เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
กรมทรัพย์สินทางปัญญา เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง หลังผู้ประกอบการร้องเรียนว่าบริษัทจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ ทำงานซ้ำซ้อน ไม่ชัดเจน
จากกรณีเจ้าของร้านเกมแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ นำคลิปหลักฐานโร่แจ้งความ เนื่องจากถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์ บุกเข้าไปในร้าน ก่อนทำการยัดข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมทั้งข่มขู่กรรโชกเรียกเงินกว่า 50,000 บาทนั้น
ล่าสุด วันนี้ (27 สิงหาคม) นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ศึกษาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง หลังปัญหาในเรื่องการจัดเก็บลิขสิทธิ์มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้น โดยในปัจจุบันมีบริษัทจัดเก็บมากถึง 32 บริษัท ซึ่งกลายเป็นภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการ เช่น ธุรกิจร้านคาราโอเกะ เธค ผับ ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า
ส่วนเรื่องที่มีผู้ประกอบการร้องเรียนเข้ามามาก คือ ปัญหาจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงที่ซ้ำซ้อน ซึ่งจะมีบริษัทจัดเก็บลิขสิทธิ์ที่อ้างสิทธิในเพลงของหลายบริษัท รวมถึงปัญหากรณีที่ผู้รับมอบอำนาจของบริษัทจัดเก็บ ได้เรียกค่ายอมความกับผู้ประกอบการในอัตราที่สูง โดยไม่มีความชัดเจนของบริษัทที่จัดเก็บ จนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
นางปัจฉิมา ยังกล่าวต่อว่า กรมฯ ได้เชิญ 32 บริษัทจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง มาหารือถึงแนวทางในการกำหนดมาตรฐานในการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง และยังได้เชิญตำรวจมาร่วมรับฟังแนวทางการดำเนินการ โดยมีข้อสรุป คือ บริษัทจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่ต้องการแจ้งจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ต้องมีจำนวนเพลงไม่น้อยกว่า 5,000-10,000 เพลง ดังนั้นบริษัทเล็ก ๆ จึงต้องรวมตัวกันทำงาน
ส่วนการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงในพื้นที่ต่างจังหวัด อาจพิจารณาให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเป็นศูนย์กลางในการรับค่าลิขสิทธิ์แทนบริษัทจัดเก็บ โดยให้นำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขององค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) มาใช้บริหารจัดการบริษัทจัดเก็บเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้กำหนดประเภทธุรกิจที่จะสามารถดำเนินการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ให้ชัดเจน
นางปัจฉิมา ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ทางกรมฯ กำลังศึกษาการจัดตั้งองค์กรจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์กลางเพื่อดูแล ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีบริษัทที่ดำเนินการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงมากที่สุด ขณะที่ประเทศอาเซียนอื่น ๆ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มีองค์กรจัดเก็บเพียง 1-2 องค์กรเท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก