จองล้าง จ้องผลาญ...ฉายาสภา ปี 55 - เฉลิม-ชูวิทย์ คว้าคู่กัดแห่งปี


ฉายาสภา


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส

            สื่อสภาฯ แสบ! ตั้งฉายา จองล้าง จ้องผลาญ ให้สภาฯ, เต็มใจเป็นขี้ข้า-วาทะแห่งปี, เฉลิม-ชูวิทย์ คว้า คู่กัดแห่งปี, อภิสิทธิ์-หล่อรับเละ, วุฒิสภา-ตะแกรง เลือกร่อน ส่วน จ่าประสิทธิ์-หมอวรงค์-รังสิมา เป็นดาวดับ

            เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาได้ร่วมกันคัดเลือกเหตุการณ์ต่าง ๆ และตั้งฉายาผู้ที่ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เพื่อสะท้อนภาพการทำงานโดยรวมของฝ่ายนิติบัญญติ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปี โดยการตั้งฉายาดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของสื่อมวลชนประจำรัฐสภา และเป็นการตั้งด้วยความบริสุทธิ์ใจ ใช้เหตุผล ปราศจากการแทรกแซงจากทุกฝ่าย ประกอบด้วย


ฉายาสภา

            1. เหตุการณ์แห่งปี : "พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง"

            ถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ไม่น่าจดจำ เมื่อเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายในสภาผู้แทนราษฎรอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน สืบเนื่องมาจากการเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ จำนวน 4 ฉบับ โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และ คณะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีสาระสำคัญเพื่อล้มล้างผลพวงจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ยังไม่ทันได้พิจารณาก็เกิดกระแสต่อต้านทั้งภายใน และภายนอกสภาฯ โดยในสภาฯ นั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้คัดค้านการพิจารณาร่างดังกล่าว ถึงขั้นขว้างปาสิ่งของ และเข้าไปฉุดกระชากลากตัวประธานสภาลงจากบัลลังก์ ในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 30 - 31 พฤษภาคม 2555 อันสร้างความเสื่อมเสีย และเป็นข่าวไปทั่วโลก


ฉายาสภา

            2. วาทะแห่งปี : "เต็มใจเป็นขี้ข้า" ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี

            เป็นคำพูดที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 เพื่อตอบโต้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากอภิปรายพาดพิงถึงการเพิกเฉยการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เหมือนกับเป็นขี้ข้า ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ลุกขึ้นชี้แจงว่า "ผมเป็นขี้ข้า แต่เสียใจหน่อยคุณสาทิตย์รู้ช้า ก็เป็นมานานแล้ว แต่ผมไม่เห็นเสียหายเลย ผมเต็มใจ" โดยวิวาทะนี้ สะท้อนถึงการทำงานของ ร.ต.อ.เฉลิม ได้อย่างมีนัยสำคัญทางการเมือง


ฉายาสภา

            3. ฉายา สภาผู้แทนราษฎร : "จองล้าง จ้องผลาญ"

            ต้องบอกว่า ภาพรวมในสภาปีนี้มีแต่เรื่องการ "จองล้าง" หรือจ้องจะล้างแค้นซึ่งกันและกันของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในเรื่องการเสนอญัตติ หรือยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการที่เป็นพรรคพวกเดียวกันตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม และตั้งกระทู้ถามเพื่อโยงไปยังข้อผิดพลาดของอีกฝ่าย

            ส่วนคำว่า "จ้องผลาญ" มาจากการผลาญงบประมาณแผ่นดิน เห็นได้ชัดเจนจากการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 55 และปี 56 ที่ ส.ส.จ้องจัดสรรงบประมาณให้พวกตัวเอง และการจัดทริปดูงานต่างประเทศของกรรมาธิการชุดต่าง ๆ


ฉายาสภา

            4. ฉายาวุฒิสภา : "ตะแกรง เลือกร่อน"

            เพราะมีปัญหาเรื่องการกลั่นกรองกฎหมาย และการทำหน้าที่ โดยในปีที่ผ่านมามีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่ม 40 ส.ว. ที่แม้บางครั้งจะทำงานมุ่งเน้นการตรวจสอบ แต่ก็ยังเป็นที่คลางแคลงใจว่ามีวาระซ่อนเร้นต่อฝ่ายการเมืองหรือไม่ เห็นได้จากพฤติกรรมที่พุ่งเป้าไปยังรัฐบาลในหลาย ๆ เรื่อง

            ขณะที่ ส.ว.อีกกลุ่มก็พยายามออกแรงช่วยรัฐบาลอย่างเต็มที่ ถึงขนาดต้องแยกยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 171 เป็น 2 ญัตติ จาก ส.ว. 2 กลุ่ม ทั้งที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกัน สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพ ไม่เป็นหนึ่งเดียว จึงเปรียบเหมือนกับ "ตะแกรง" ที่เลือกร่อน เฉพาะสิ่งที่ตัวเองต้องการ


ฉายาสภา

            5.ฉายาประธานสภาผู้แทนราษฎร - สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ : "ค้อนน้อย หมวกแดง"

            หลังจากปี 2554 ท่านประธานสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้รับฉายา "ค้อนปลอมตราดูไบ" มาในปีนี้ ได้รับฉายา "ค้อนน้อย หมวกแดง" เนื่องจากไม่สามารถแสดงผลงานให้เห็นว่า ตัวเองเป็นขุนค้อนที่น่าเกรงขามเหมือนในอดีต แต่กลับมีข้อครหาเกี่ยวกับการวินิจฉัยข้อขัดแย้งในสภาฯ หลายครั้ง แถมยังมีคลิปเสียงหลุดที่เจ้าตัวพูดเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งยังมีข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องใช้งบประมาณไปชมฟุตบอลคู่บิ๊กแมตช์ที่อังกฤษ จนคนมองว่า ประธานสภาฯ เป็นเพียงแค่ค้อนน้อยที่สวมหมวกแดงแทนการสวมหมวกของประมุขในฝ่ายนิติบัญญัติ


ฉายาสภา

            6.ฉายาประธานวุฒิสภา - นิคม ไวยรัชพานิช : "ผลัดไม้ สุดท้าย"

            เพราะได้ตำแหน่งประธานวุฒิสภามาอย่างเหลือเชื่อ หลังจาก นิคม ไวยรัชพานิช เคยทำใจไว้แล้วว่าคงไม่สามารถก้าวถึงตำแหน่งนี้ได้ในวาระที่เหลืออีกประมาณ 2 ปี แต่โอกาสกลับมาถึง เมื่อ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร เจอคดีออกระเบียบขึ้นเงินเดือนและค่าตอบแทนให้ตัวเอง จนต้องเด้งออกจากเก้าอี้ประธานวุฒิสภาอย่างกะทันหัน ทำให้นายนิคมซึ่งทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภามานานเกือบ 4 ปี ลงท้าชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดในสภาสูงเป็นหนที่ 2 และเอาชนะคู่แข่งได้ในที่สุด


ฉายาสภา

            7.ฉายาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ : "หล่อ รับ เละ"

            เพราะต้องตกอยู่ในสภาพต้องคดีทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นคดีการสลายการชุมนุม คดีถอดยศว่าที่ร้อยตรี ทำให้ในปีนี้ผู้นำฝ่ายค้านมีบทบาทน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมีปัญหาภายในพรรคที่รุมเร้า กลายเป็นว่าปัญหาทุกอย่างพุ่งเป้ามาที่นายอภิสิทธิ์ ส่วนบทบาทการควบคุมดูแลลูกพรรคก็สอบตก เพราะออกมากล่าวสนับสนุนที่ลูกพรรคสร้างความเสื่อมเสียให้รัฐสภา จากการกระทำที่เกิดขึ้นในการประชุมสภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง จึงเปรียบเหมือน นายอภิสิทธิ์ที่มีหน้าตาดูว่าหล่อเหลา แต่ช่วงปีที่ผ่านมาถูกมรสุมการเมืองรุมถล่มจนเละ


ฉายาสภา

             8.  วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ฐานะรองประธานสภาฯ_คนที่ 2 : "ดาวเด่น"

            ถูกชมว่าเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ประธานควบคุมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างดี เพราะสามารถทำหน้าที่ผ่อนหนักผ่อนเบา ช่วยให้อารมณ์การประชุมที่กำลังดุเดือดลดลง ประกอบกับแสดงท่าทีตำหนิ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคเดียวกันที่แสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกลางสภาฯ หลายครั้ง จนหลายคนเอ่ยปากชมว่านายวิสุทธิ์มีความเป็นกลางอย่างมาก ทำให้ได้รับรางวัลดาวเด่นประจำสภาปีนี้ไปครอง


             9. จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย,นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ , น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ : "ดาวดับ"

            ปีนี้มีตำแหน่งดาวดับถึง 3 คน ซึ่งทั้ง 3 คน ได้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมไม่ว่าจะเรื่องวาจาหรือพฤติกรรม ด้วยการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม กล่าวผรุสวาท ก้าวร้าว ถ่อย เถื่อน ขว้างปาสิ่งของ และลากเก้าอี้ประธานสภาฯ ทำให้ภาพพจน์ของสภาฯ เสื่อมเสียอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งนักข่าวรัฐสภาต้องการสะท้อนมุมมองให้เห็นว่าพฤติกรรม ลักษณะเช่นนี้ไม่เป็นที่พึ่งหวังของประชาชนได้ ทั้งที่บทบาทการทำหน้าที่ของ ส.ส. ควรจะมีทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ


            10. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ vs ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง : "คู่กัดแห่งปี"

            ตลอดปีที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ต่างเป็นไม้เบื่อไม้เมาในการทำหน้าที่ในสภามาโดยตลอด แม้ทั้งคู่จะเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในอดีต แต่ปัจจุบันยืนอยู่คนละฝั่งจึงมีเรื่องให้ปะทะคารมกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่นายชูวิทย์มักจะนำคลิปภาพมาฉายกลางห้องประชุมสภาฯ แฉการเปิดบ่อนการพนัน แหล่งอบายมุขที่เปิดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ให้ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งคอยกำกับดูแล สตช.อยู่ ลุกขึ้นมาชี้แจงด้วยวาทะเดือดเป็นประจำ จึงได้รับฉายาคู่กัดแห่งปีไปโดยปริยาย


            11. งดการเสนอชื่อบุคคล : "คนดีศรีสภา"

            เมื่อปีที่แล้วไม่มีใครได้รับตำแหน่งนี้ เพราะเห็นว่ายังไม่มีบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่ง มาปีนี้ก็เช่นกัน เพราะสื่อมวลชนประจำรัฐสภามีความเห็นร่วมกันว่า "คนดีศรีสภา" ควรเป็นบุคคลที่แสดงบทบาทของคนดีให้เป็นที่ประจักษ์อย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีหลายคนแสดงบทบาทช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่ก็ถือเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้ที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ทำให้ในปีนี้สื่อมวลชนจึงงดเสนอชื่อ และของดการมอบตำแหน่งคนศรีสภาประจำปี 2555


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จองล้าง จ้องผลาญ...ฉายาสภา ปี 55 - เฉลิม-ชูวิทย์ คว้าคู่กัดแห่งปี โพสต์เมื่อ 28 ธันวาคม 2555 เวลา 13:34:29 3,398 อ่าน
TOP
x close