เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอบคุณภาพประกอบจาก globalgrind.com
นิตยสาร ไทม์ ของอเมริกา ได้คัดเลือกสุดยอดสิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2012 โดยมีตั้งแต่ของที่ไม่ถูกประเมินมูลค่า จนถึงของที่มีมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในยุคสมัยนี้เปรียบได้ดั่งยุคทองของสิ่งประดิษฐ์และการคิดค้นนวัตกรรม ซึ่งในปี 2012 ที่ผ่านมานี้ก็ได้มีการคิดค้นและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ขึ้นมากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลายหลายของคนในยุคนี้ ล่าสุด เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ฝ่ายข่าวเทคโนโลยี กองบรรณาธิการนิตยสาร “ไทม์” ของสหรัฐอเมริกา ก็ได้คัดเลือกสุดยอดสิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2012 ออกมาให้ชมกันก่อนขึ้นศักราชใหม่ โดยสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกจัดให้เป็น 1 ในสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ในปีนี้ มีดังนี้
1. รองเท้า Flyknit Racer จาก ไนกี้ มูลค่า 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ (4,590 บาท)
สำหรับความมหัศจรรย์ของรองเท้ารุ่นนี้ นั่นก็คือ มันถูกทอขึ้นจากเส้นใยพิเศษจนเป็นเนื้อผ้าเดียวกัน ปราศจากการตัดและประกอบจากผ้าหลายชิ้น รองเท้าคู่นี้ไม่เพียงแต่จะมีน้ำหนักเบาเพียง 160 กรัมเท่านั้น แต่ยังกระชับรูปเท้า ทำให้เป็นรองเท้าวิ่งแข่งสุดเบาและดีที่สุดในตอนนี้ นอกจากนี้ กระบวนการผลิตก็ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
2. หุ่นยนต์ แบ็กซ์เตอร์ มูลค่า 22,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (673,200 บาท)
หุ่นยนต์ในกระบวนการอุตสาหกรรมส่วนมากมักจะมีรูปร่างที่ไม่ชวนมองและดูน่ากลัว แต่หุ่นยนต์แบ็กซ์เตอร์ตัวนี้ซึ่งออกแบบโดยฐานคิดยุคใหม่ของ "ร็อดนีย์ บรูกส์" ปรมาจารย์หุ่นยนต์ชาวอเมริกัน ได้ติดตั้งหน้าจอแสดงภาพใบหน้าของหุ่นที่ยิ้มแย้มน่ารักไว้ทำให้มันดูไม่น่ากลัวอีกต่อไป ที่สำคัญคือมันเป็นหุ่นยนต์ที่เป็นมิตรและมีราคาถูก นอกจากนี้มันยังถูกออกแบบมาเพื่อให้ทำงานซ้ำไปมา เช่น การบรรจุของ หรือคัดแยกของ อีกด้วย
3. อาคารบาฮาร์ ทาวเวอร์ส มูลค่า 245 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (7,479 ล้านบาท)
อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองอาบู ดาบี แม้บนยอดของอาคารแห่งนี้จะมีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ทว่าภายในอาคารกลับมีอากาศที่เย็นสบาย นั่นก็เพราะอาคารแห่งนี้ ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะของ "โครงสร้างกระจกกันแสง" และควบคุมการทำงานโดยคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถเปิด-ปิดได้ตามทิศทางของแสงอาทิตย์ ทำให้สามารถลดความร้อนที่แผ่เข้าไปในอาคารได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แถมยังช่วยลดการใช้เครื่องปรับอากาศภายในอาคารซึ่งช่วยให้สามารถลดก๊าซคาร์บอนในอากาศได้มากถึง 1,750 ตันต่อปีเลยทีเดียว
4. เรือดำน้ำ “The Deepsea Challenger” มูลค่า 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (244.8 ล้านบาท)
