





เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก chasingice.com
ผู้กำกับชาวอเมริกัน จับภาพภูเขาน้ำแข็งที่กรีนแลนด์แยกออกจากกันและธารน้ำแข็งละลายได้ ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีสะท้อนปัญหาโลกร้อน พร้อมชี้ น้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลาย ปริมาณน้ำทะเลสูงขึ้นมหาศาล
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ ได้รายงานว่า เจมส์ บาล็อก ผู้กำกับชาวอเมริกันได้บันทึกภาพที่แสดงให้เห็นถึงพลังที่แสนน่ากลัวของธรรมชาติไว้บนแผ่นฟิล์มของเขา โดยภาพที่ว่านั้นก็คือภาพของภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่กรีนแลนด์ กำลังแยกออกจากกัน ซึ่งภายในวิดีโอได้แสดงให้เห็นภาพของก้อนน้ำแข็งจัตุรัสหนา 1.7 กิโลเมตร กำลังแยกออกจากธารน้ำแข็งของกรีนแลนด์ และ บาล็อก ก็ได้เปรียบว่ามันเหมือนกับเขากำลังเห็น แมนฮัตตันที่แยกออกเป็นเสี่ยงอยู่เบื้องหน้า
ทั้งนี้ คลิปวิดีโอนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีน้ำแข็งละลายในกรีนแลนด์ ที่ชื่อ "Chasing Ice" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้ประชาชนหันมาสนใจและตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อน บาล็อก และทีมงานได้เริ่มภารกิจที่สุดขั้วนี้ตั้งแต่ปี 2007 โดยตระเวนไปตามธารน้ำแข็งในพื้นที่ต่าง ๆ อย่าง อลาสก้า มอนทาน่า กรีนแลนด์ และไอซ์แลนด์ ท่ามกลางพื้นที่ห่างไกลเหล่านั้น ทีมสำรวจได้ตั้งกล้องเพื่อบันทึกภาพที่แสดงให้เห็นว่าน้ำแข็งเหล่านั้นกำลังละลาย และธารน้ำแข็งที่แตกออกจากกัน

ภาพถ่ายของ บาล็อก แสดงให้เห็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ที่ทำให้น้ำแข็งค่อย ๆ ละลายไหลลงสู่มหาสมุทร และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บาล็อก ยังได้บรรยายภายในภาพยนตร์ว่า "น้ำแข็งที่กำลังละลายนี้ มันก็เหมือนกับบอลลูนที่ถูกปล่อยลมออกเรื่อย ๆ หากคุณลองมองเส้นบรรทัดนั่น มันก็คือระดับสูงสุดของน้ำทะเล ในปี 1984 แต่ตอนนี้ความสูงที่เพิ่มขึ้นนั้นมีขนาดเท่ากับความสูงของตึกเอมไพร์สเตท" และ "เหตุการณ์ชี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ภาวะโลกร้อนมีผลกระทบต่อโลกอย่างชัดเจน"


รายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า กรีนแลนด์ กำลังเกิดน้ำแข็งละลายในปริมาณ 140,000 ตันต่อปี ขณะที่วารสาร "Science" ระบุว่า มีน้ำแข็งเป็นปริมาณกว่า 4 ล้านล้านตันจากกรีนแลนด์ และพื้นที่แอนตาร์กติกาได้ละลายตัวในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และทำให้ระดับน้ำทะเลของโลกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
โพสต์โดย คุณ Mou Gnia สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม






