สุเทพ พี่ชายหมอสุพัฒน์ เปิดปมความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง


สุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ หมอสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ เจาะข่าวเด่น โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ เผย จุดเริ่มต้นความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง ว่ามีสาเหตุมาจากการดูแลรักษาแม่ ที่น้องชายมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ทำให้ตนไม่ไว้ใจน้องอีกต่อไป

            กลายเป็นประเด็นข่าวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากที่สุดในช่วงนี้กับคดีที่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่า นายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามี-ภรรยา เจ้าของไร่สับปะรด ที่หายตัวไปนานกว่า 3 ปี สืบเนื่องจาก นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ ซึ่งเป็นพี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้แจ้งเบาะแสกับญาติของผู้สูญหาย จนนำไปสู่การพบรถ และพบโครงกระดูกในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ กระทั่งกลายมาเป็นหลักฐานในการตั้งข้อหาดังกล่าว

สุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ หมอสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ

            แต่ในระหว่างนั้น พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้โต้ว่าตนถูกพี่ชายใส่ร้าย เนื่องจากกำลังมีปัญหาฟ้องร้องเรื่องมรดกของครอบครัว และยังท้าให้สื่อมวลชนลองไปขุดคุ้ยประวัติของพี่ชายดู จนนายสุเทพต้องออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว ผ่านรายการเจาะข่าวเด่น (25 กันยายน) โดยช่วงต้นรายการ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ให้ข้อมูลว่า นายสุเทพ เป็นอดีตผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ แต่ได้ลาออกจากการทำงานรัฐวิสาหกิจ มา 8 ปีแล้ว โดยในปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร และดูแลแม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

            จากนั้น นายสุเทพ ได้กล่าวถึงความรู้สึกหลังจากที่ถูกพูดพาดพิงในแง่ไม่ดีว่า ตนรู้สึกสงสารน้องชาย เพราะน้องคงมืดแปดด้านและหลังชนฝาแล้ว ถึงเขาจะโยนอะไรให้ตน ตนก็ยอมรับ ซึ่งที่ผ่านมาตนกับน้องชายก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งอะไรกัน ยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแม่ โดยเรื่องเริ่มจากน้องชายได้ช่วยพาแม่ไปผ่าตัดเปลี่ยนกระดูกต้นขาข้างซ้าย เนื่องจากข้อหัก ที่โรงพยาบาลตำรวจ

            แต่พอแม่ออกจากไอซียู แล้วย้ายไปอยู่ห้องปกติได้แค่ 2 - 3 วัน น้องก็สั่งให้ตนเอาแม่กลับบ้าน ซึ่งตอนนั้นแม่อายุ 92 ปี แต่ในปัจจุบันอายุ 96 ปีแล้ว หลังจากผ่าตัด แพทย์ก็ได้แจ้งว่า ให้ทำใจไว้บ้าง เนื่องจากแม่อายุมากแล้ว หลังจากการผ่าตัดอาจจะอยู่ติดเตียง ไม่ยอมเดิน ซึ่งส่งผลต่อระบบขับถ่าย ร่างกายมีแผลกดทับ และอาจติดเชื้อในกระแสเลือด จนทำให้แม่อาจต้องจากเราไปภายใน 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี ดังนั้นจึงต้องพยายามทำให้แม่กลับมาเดินได้อีกครั้ง

            จากเรื่องดังกล่าว ตนจึงได้ขัดแย้งกับน้องว่า ทำไมหลังจากแม่ผ่าตัดแล้ว ไม่ให้แม่อยู่กายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลก่อน เพื่อให้เวลาตน และพี่เลี้ยงที่จะมาดูแลแม่ ได้เรียนรู้วิธีดูแลให้แม่กลับมาเดินได้อีกครั้ง ไม่เช่นนั้นแม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งเหตุการณ์นี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยน้องชายตนให้เหตุผลว่า ต้องทำตามระเบียบโรงพยาบาล จนตนต้องนำแม่ออกจากโรงพยาบาล และให้กลับไปอยู่ที่บ้านแม่ ซึ่งขณะนั้นลูกชายของตน เรียนจบด้านอายุรกรรมมาพอดี ตนจึงขอให้ลูกช่วยดูแล และนำตำราต่าง ๆ มาให้ แล้วทำราวจับภายในบ้าน เพื่อพาแม่เดิน จนแม่สามารถกลับมาเดินได้ แม้จะต้องพยุงหลังกันแม่ล้มอีก

สุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ หมอสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ

            นายสุเทพ เล่าอีกว่า ต่อมา เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2554 เมื่อน้องชายมาเยี่ยมแม่ ขณะที่ตนกำลังพาแม่เที่ยว น้องชายบอกว่าแม่แขนบวม เท้าบวมน้ำ เป็นอาการเริ่มต้นของหัวใจล้มเหลว จึงบอกให้ตนไปซื้อยาขับปัสสาวะมา  ซึ่งตอนนั้นลูกชายตนที่เป็นอายุรแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญโรคไต ได้กลับมาบ้านหลังจากใช้ทุนในต่างจังหวัดเสร็จสิ้นพอดี ตนจึงนำยาที่ซื้อมาไปปรึกษาลูกชาย แต่ลูกชายกลับบอกว่า ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งตรวจคุณย่าไป พบว่าร่างกายปกติดี แถมแม่ตนเป็นคนตัวเล็ก น้ำหนักแค่ 46 กิโลกรัม และดื่มน้ำไม่เยอะ หากกินยาขับปัสสาวะ จะทำให้ร่างกายขับน้ำมากเกินไป และอาจหัวใจวายเสียชีวิตได้

            ซึ่งตนรู้สึกว่าเรื่องนี้มันร้ายกาจมาก ตนจึงดุน้องชายไปว่า น้องอกตัญญู ลูกเนรคุณ เพราะน้องอายุห่างจากตนถึง 6 ปี และตนเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เล็ก การที่ตนดุน้องไป เพราะตนรู้สึกสังหรณ์ใจมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่น้องจัดยากดประสาทให้แม่จำนวนมาก จนกระทั่งแพทย์ต้องสั่งให้ระงับยาดังกล่าว ตนจึงยิ่งรู้สึกว่าน้องชายมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ และเมื่อคุยกับน้องชายอย่างจริงจังว่า แพทย์ท่านอื่น รวมถึงลูกชายตน ต่างเห็นว่ายาที่น้องชายจัดให้อาจส่งผลร้ายกับแม่ได้ น้องชายตนกลับบอกเพียงว่า แพทย์คนอื่นไม่ได้เรื่อง และลูกชายตนก็อ่อนหัด

            นอกจากนี้ ตนยังมาทราบเรื่องภายหลังว่า น้องชายตนยื่นเรื่องต่อศาลตั้งแต่ปี 2545 ว่า ขออนุบาลแม่ที่ป่วย เกี่ยวกับโรคความจำเสื่อม และโรคประสาทอื่น ๆ โดยมีแพทย์ระบุในเอกสารว่า หากป่วยเป็นโรคนี้จริง ผู้ป่วยจะมีอายุได้เพียง 8 - 10 ปี หลังจากป่วย ซึ่งปี 2555 นี้ ก็จะครบ 10 ปีพอดี ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าน้องทำแบบนี้เพื่ออะไร คาดว่าน้องอาจจะคิดว่าแม่ไม่รัก เพราะแม่เองก็พูดเสมอว่าน้องตนคิดว่าแม่ไม่รัก เพราะน้องจะทำอะไร แม่ก็บอกให้รอตนก่อน

สุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ หมอสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ

            สำหรับคลิปของแม่ตนที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ลูกชายตนเป็นคนนำมาเผยแพร่เอง โดยในคลิปแม่ตนได้เตือนพวกตนว่าให้ระวังน้องชายไว้ ส่วนเรื่องที่แม่บอกว่าให้ขายบ้าน ขายทุกอย่างให้หมด แม่ตนหมายความว่า ให้พวกตนขายบ้านที่อยู่ในปัจจุบัน แล้วพาแม่ไปซ่อน เพราะน้องชายคิดจะฆ่าแม่ โดยคลิปนี้ถ่ายเมื่อประมาณ 2  เดือนที่แล้ว ซึ่งปกติแม่จะเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่แม่รู้เรื่องพวกนี้มาตลอด และรู้สึกเสียใจมาก

