านของคุณยู่ยี่อดีตดาราภาพยนตร์ และคุณยู่ยี่แจ้งว่าเป็นอาสาสมัครของสมาคมพิทักษ์สัตว์(ไทย) ซึ่งทาง ปทส. เองก็รู้จักคุ้นเคยดี ประกอบกับ สมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) มีข้อตกลงร่วมมืออย่างเป็นทางการกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพรรณพืช มาตั้งแต่ พ.ศ. 2550 ทางกรมอุทยานฯ จึงติดต่อสอบถามมาทางสมาคมเพื่อให้เข้าตรวจสอบร่วมกัน โดยเริ่มจากบ้านหมู่บ้าน เคซี 7 ที่คุณยู่ยี่เช่าไว้ เพราะไม่สะดวกที่จะเก็บรักษาสัตว์ป่าในบ้านหมู่บ้านโฮมเพรสที่มีลูกเล็ก ๆ อยู่ด้วย พบว่าสัตว์ส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภท งู แมงป่อง กิ้งก่า และกบ จากต่างประเทศ ซึ่งรับมาจากประชาชนที่ชอบเลี้ยงตามกระแส พอเบื่อก็จะปล่อยทิ้ง อันจะกระทบต่อระบบนิเวศน์ของไทย มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นงูเหลือม งูหลาม ที่ชาวบ้านโทรแจ้งว่าพบในบ้าน จึงได้ไปช่วยจับออกมารอส่งคืนสู่ธรรมชาติ

            สำหรับเสือไฟ นกเค้าเหยี่ยว และนกกาเหว่าที่พบ และเป็นสัตว์ในบัญชีสัตว์คุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ได้มาจากการกู้ภัยสัตว์ โดยเสือไฟมีคนใส่กล่องไว้หน้าบ้านเนื่องจากไม่กล้าส่งมอบให้ทางราชการเองด้วยเกรงจะมีความผิด คุณยู่ยี่และคุณแฟรงค์จึงรับไว้อนุบาลรักษาและลงบันทึกประจำวันไว้กับ สน. บางชันตามคำแนะนำของสมาคมนานแล้ว จนบัดนี้สุขภาพก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วนลูกนกเค้าเหยี่ยวมีชาวบ้านพบตกในธรรมชาติจึงนำมามอบให้ช่วยดูแลจนกว่าจะบินเป็นแล้วค่อยปล่อยคืนธรรมชาติ ในขณะที่นกกาเหว่าถูกชาวบ้านยิงขาหักพิการไม่สามารถคืนธรรมชาติได้ แต่อีเห็นซึ่งได้มาในลักษณะคล้ายกันไม่ใช่สัตว์คุ้มครอง

            สรุปแล้ว สัตว์จากต่างประเทศไม่มีรายการใดที่ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายไทยไม่คุ้มครองการค้าสัตว์ป่านำเข้า แต่คุณยู่ยี่ไม่ต้องการส่งมอบให้สวนสัตว์หรือองค์กรที่จะนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้า ต้องการหาบ้านที่เหมาะสมให้ โดยไม่เป็นการสนับสนุนให้มีการเลี้ยงสัตว์ป่าตามกระแสนิยม มีเพียง เสือไฟที่แจ้งทางราชการแล้ว จึงไม่ผิดกฎหมาย มีลูกนกเค้าเหยี่ยวกับนกกาเหว่าพิการและงูเหลือมงูหลามไทยที่เป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมาย แต่ไม่ได้แจ้งทางราชการ เพราะการช่วยชาวบ้านนำงูออกจากบ้าน ช่วยนกขาหัก หรือตกจากต้นไม้ เป็นการช่วยเหลือด้วยมนุษยธรรมตามปกติวิสัยของวิญญูชน จะต่างกันก็ที่หากเป็นคนทั่วไปอาจช่วยให้พ้นภัยแล้วปล่อยเลย แต่คุณยู่ยี่กับสามีทำตามหลักปฏิบัติสากล คือ ตรวจรักษา ถ่ายพยาธิ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหากับระบบนิเวศน์หรือเป็นภาระกับทางราชการ จากนั้นจะคืนสู่ธรรมชาติหรือส่งมอบผ่านสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ให้ทางราชการต่อไป

            สมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ขอยืนยันว่า คุณยู่ยี่และสามี ไม่มีเจตนาครอบครองสัตว์ป่าทั้งหมด โดยขอให้ทุกฝ่ายพิจารณาจากข้อเท็จจริง ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ว่า เป็นการคุ้มครอง มิใช่การครอบครอง ตามมาตรา 19 ซึ่งระบุ "ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 ที่ได้มาจากการเพาะพันธ์ หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าว และโดยต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดี และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต....." มีโทษ ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ด้วยมาตรา 26 กำหนดว่า "บทบัญญัติตามมาตรา 19 มิให้ใช้บังคับแก่การกระทำเพื่อประโยชน์ในการสำรวจ การศึกษาและวิจัยทางวิชาการ การคุ้มครองสัตว์ป่า การเพาะพันธุ์ หรือเพื่อกิจการสวนสัตว์สาธารณะ ซึ่งกระทำโดยทางราชการและโดยได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีและต้องปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ............"






เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สมาคมพิทักษ์สัตว์ แถลง กรณีพบสัตว์สงวนบ้านยู่ยี่ โพสต์เมื่อ 20 กรกฎาคม 2555 เวลา 15:29:20 2,350 อ่าน
TOP
x close