เรือดำน้ำนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าถูกออกแบบโดยนักสร้างภาพยนตร์ชื่อดัง อย่าง เจมส์ คาเมรอน ด้วยน้ำหนัก 12 ตัน และความยาว 7.3 เมตร ทำให้มันสามารถดำลงไปในจุดที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรได้ถึง 11 กิโลเมตร นอกจากนี้ เรือยังถูกออกมาแบบมาให้รองรับแรงกดดันได้ถึง 1,000 บาร์ และเครื่องก็ยังมีอุปกรณ์ กล้อง 3 มิติอยู่ดีด้วย
5. ยางรถยนต์ที่สามารถเติมลมได้ด้วยตัวเอง มูลค่า เส้นละ 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,120 บาท)
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทกู๊ดเยียร์ ได้พัฒนายางรถยนต์รุ่นใหม่ ที่ภายในมีอุปกรณ์วัดแรงดัน และวาล์วเปิดปิด ติดตั้งอยู่ โดยในส่วนของกระบวนการทำงานนั้น เครื่องวัดแรงดันจะวัดระดับแรงดันภายในล้อยาง ซึ่งหากภายในล้อยางมีแรงดันที่อ่อนกว่ามาตรฐาน วาล์วจะถูกสั่งให้เปิดท่อดูดอากาศเพื่อดึงอากาศจากภายนอกเข้ามา จนเมื่อแรงดันกลับสู่ระดับปกติ วาล์วก็จะปิดลงเอง
6. แว่นตากูเกิล มูลค่า 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (45,900 บาท)
ความพิเศษของแว่นตัวนี้อยู่ที่คอมพิวเตอร์จิ๋ว ซึ่งถูกติดอยู่ภายในกรอบแว่นทั้ง 2 ข้าง อุปกรณ์ตัวนี้ยังสามารถช่วยเติมเต็มส่วนหนึ่งของชีวิตได้ด้วยหน้าจอขนาดเล็ก 1.3 เซนติเมตร ซึ่งจะช่วยจับภาพในสิ่งที่คุณกำลังจับจ้องอยู่และสามารถแบ่งปันภาพเหล่านี้ได้ รวมถึงสามารถสนทนาผ่านวิดีโอ เปิดแผนที่และเว็บไซต์ โดยผู้ที่สนใจจะสามารถหาซื้อแว่นตากูเกิ้ลได้ในปี 2014
7. สร้างเมฆขึ้นในสถานที่ปิด
ภาพของเมฆที่ลอยอยู่กลางห้องนั้นไม่ใช่ภาพที่ถูกตัดต่อขึ้น แต่เกิดจากการสร้างสรรค์ของ บอร์นอต สมิลด์ ศิลปินชาวดัตช์ ที่พยายามจะสร้างกลุ่มเมฆสีขาวขึ้นในห้องที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่าง ในระดับที่เหมาะแก่การสร้างกลุ่มเมฆ ก่อนที่จะปล่อยควันเข้าไปในห้องที่เตรียมไว้ และไม่นานก็กลุ่มก้อนของเมฆสีขาวก็ปรากฏขึ้น
8. เครื่องบินรบบังคับวิทยุ Drone มูลค่า 40,000-150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (1.2 - 4.5 ล้านบาท)
เครื่องบินรบบังคับวิทยุ (โดรน) รุ่น สวิตช์เบลด เปรียบเสมือนกองหนุนทางอากาศส่วนตัวของทหารอเมริกันภาคพื้นสนาม ตัวเครื่องมีขนาดยาว 1.6 เมตร หนัก 2.7 กิโลกรัม เมื่อปล่อยขึ้นไปแล้ว จะสามารถบังคับผ่านหน้าจอแสดงผลแบบเรียลไทม์ ให้พุ่งเข้าไปชนกับเป้าหมาย เพื่อจุดระเบิดที่ฝังอยู่ตรงส่วนหัวของโดรน
9. เครื่องตรวจเชื้อ HIV ด้วยตนเอง มูลค่า 40 เหรียญสหรัฐฯ (1,224 บาท)
เพียงแค่นำเรื่องมือนี้ไปแตะน้ำลาย และรอเพียง 20 นาที เครื่องทดสอบนี้ก็จะสามารถระบุได้ว่ามีการติดเชื้อ HIV หรือไม่ OraQuick Home HIV Test เป็นเครื่องตรวจเชื้อ HIV ด้วยตัวเองเครื่องแรก ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับอุปกรณ์ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญใช้ทุกประการ ต่างกันแค่เพียงเราไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลและเสียเวลารอผลเป็นวันเท่านั้นเอง แถมภายในบรรจุภัณฑ์ยังมีข้อปฏิบัติต่อผู้ที่เพิ่งทราบว่าติดเชื้อไว้ให้ความรู้เสริมอีกด้วย