            นายสุเทพ ย้ำว่า ตอนนี้แม่ตน อายุ 96 - 97 ปี แล้ว อาจจะมีลืมบ้าง หลงบ้างเป็นธรรมดา แต่อยากให้ทุกท่านดูเอาเองว่า แม่ตนยังพูดจาชัดเจน รู้เรื่องทุกอย่าง และสั่งให้พวกตนทำนู่นทำนี่ได้ จึงเห็นได้ชัดว่า แม่ไม่ได้พูดเพราะความหลง ส่วนกรณีการพบรถของ 2 สามีภรรยาที่หายตัวไปในบ้านที่ จ.นนทบุรี นั้น แท้จริงแล้วคุณแม่ตนไม่เคยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้นเลย เพราะหลังจากที่แม่ซื้อบ้านหลังนั้นแล้ว ก็ให้น้องชายตนอาศัยอยู่กับภรรยา และแม่ยายมาตลอด กระทั่งเมื่อแม่ยายเสีย น้องชายตน และภรรยาจึงย้ายไปอยู่ที่คลินิก ซึ่งบ้านหลังนี้ไม่เคยเป็นของตนดังที่น้องชายอ้าง และเป็นชื่อของแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น

            ส่วนกรณีที่ครอบครัวของ 2 สามีภรรยาที่หายตัวไป บอกว่าตนเป็นผู้ให้เบาะแสเรื่องรถนั้น สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ตนได้พาคุณวิมล นุ่มจุ้ย พี่สาวของคุณสามารถที่หายตัวไป ซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ โรงพยาบาลตำรวจ และเป็นลูกน้องของน้องชายตน ไปเลี้ยงข้าวเที่ยง เพื่อตอบแทนที่ช่วยดูแลแม่ทุกครั้งที่แม่ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างนั้นคุณวิมลก็เล่าว่ามีปัญหากับน้องชายของตน ซึ่งน้องชายของเธอได้หายตัวไป 3 ปี กว่าแล้ว และเมื่อสอบถามน้องชายตนก็ปฏิเสธมาตลอด คุณวิมลถามตนว่า เป็นไปได้ไหม ที่น้องชายตนจะจับนายสามารถไปขังไว้ที่ไหน ซึ่งตนไม่เชื่อใจน้องชายอีกแล้ว ดังนั้นจึงบอกคุณวิมลไปว่ามีบ้านที่น้องเคยอาศัยอยู่หลังหนึ่ง และถามคุณวิมลว่าอยากไปดูไหม ซึ่งคุณวิมลก็ขอไปดู จนกระทั่งพบรถของนายสามารถจอดอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว

            อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายรายการนายสรยุทธ์ ทิ้งท้ายว่า คดีดังกล่าวยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกมาก รวมถึงข่าวที่บอกว่า นายสุเทพถึงขั้นเขียนแผนที่ชี้จุดที่คาดว่าน่าจะมีศพของ 2 สามีภรรยา ฝังอยู่ จนทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่านายสุเทพรู้เบาะแสขนาดนี้ได้อย่างไร ซึ่งจะมีรายละเอียดของเรื่องดังกล่าวมาให้ผู้ชมได้ทราบกันในภายหลัง 






ความคืบหน้าคดีหมอสุพัฒน์ 26 กันยายน 2555


ระดมเครื่องสแกนโลหะ ลุยไร่หมอสุพัฒน์ หากระสุน

          พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์  ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า แนวทางการสอบสวนคดีการหายตัวปริศนาของ 2 สามีภรรยา จ.เพชรบุรี ในวันนี้ ทางตนเองได้ประสานงานกับ ตชด. และกองพิสูจน์หลักฐาน นำเครื่องตรวจสแกนหาโลหะ เข้าไปตรวจสอบที่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อีกครั้ง ในวันนี้ โดยคาดหวังว่า อาจจะเจอปลอกหรือหัวกระสุนในไร่ดังกล่าว เพื่อนำเป็นหลักฐานในการสอบสวนที่พบโครงกระดูกต่อไป

          ส่วน น.ส.วิลสา จันทรบัญชา ที่ถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวด้วยนั้น ล่าสุด ได้โทรมายัง รอง ผบช.ภ.7 ที่คุมสำนวนนี้ ว่าอยากจะขอเข้ามอบตัว แต่ติดปัญหาว่า กำลังหาเงินเพื่อมายื่นขอประกันตัว จึงไม่มามอบตัว และกรณีที่ว่า หากมามอบตัวแล้ว ตำรวจจะกันเป็นพยานนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะบุคคลนี้ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ส่วนหากมามอบตัวแล้ว จะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับคำให้การและพฤติกรรม ว่าจะสร้างความยุ่งเหยิงในคดีหรือไม่ ก่อนพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง


ผบก.นิติเวช ขอเวลาหาดีเอ็นเอโครงกระดูก


          พล.ต.ต.สมบูรณ์ ตันตระกูล ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ผลการตรวจดีเอ็นเอ พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โครงกระดูก 3 ร่าง ที่ขุดพบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา ชาว จ.เพชรบุรี ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ โดยเมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมา ได้มีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของบิดามารดา ของผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้เสียชีวิตไปแล้ว แต่เนื่องจากโครงกระดูกที่พบมีลักษณะเก่ามาก จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ พร้อมกันนี้ ยืนยัน จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะเสร็จสิ้นในวันนี้หรือไม่

          อย่างไรก็ตาม หากผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอออกมาเมื่อใด โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ หรือโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นผู้เปิดเผยรายละเอียดอีกครั้ง พร้อมย้ำว่า การดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปอย่างเปิดเผย
 
 
สุเทพ พี่หมอสุพัฒน์ ไม่พบตำรวจ หวั่นอันตราย

            นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ เปิดเผยว่า ตามที่ทางตำรวจ สภ.ท่าไม้รวก และ บช.ภ.7 รวมทั้งดีเอสไอ ติดต่อให้ตนเองเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ในคดีที่ น้องชาย ถูกจับกุมกับปมปริศนาการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา และพบโครงกระดูกในไร่ ที่ จ.เพชรบุรี นั้น โดยเฉพาะปมที่พบรถตู้สีขาว จอดไว้ในไร่ของน้องชาย ซึ่งตำรวจะระบุว่า ชื่อผู้ครอบครองเป็นของตนเอง ซึ่งกรณีนี้จะไม่เดินทางไปให้ปากคำ หรือชี้แจงกับตำรวจในพื้นที่ และยืนยันว่า รถคันดังกล่าว ได้ทำการขายให้กับน้องชายไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะหวั่นเกิดอันตรายได้ โดยในวันนี้ ตนเองจะแฟกซ์รายละเอียดสัญญาการซื้อขายรถคันดังกล่าวให้กับตำรวจไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น และตนเองก็ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกับคดีการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา หรือการพบโครงกระดูกด้วย


สุเทพ พี่หมอสุพัฒน์ ไม่พบตำรวจ หวั่นอันตราย

            นายสุเทพ กล่าวอีกว่า กรณีปมปัญหาคดีความเกี่ยวกับการดูแลมารดาของตนเอง ที่น้องชายร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อขอเป็นผู้อนุบาล และตนเองพร้อมญาติ ได้ร้องคัดค้านนั้น ศาลได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องคัดค้านไปแล้ว 2 ปาก และยังเหลืออีก 2 - 3 ปาก โดยศาลได้นัดไต่สวนผู้ร้องค้านอีกครั้ง ในวันที่ 6 ตุลาคม นี้ ก่อนจะมีคำตัดสินอีกครั้ง


นอนคุกวันที่ 2 หมอสุพัฒน์ ไม่เครียด สบายดี

            นายสุรสิทธิ์ จิตชอบใจ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยกรณี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของ 2 สามีภรรยา ใน จ.เพชรบุรี ภายหลัง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เข้ามาอยู่ในความควบคุมของเรือนจำ ในเเดนเเรกรับ เป็นคืนที่ 2 ว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มีสภาพร่างกายเเข็งเเรงปกติ นอนหลับร่วมกับผู้ต้องหารายอื่น ๆ อีก 30 คน และรับประทานอาหารได้ สภาพจิตใจจากการพูดคุย เมื่อวานที่ผ่านมา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ สามารถพูดคุยได้เหมือนคนปกติทั่วไป และมีสภาพจิตใจดี สีหน้าสดชื่น ยิ้มแย้มเเจ่มใส ไม่เครียด รวมไปถึง ยังปฏิบัติตามกฎของทางเรือนจำอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เมื่อวานที่ผ่านมา ทราบว่า มีผู้เดินทางมาเยี่ยมด้วย








เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สุเทพ พี่ชายหมอสุพัฒน์ เปิดปมความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง โพสต์เมื่อ 26 กันยายน 2555 เวลา 08:45:46 23,305 อ่าน
TOP
x close